กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก เส้นด้าย – Zendai ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนรวมตัวเป็นอาสาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและประชาชนกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ที่ประสบปัญหาการเดินทางไปตรวจและไม่มีเตียงรักษา โพสต์แจ้งข่าวเศร้า เมื่อ “ลุงริน” อาชีพขับแท็กซี่ ติดเชื้อโควิด-19 ไม่มีผู้ดูแลอยู่ในห้องเช่าเพียงลำพัง กลุ่มเส้นด้ายจึงได้เข้าช่วยเหลือ แต่ไม่ทัน “ลุงริน” ได้เสียชีวิตแล้ว
แน่นอนว่าสถานการณ์โควิด-19 ตอนนี้ต้องบอกตรง ๆ ว่าเข้าขั้นวิกฤต หากตามข่าวจะทราบว่าโรงพยาบาลก็ไม่มีเตียงและพื้นที่รองรับ ขณะเดียวกันในส่วนของยอดผู้ป่วยที่พุ่งขึ้นทุกวัน จนทุกอย่างไม่สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้
ล่าสุดวันที่ 28 ก.ค.64 ทีมข่าวอมริทร์ ทีวี เดินทางมาที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นตึกแถว 5 ชั้น ชั้นแรกเป็นร้านอาหาร ชั้นที่ 2 - 3 เปิดให้เช่าห้องพัก และชั้น 4 - 5 เป็นที่พักอาศัยของครอบครัว โดยลุงริน พักอยู่ชั้น 2 ห้อง ซึ่งมีทั้งหมด 4 ห้องตั้งเรียงกัน ห้องของลุงริน อยู่ห้องที่ 2 ถัดจากบันไดทางขึ้น และห้องน้ำอยู่ตรงหัวมุม ทั้งนี้ทางเจ้าของห้องเช่า ขอความร่วมมือ ไม่ให้ถ่ายภาพภายในตึก เพราะเกรงจะกระทบกับกิจการที่บ้าน
น.ส.หวาน (นามสมมติ) อายุ 27 ปี เจ้าของห้องเช่า เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบว่าต้นตอของเชื้อโควิด-19 มาจากไหน และมาทราบอีกครั้งว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แทบจะทั้งตึกแล้ว โดยทุกคนทยอยเป็นไข้ จนเริ่มผิดสังเกต สาเหตุที่ทำให้ติดเยอะคาดว่าน่าจะใช้ห้องน้ำรวม เมื่อวันที่ 15 ก.ค.64 คนที่พักอาศัยอยู่ติดกับห้องของลุงริน เริ่มรู้สึกเอะใจ เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบว่าลุงรินนอนป่วยอยู่ในห้อง สอบถามว่าเป็นอะไร ลุงรินให้คำตอบว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 ไปตรวจเชิงรุกมาทราบว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่อาการแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะมีโรคประจำตัวเป็นวัณโรคปอด
หลังจากที่รู้ว่าติดเชื้อโควิด-19 ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ๆ และทำได้เพียงนำข้าวกับน้ำแขวนไว้หน้าห้อง อีกทั้งยังพยายามโทรศัพท์แจ้งหน่วยงาน แต่ไม่รับสาย กระทั่งวันที่ 18 ก.ค.64 พยายามติดต่อหาลุงริน แต่ไม่รับสาย จึงโทรแจ้งตำรวจ และเห็นว่าลุงรินอยู่ในสภาพนอนนิ่ง ไม่ขยับตัว มีปัสสาวะ อุจจาระกองอยู่ในห้อง ตนจึงติดต่อเบอร์ฉุกเฉิน แต่ติดต่อยากมาก ๆ กระทั่งติดต่อไปทางเพจเส้นด้าย
โดยครั้งสุดท้ายที่เห็น คือ ลุงรินถูกอุ้มลงมาจากห้อง ยังรู้สึกตัวอยู่ แต่พูดไม่ได้ ซูบผอมเหมือนคนไม่ได้กินข้าว ขณะที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาล อาการเริ่มแย่ลง และปอดติดเชื้อกินไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งวันที่ 26 ก.ค.64 ทราบว่าลุงรินเสียชีวิตแล้ว
จากการสอบถาม น.ส.หรรษา ชื่นใจ อาสาสมัครทีมงานเส้นด้าย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.64 ทีมงานเส้นด้าย รับแจ้งจากเจ้าของห้องพัก แต่การเข้าชาร์จยังไม่พร้อม จึงประสานทีมเอราวัณลงพื้นที่ ขณะที่ลงพื้นที่ สภาพของลุงรินนอนจมอุจจาระและปัสสาวะมา 3 วัน เพราะลุกไม่ได้ และไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย โดยวิธีการเข้าไปช่วยเหลือ ทีมงานเส้นด้ายร่วมกับทีมเอราวัณ นำลุงรินยกออกมาจากห้อง เพราะผอมมาก โดยทีมงานเส้นด้ายเป็นคนยกลง และทีมงานเอราวัณ เป็นคนไกด์ทางลง
หลังจากที่พาออกมาจากตึก ต้องชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย อาการของลุงรินดีขึ้น และเหมือนจะมีความหวังอีกครั้ง จากนั้นทีมงานเอราวัณ ได้ส่งต่อไปรักษาที่ รพ.บุษราคัม “เจอเคสแบบนี้แทบจะทุกวัน แทบจะไม่มีเวลาเสียใจเลย เพราะต้องไปต่อ” สำหรับเรื่องของลุงริน ตนรู้สึกจุกมาก ๆ ต้องใช้เวลาทำใจ 2-3 นาที แล้วต้องไปต่อให้ได้ เพราะคนที่ต้องการความช่วยเหลือมีตลอดเวลา
ทีมข่าวได้คุยกับ "คุณภูวกร ศรีเนียน" หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม เล่าให้ฟังว่า สำหรับการเข้าช่วยเหลือในฐานะอาสากลุ่มเส้นด้าย ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา หากพูดถึงจำนวนโดยรวมแล้วทั้งเคสที่นำส่งโรงพยาบาล หรือให้คำปรึกษา ส่งข้อมูลเข้าระบบสาธารณสุข รวม ๆ แล้วประมาณ 10,000 ราย แต่ที่นำส่งโรงพยาบาลแล้วมีจำนวนกว่า 2,000 เคสในพื้นที่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ตนยอมรับว่าการทำงานก่อนหน้านี้กับขณะนี้ค่อนข้างแตกต่างกัน จากจุดเริ่มต้นเราเเค่ต้องการประสานและช่วยเหลือ สุดท้ายทุกวันนี้ทางกลุ่มต้องเพิ่มกำลังพล และทำงานที่นอกเหนือจากประสานหรือช่วยเหลือ กลายเป็นต้องลงพื้นที่เเละพูดคุยกับทางโรงพยาบาลให้กับบางเคส รวมไปถึงยังต้องมีการลงพื้นที่กู้ชีพในบางเคสด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะเสนอให้ทางภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปดูแลจัดหากองทุนหรือเงินสักก้อน มาจัดระบบ จ้างบุคลากรหรืออาสาในการดูแลคนป่วยเพิ่ม โดยเน้นวัยรุ่นหรือกลุ่มผู้ป่วยที่หายจากโรคโควิด-19 แล้ว จ้างงานเขามาให้ช่วยเหลือในส่วนนี้คงจะดี เพราะคนเหล่านี้มีทักษะและความรู้ในการดูแล ตนเชื่อจะคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้ไปได้