จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว2" ได้โพสต์รูปรายการสั่งอาหารจากร้านขนมย่านศรีย่าน ในวันที่ 17 ก.ค. 64 ได้แก่ 1.ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน ราคา 85 บาท 2.มันสำปะหลังเชื่อม 1 ถุง ราคา 40 บาท 3.ข้าวเหนียวหน้าสังขยา ราคา 25 บาท 4.ขนมชั้นใบเตย ราคาชิ้นละ 20 บาท จำนวน 2 ชิ้น รวมเป็น 40 บาท 5.ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง ราคา 25 บาท 6.ตะโก้เผือก ราคา 40 บาท พร้อมค่าขนส่งอีก 59 บาท มายังจังหวัดนนนทบุรี รวมทั้งหมดเป็น 314 บาท
โดยทางเพจระบุด้วยว่า คุณยายสั่งอาหารผ่าน Grab ในราคา 314 บาท แต่เกิดผิดพลาดโอนเกินไปเป็น 31,400 บาท พอมาเช็กและรู้ตัวว่าได้โอนเงินผิดก็รีบติดต่อทางศูนย์ เพื่อช่วยประสานงานให้ทางศูนย์จึงได้ติดต่อไปหาไรเดอร์ทันที เขากลับแจ้งว่าไม่รู้ว่าเป็นเงินของใครและได้ใช้จนหมดแล้ว แต่ก็จะรีบหาคืนให้ยภายในวันที่ 20 ก.ค. 64 ล่าสุด ถึงวันนัดคืนเงินทางคุณยายแจ้งว่ายังไม่ได้รับเงินคืนหรือการติดต่อจากไรเดอร์คนดังกล่าว ต้นสังกัดรวมถึงคนที่รู้จักไรเดอร์คนนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้
ล่าสุด แกร็บ ประเทศไทย ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า จากกรณีที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่สั่งอาหารผ่าน GrabFood ซึ่งได้โอนเงินค่าบริการเกินจำนวนไปให้พาร์ทเนอร์คนขับนั้น แกร็บ ประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงในข้อเท็จจริงประเด็นต่างๆ ดังนี้
บริษัทฯ ได้รับทราบถึงกรณีดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าได้ทำการติดต่อผู้ใช้บริการในทันทีเพื่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พยายามติดต่อพาร์ทเนอร์คนขับ ซึ่งถูกอ้างถึงเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยในระหว่างที่มีการตรวจสอบและติดตามผล บริษัทฯ ได้ทำการระงับสัญญาณการให้บริการของพาร์ทเนอร์คนขับรายดังกล่าวเป็นการชั่วคราว
จากการติดตามและประสานงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด (วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.18 น.) พาร์ทเนอร์คนขับรายดังกล่าวได้ทำการโอนเงินส่วนเกินเพื่อคืนให้กับผู้ใช้บริการแล้ว โดยได้ส่งสลิปการโอนเงินผ่านทางธนาคารให้กับบริษัทฯ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยืน ซึ่งผู้ใช้บริการได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถพิสูจน์ และระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หรือเข้าข่ายการก่ออาชญากรรม บริษัทฯ จะดำเนินการระงับสัญญาณการให้บริการกับพาร์ทเนอร์คนขับเป็นการถาวร ซึ่งถือเป็นมาตรการขั้นสูงสุด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า แกร็บให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจโดยเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยได้ส่งเสริมให้พาร์ทเนอร์คนขับปฏิบัติตาม "จรรยาบรรณของพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ" ซึ่งครอบคลุมถึงประเด็นด้านการปฏิบัติตามกฏหมาย เพื่อรักษามาตรฐานที่ดีและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทุกคน
วันที่ 24 ก.ค. 64 นายสุรเมธ พนักงานส่งอาหาร ผู้รับเงินเกิน เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ก.ค. 64 ที่ตนไปส่งอาหารให้กับลูกค้า ได้รับแจ้งจากครอบครัวว่าพ่อและพี่ชายติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ตนนึกว่าเงินที่โอนเข้ามาจำนวนมากเป็นเงินของแม่ที่โอนมาให้ตนใช้จ่ายพาพ่อและพี่ชายไปรักษาตัว อีกทั้งขณะนั้นตนไม่ได้จดจ่อว่าลูกค้าจะโอนเงินมาให้เมื่อไร จึงไม่ทันได้สังเกต ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ตนได้รับการติดต่อจากต้นสังกัดว่าลูกค้าโอนเงินเกิน พร้อมต่อสายให้ตนพูดคุยกับลูกค้า จึงมีการนัดคืนเงินคืนในวันที่ 20 ก.ค. 64 จำนวน 31,000 บาท โดยอีก 86 บาท ลูกค้าบอกว่าไม่เอา ยกให้เป็นค่าความซื่อสัตย์ที่ไม่คิดหนี
แต่ในวันนัด ตนยอมรับว่าตนหาเงินมาคืนไม่ทัน ตนอยากจะขอเลื่อนคืนเงินเป็นวันที่ 26 ก.ค. 64 ตนจึงได้พยายามติดต่อต้นสังกัด เพื่อจะขอให้แจ้งกับลูกค้าให้ แต่ติดต่อไม่ได้ ทำให้เหตุการณ์ยืดเยื้อมาจนถึงเมื่อวานนี้ ในโลกโซเชียลมีการโพสต์เรื่องราว จนทำให้ตนถูกสังคมกดดัน ตนและคนรอบตัวถูกโจมตี บางคอมเมนต์ถึงกับขู่ว่าจะมาทำร้าย ตนจึงรีบติดต่อต้นสังกัดแจ้งว่าช่วยอะไรไม่ได้ ตนจึงตัดสินใจรีบหาหยิบยืมเงินจากคนรอบข้างมาคืนลูกค้าจำนวน 31,000 บาท
ขณะนี้ตนถูกต้นสังกัดปิดระบบถาวร ไม่สามารถขับรถส่งอาหารให้กับต้นสังกัดได้อีกต่อไป สูญเสียรายได้วันละ 700-900 บาท บางวันตนหาเงินได้หลักพันบาท อีกทั้งขณะนี้ลูกค้าไม่ออกมาพูดอะไร ยิ่งทำให้ตนเดือดร้อน ตนเพิ่งทราบว่าในโลกโซเชียลโจมตีตนเกี่ยวกับเงินส่วนต่าง 86 บาท ตนไม่สามารถเข้าไปแก้ตัวอะไรได้ เพราะถ้าตนแสดงตัวหรือโต้ตอบ ตนจะยิ่งถูกถล่มและถูกหาว่าไม่สำนึกผิด เมื่อเหตุการณ์บานปลาย ตนก็ขอยอมรับผลกรรมของตัวเอง ขอให้เรื่องราวจบลง หากใครไม่จบอยากจะด่า ก็คงห้ามไม่ได้แต่หากใครจะตามมาทำร้ายตนกับครอบครัว ตนก็จะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนายกิต หลานชายของผู้เสียหาย บอกว่า ขณะนี้ตนได้เงินคืนแล้ว จึงอยากให้เหตุการณ์จบลง ยอมรับว่ามีการตกลงว่าขอเงินคืนเพียงจำนวน 31,000 บาทจริง ส่วนอีก 86 บาท ขอยกให้พนักงานส่งอาหาร โดยในวันเกิดเหตุยายของตนสั่งอาหารและโอนเพียงลำพัง จึงอาจทำให้มีกดจำนวนเงินผิดพลาด กระทั่งทางครอบครัวรู้ตัวว่าโอนเงินเกินในวันที่ 18 ก.ค. 64 จึงได้ติดต่อต้นสังกัดแกร็บ ในวันที่ 19 ก.ค. ตนจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับพนักงานส่งอาหารรายนี้ ตกลงกันว่าจะคืนเงินในวันที่ 20 ก.ค. 64 ซึ่งพนักงานส่งอาหารก็ได้ชี้แจงเหตุผลกับตน แต่ปรากฎว่าในวันนัด ตนไม่ได้เงินคืนตามตกลง ทางต้นสังกัดของพนักงานส่งอาหารจึงแนะนำให้ตนแจ้งความ อีกทั้งตนยังได้นำเรื่องราวไปโพสต์ในโซเชียลจนเกิดการแชร์ต่อ แต่ขณะนี้ตนได้รับเงินคืนแล้ว ตนก็ได้ลบโพสต์และถอนแจ้งความแล้ว
ตนก็รู้สึกสงสารและเห็นใจพนักงานส่งอาหารรายนี้ที่ถูกโจมตีเกี่ยวกับเงิน 86 บาท แม้จะคืนเงิน 31,000 บาทแล้ว และยังถูกปิดระบบห้ามส่งอาหารถาวร แต่คงไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับพนักงานส่งอาหารรายนี้อีก คำขอโทษตนก็ยังไม่ได้รับ
