พ่อรับ “ติว” ผิดขี่ทับเส้น เผยพิรุธบิ๊กไบก์ขับเร็ว ยันขาก่อนชน - ตร. ชี้ผิดทั้งคู่ ประมาทร่วม (คลิป)

20 ก.ย. 61
จากกรณีอุบัติเหตุรถบิ๊กไบก์ขับชนรถเมล์สาย 82 บริเวณกลางสะพานพระพุทธยอดฟ้า หรือ สะพานพุทธ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 61 ในช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ในที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าใต้ท้องรถเมล์ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ สภาพพังยับเยิน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายธนวัฒน์ สุขเจริญ หรือ ติว อายุ 18 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และนายฐิติวัสส์ ธีรภาพ หรือ ชาย อายุ 19 ปี นักแสดงตัวประกอบภาพยนตร์เรื่อง หลวงพี่แจ๊ส 4G ผู้ขับขี่รถบิ๊กไบก์ โดย นายณัฐพล รุ่งโรจน์ เพื่อนนายชาย ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า พวกตนเพิ่งไปที่สะพานพุทธเป็นครั้งแรก แต่นายชายไปมาแล้วบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ในเลนกลางของถนน และเป็นเลนฝั่งเดียวกันกับที่ผู้ตายขับมา ดังนั้น ฝ่ายคู่กรณีจึงเป็นผู้ย้อนศรมาชนเพื่อนตน ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้ยกล้อกันตลอด และไม่ได้สนับสนุนให้มีการยกล้ออยู่แล้ว (อ่าน : แฟนสาวจยย.แค้น “บิ๊กไบก์” ชนดับ – เพื่อนดาราโต้ยกล้อ ชี้ อีกฝ่ายสวนเลนประจัญ )
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ
วันที่ 19 ก.ย.61 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปสังเกตบรรยากาศบนสะพานพระพุทธ พบตำรวจสายตรวจรายหนึ่งกำลังออกตรวจความเรียบร้อย ได้ข้อมูลว่าก่อนหน้านี้บนสะพานพุทธ มักมีกลุ่มวัยรุ่นนักซิ่งมาจอดนัดรวมตัวกันเป็นประจำ รวมถึงกลุ่มของผู้ตายด้วย ก่อนหน้านี้สน.ปากคลองสาน และ สน.ใกล้เคียงก็ได้มีการตรวจตราทั้งทางขึ้นฝั่งธนบุรีและทางขึ้นสะพานฝั่งพระนคร จนการนัดรวมตัวของเด็กนักซิ่งน้อยลง กระทั่งช่วงนี้ก็เริ่มมีนัดรวมตัวกันบ่อยขึ้นอีกครั้ง ส่วนกรณีของนายฐิติวัสส์ ธีรภาพ หรือ ชาย ในกล้องวงจรปิดปรากฏว่ามีการนัดรวมตัวกลับกลุ่มเพื่อนประมาณ 3-4 คัน ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุก็มีการซิ่งรถยกล้อโชว์กันด้วย
นายธนวัฒน์ สุขเจริญ หรือ ติว
ที่วัดบางยี่ขัน ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายธนวัฒน์ สุขเจริญ หรือ ติว ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายธนภูมิ สุขเจริญ บิดาของติว เปิดเผยว่า ครอบครัวไม่ได้ติดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่คิดจะเรียกร้องอะไร แต่แค่ต้องการคุยกับฝ่ายคู่กรณี แต่ส่วนตัวคิดว่าที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เดินทางมาเนื่องจากอาจจะยุ่งกับเรื่องงานศพ เพราะตนก็ยุ่งเช่นกัน  แต่หากมีการพูดคุยกัน ตนก็พร้อมจะเจรจาเพื่อหาทางออกกับเรื่องที่เกิดขึ้นร่วมกัน
นายธนภูมิ สุขเจริญ บิดาของนายธนวัฒน์ สุขเจริญ หรือ ติว
นายธนภูมิ เล่าว่า ส่วนตัวไม่คิดรื้อฟื้นเรื่องที่เกิดขึ้น หากลูกชายตนผิดก็พร้อมยอมรับ และไม่คิดจะเอาชนะอีกฝ่าย เนื่องจากเพียงเท่านี้สภาพจิตใจก็ย่ำแย่และสูญเสียมากพอแล้ว ตนและคู่กรณีก็สูญเสียลูกทั้งคู่ จึงอยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีและไม่อยากให้ถึงกระบวนการศาล เพราะหากจะมีการฟ้องร้องเป็นคดีความ ตนก็อยากถามว่าจะทำไปเพื่ออะไร ทั้งที่ตนก็ไม่ได้แจ้งความและไม่คิดแจ้งความ มีเพียงคดีเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ นายธนภูมิ เล่าว่า ช่วงเย็นก่อนเกิดเหตุ (17 ก.ย.) ลูกชายตนก็อยู่นั่งดูโทรทัศน์ รับประทานอาหารและหัวเราะเป็นปกติ ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำและอาบน้ำ โดยใช้เวลาร่วมชั่วโมง หลังจากนั้นลูกก็ออกจากบ้านแล้วบอกว่าจะไปส่งแฟน แต่ไม่ได้ระบุเวลา กระทั่งตนจะเข้านอนในช่วงเวลา 23.00 น. ลูกชายก็ยังอยู่ พอตื่นขึ้นมาจึงมาทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่คิดว่าลูกจะเป็นแบบนี้ ลูกไม่มีคำบอกลาสักคำ และตนก็ไม่ทราบว่าลูกออกจากบ้านไปตอนไหนตนก็ยังไม่ทราบ นายธนภูมิ เล่าอีกว่า วันดังกล่าวคนในบ้านต่างสงสัยว่าทำไมอาบน้ำนาน จะอาบน้ำให้สะอาดไปถึงไหน แต่วันนั้นลูกระบุว่าท้องเสีย จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร และไม่คิดว่าการอาบน้ำนานของลูกจะเป็นสัญญาณบอกเหตุ ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะมาเจอลูกในสภาพแบบนี้
กล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ
ส่วนกรณีภาพวงจรปิดที่มีการนำเสนอออกมานั้น ตนได้ดูแล้ว ยอมรับว่าลูกชายผิดที่ขับขี่ทับเส้นทาง แต่ตนก็ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมอีกฝ่ายทำไมถึงขับรถเร็วขนาดที่ทำให้ลูกชายตนถึงกระเด็นไปเช่นนั้น แต่ตนก็ไม่อยากรื้อฟื้น นายธนภูมิ ยอมรับว่า ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้กระทั่งคลิปหรือภาพถ่าย ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนก็ไม่อยากจะเห็น เพราะรับสภาพลูกแบบนั้นไม่ได้ ใครผิดถูกตนไม่ได้สนใจ เพียงต้องการจบเรื่องด้วยดีเท่านั้น และคนเสียชีวิตทั้งคู่ ไม่รู้จะเรียกร้องไปเพื่ออะไร ส่วนที่อีกฝ่ายไปออกข่าวหาว่าลูกตนผิด ตนไม่รู้ว่าต้องการอะไร เพราะตนก็บอกแต่แรกว่าไม่เคยติดใจ และกังวลว่าอีกฝ่ายเงียบไป จากนั้นจะออกมาบอกว่าลูกชายตนผิด นายธนภูมิ ระบุด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้าว่า อยากให้ลูกไปสบายที่สุด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องติดค้าง ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ครอบครัวเสียใจ เพราะลูกไม่เคยทำแบบนั้น ตนยังคิดถึงลูก ปกติอยู่เจอกันทุกวัน ถึงบางครั้งจะคุยกันบ้าง ไม่คุยบ้าง ตามภาษาผู้ชาย วันไหนตนไปข้างนอกกลับมาก็จะเจอหน้าลูกอยู่บ้าน เพราะลูกไม่ใช่เด็กเกเร ไม่ก้าวร้าว ไม่สร้างปัญหาให้ใคร เพียงอาจเป็นเด็กไม่เอาการเรียน อย่างไรก็ตาม คืนที่ผ่านมาถือเป็นคืนแรกที่ลูกไม่อยู่ ยอมรับว่าบ้านเงียบเหงา ทุกคนเสียใจ แต่ก็พยายามเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้ลูกเป็นห่วงและให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ยอมรับว่าตนก็นอนไม่หลับ ใจภาวนาอยากให้วิญญาณลูกชายมาหา อยากลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าลูก แต่ไม่รู้จะเป็นจริงไหม แต่ถ้าเขารับรู้และมาหาจริง อยากบอกเขาว่า "ไม่ต้องกังวล ลูกไม่เคยทำให้ใครเดือนร้อน"
กลุ่ม SP Underground เดินทางนำพวงหรีดมาวาง
ด้านกลุ่ม SP Underground เดินทางนำพวงหรีดเข้ามาแสดงความเสียใจกับครอบครัวนายธนวัฒน์ สุขเจริญ หรือ ติว โดยมีครอบครัวของน้องติวออกมาต้อนรับ เมื่อมาถึงฝ่ายบิ๊กไบก์ได้กล่าวขอโทษ พูดคุย แสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นได้เข้าไปกราบอาลัยหน้าโรงศพ และออกมาพูดคุยปรับความเข้าใจหลังที่กระแสสังคมมีการแสดงความเห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปต่าง ๆ นานา
การพูดคุยระหว่างตัวแทนกลุ่ม SP Underground และครอบครัวน้องติว
หลังการพูดคุยระหว่าง 2 ฝ่ายร่วม 1 ชั่วโมง นายเจนกิจ ธามพิภัทร์ ตัวแทนกลุ่ม SP Underground เปิดเผยว่า การเจรจากันในเบื้องต้นได้ผลสรุปเป็นที่น่าพอใจ มีความเข้าใจกัน ทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจว่าเป็นผู้สูญเสียด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีใครสามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ โดยวันนี้เป็นการพูดคุยกันเบื้องต้น เพื่อปรับความเข้าใจกัน แต่หลังจากเสร็จสิ้นงานสวดอภิธรรมแล้วจะมีการนัดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกัน ส่วนตัวอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นจบลงด้วยดี นายเจนกิจ เล่าว่า เหตุที่กรณีดังกล่าวกลายเป็นกระแสสังคม เกิดจากเพจเฟซบุ๊กแห่งหนึ่งพยายามโจมตีฝ่ายน้องชาย ส่วนตัวเข้าใจว่าตนไม่สามารถทำให้ทุกคนเข้าใจได้ ตอนนี้จึงอยากให้เรื่องยุติลง จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวทั้ง 2 ฝ่าย ผู้เสียชีวิตตายไปแล้วก็ไม่ทราบเรื่อง แต่เรื่องที่เป็นกระแสจะตกอยู่กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ยกตัวอย่างเช่น พ่อแม่และครอบครัว ส่วนตัวยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้น 2 ฝ่ายไม่ได้ติดใจกัน เข้าใจเป็นอุบัติเหตุ ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นความประมาทของฝ่ายใด
บรรยากาศงานศพของนายฐิติวัสส์ ธีรภาพ หรือ ชาย
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งศพของ นายฐิติวัสส์ ธีรภาพ หรือ ชาย อายุ 19 ปี ผู้ขับรถบิ๊กไบก์ มีเพื่อนจากมหาวิทยาลัยของนายชายมาร่วมงาน โดยกลุ่ม SP Underground เป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรม ทั้งนี้ครอบครัวไม่อนุญาตให้สื่อบันทึกภาพและไม่ขอพูดถึงเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยในวันที่ 22 ก.ย. 61 เวลา 14.00น จะมีการประชุมเพลิงที่เมรุ วัดท่าพระ
เครื่องเซ่นที่พบบริเวณข้างสะพานพุทธ
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บริเวณกลางสะพานพุทธ พบว่าจุดเกิดเหตุมีเครื่องเซ่นไหว้อัญเชิญดวงวิญญาณวางอยู่บริเวณข้างสะพาน จากการสังเกตของทีมข่าวพบว่า มีป้ายบอกเวลาการใช้เส้นทางการจราจรจากฝั่งธนบุรีไปฝั่งพระนคร ระบุเวลาว่า 06.00 - 11.00 น. จะเปิดการจราจรขาไปเป็น 2 ช่องทาง และอีก 1 ช่องทางจะเป็นช่องทางการจราจรจากฝั่งพระนครไปฝั่งธนบุรี
ระเบียบช่องทางจราจรบนสะพานสะพานพุทธ ตั้งแต่เวลา 06.00 - 11.00 น.
ระเบียบช่องทางจราจรบนสะพานสะพานพุทธ ตั้งแต่เวลา 11.00 - 06.00 ของวันรุ่งขึ้น
หลังจากนั้นเวลา 11.00 - 06.00 น. ของวันรุ่งขึ้น จะเปลี่ยนให้รถที่มาจากฝั่งพระนคร ใช้ช่องทางการจราจรเป็น 2 ช่องทาง และฝั่งธนบุรี 1 ช่องทาง
ภาพขณะเกิดเหตุจากกล้องวงจรปิด โดยแบ่งช่องทางจราจรตามระเบียบการเดินรถของสะพานพุทธ
นอกจากนี้ วันนี้รายการต่างคนต่างคิด ได้พูดคุยกับ นายธัชชานน สุขเจริญ พี่ชายนายธนวัฒน์ ผู้เสียชีวิต เผยว่า ติวไปสะพานพุทธครั้งแรกจึงไม่รู้เวลาเปิดปิดเลนสะพาน ตนมองว่าน้องชายไม่ได้แข่งรถ เนื่องจากรถคันนี้เป็นรถที่ตนใช้ประจำ จะเร่งความเร็วอย่างไรก็ไม่มีทางถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่เชื่อว่ายกล้อ จากที่สอบถามพลเมืองดี 2-3 คน เล่าว่าทางฝั่งของชายขับรถยกล้อจริง แต่ทางญาติก็ยังไม่ปักใจเชื่อ 100 เปอร์เซนต์ ทางครอบครัวเชื่อว่าติวขับรถมาปกติ แต่ติวเบี่ยงหลบกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บนสะพาน ทำให้ชนเข้ากับรถบิ๊กไบก์ของชายที่ขับมา และที่ติวหลบไปจนไปอยู่ใต้ท้องรถเมล์ ตนเชื่อว่าเพราะติวถนัดขวา เมื่อเจอรถ จึงเบี่ยงหลบมาทางที่ถนัด ทำให้ร่างของติวโดนรถเมล์ทับ และติวไม่ได้โทรศัพท์แชตกับแฟน
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสันติบาล 3
ด้านพล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 เปิดเผยว่า จากคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดช่องทางการจราจรจากฝั่งพระนครไปฝั่งธนบุรี 2 ช่องทาง และจากฝั่งธนบุรีไปฝั่งพระนคร จำนวน 1 ช่องทาง โดยรถบิ๊กไบก์ขับมาจากฝั่งพระนครมุ่งหน้าไปฝั่งธนบุรี ส่วนรถจักรยานยนต์ขับมาจากฝั่งธนบุรี แล้วมุ่งหน้าไปพระนคร จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ฝั่งรถจักรยานยนต์มีความผิดเพราะขับรถย้อนศรขึ้นมา และใช้ช่องทางการจราจรที่ไม่ได้รับอนุญาต ส่วนฝั่งรถบิ๊กไบก์ ก็ถือว่ามีความผิดเพราะจากคลิปวิดีโอที่ปรากฏพบว่า มีการขับข้ามไปช่องทางการจราจรที่รถจักรยานยนต์ขับมา และเบื้องต้นคาดว่ารถบิ๊กไบก์น่าจะขับรถเร็วเกินกำหนด เพราะในเมืองกฏหมายกำหนดให้ขับความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พล.ต.ต.เอกรักษ์ วาดรูปเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ
ส่วนประเด็นที่สังคมสงสัยว่าที่รถจักยานยนต์หักหลบไปเลนกลางนั้นอาจจะหลบรถบิ๊กไบก์หรือไม่ เพราะก่อนหน้าที่จะชนประสานงา รถบิ๊กไบก์มีการล้ำเส้นเข้าไปในเลนรถจักรยานยนต์ พล.ต.ต.เอกรักษ์ เผยว่า ถ้าฝั่งรถจักรยานยนต์หักหลบซ้ายอาจจะมีโอกาสรอดชีวิต เพราะอย่างน้อยก็แค่บาดเจ็บ แต่ที่หักไปเลนกลางก็อาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณของมนุษย์ เวลามีรถมาก็จะหักไปทางตรงข้ามทันที เช่นรถสวนมาทางซ้าย สัญชาตญาณของมนุษย์ก็จะหักหลบทางขวาทันที แล้วในขณะที่รถจักรยานยนต์หักไปเลนกลาง ฝั่งรถบิ๊กไบก์เองก็หักกลับไปเลนกลางพอดี จึงทำให้เกิดการชนประสานงาเกิดขึ้นตามคลิปที่ปรากฏ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นเหตุการณ์นี้เข้าข่าย 3 ข้อหาคือ ขับรถหวาดเสียว, ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นและขับขี่ประมาทเฉี่ยวชนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ พล.ต.ต.เอกรักษ์ บอกอีกว่า ทั้ง 2 ฝั่งอาจจะโดนข้อหาประมาทร่วม เพราะการตรวจสอบเบื้องต้นถือว่าผิดทั้ง2 ฝ่าย แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ถ้าหากตรวจสอบว่าผู้ใดผิดคู่กรณีสามารถฟ้องแพ่ง และสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ แต่ถ้าตรวจสอบละเอียดแล้วผลออกมาเป็นประมาทร่วม ก็จะไม่มีผู้ใดสามารถฟ้องร้องได้ ตอนนี้ก็ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนทางรถเมล์ที่มีรถจักรยานยนต์เข้าไปอยู่ใต้ท้องหน้ารถนั้น พล.ต.ต. เอกรักษ์ก็บอกว่า ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่สามารถบังคับได้ ก็จะไม่มีการแจ้งข้อหาใด ๆ กับทางฝ่ายรถเมล์

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ