อัยการ-ตำรวจ ยันสั่งฟ้อง บอส อยู่วิทยา ขับรถชนคนตาย-เสพโคเคน หลังโซเชียลแชร์ข่าวเก่า

26 ก.ค. 64

กรณีคดี บอส อยู่วิทยา รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยันยันสั่งฟ้อง บอส อยู่วิทยา คดีขับรถชนคนตาย-เสพโคเคน ด้านรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีมีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ นำข่าวเก่าคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา มานำเสนอบิดเบือนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยเเพร่ข่าวเเละภาพบรรยายว่ารองโฆษกสำนักงานตำรวจเเห่งชาติได้เเถลงข่าวว่าพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส อยู่วิทยา ทุกข้อหา จนมีคนสอบถามเข้ามาจำนวนมากว่า จากการตรวจสอบพบว่าที่มีการเเชร์กันในโลกออนไลน์เป็นข่าวเก่าในช่วงวันที่ 24 ก.ค.2563 ซึ่งในครั้งนั้น นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องคดี

จึงอยากฝากเรื่องการเเชร์ข่าวในลักษณะดังกล่าวต้องควรให้ความระมัดระวังเพราะอาจกระทบกับหลายหน่วยงานรวมถึงทำให้สังคมเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนได้.

เเต่ในปัจจุบันนี้ ตนในฐานะคณะทำงานเเละเลขานุการผู้รับผิดชอบคดีนี้ ล่าสุดตามคำสั่งของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีนายอิทธิพร แก้วทิพย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เป็นประธานคณะทำงาน ได้มีคำสั่งฟ้อง นายวรยุทธ ในข้อหาเสพโคเคน และขับรถโดยประมาทชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งนายวรยุทธหลบหนี ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับ ขณะนี้อยูในขั้นตอนทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามตัวมาให้พนักงานอัยการฟ้องต่อไป

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอเรียนชี้แจงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในลักษณะที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนดังนี้

จากกรณีที่เกิดมีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ส่งต่อข่าวเกี่ยวกับกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในทุกข้อกล่าวหา ซึ่งมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีได้คัดลอกข้อความจากข่าวและตัดออกบางส่วน แล้วจึงนำกลับมาเสนอซ้ำอีกครั้ง ในลักษณะที่ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่าเป็นข่าวใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นแต่จากการตรวจสอบพบว่า กรณีดังกล่าวเป็นข่าวเก่าที่ทางเพจ Mono29 News ได้เคยนำเสนอไปแล้วซึ่ง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อในกรณีดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 63ไม่ใช่ข่าวใหม่แต่อย่างใดและจากการนำเสนอในลักษณะนี้ทำให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์และประชาชนทั่วไปเกิดความสับสนเข้าใจผิด และทำให้รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งทางรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะใช้สิทธิส่วนบุคคล ในการฟ้องร้องเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าจะทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนไปยังผู้กระทำความผิดว่าให้หยุดการกระทำของท่านเสีย เพราะนอกจากการกระทำของท่านจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมจิตใจของพี่น้องประชาชนที่ควรจะได้รับข่าวสารที่ถูกต้องและยังทำให้เกิดความสับสนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี้ และขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารต่างๆ ก่อนจะส่งต่อ รวมถึงใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางที่สร้างสรรค์ประโยชน์ทั้งกับตนเองและสังคม

นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดต่างๆ สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- คืบหน้าคดี บอส อยู่วิทยา ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่ผู้ถูกกล่าวหา 15 ราย
- ตำรวจโชว์หมายแดงล่าตัว "บอส อยู่วิทยา" เร่งหาถิ่นที่อยู่เพื่อจับกุม
- อัยการสั่งฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" 2 ข้อหา ขับรถประมาท-เสพโคเคน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ