ผลการศึกษาฮ่องกง พบวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค สร้างแอนติบอดี สูงกว่าวัคซีนเชื้อตายของ ซิโนแวค ถึง 10 เท่า
วันนี้(16 ก.ค.64) สำนักข่าวเดอะสเตรตส์ไทมส์ รายงาน ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซ็ต วานนี้ (15 ก.ค.) โดยทำการศึกษาในกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 1,442 คนพบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค มีระดับแอนติบอดีที่ร่างกายสร้างหลังได้รับวัคซีน สูงกว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเชื้อตายของซิโนแวคถึง 10 เท่า
อย่างไรก็ดีกลุ่มนักวิจัยระบุว่า แม้ระดับแอนติบอดีไม่ได้เป็นทั้งหมดที่ชี้วัดถึงความสำเร็จของวัคซีนในการต่อต้านไวรัสโควิด-19 แต่ความแตกต่างของปริมาณแอนติบอดีที่พบในผลการวิจัยครั้งนี้ ก็พอจะตีความได้ถึงความแตกต่างในเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนทั้ง 2 ชนิด
ผลการศึกษาครั้งนี้ ยังตอกย้ำหลักฐานว่าวัคซีน mRNA มีประสิทธิภาพและสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์ต่างๆ ได้ครอบคลุมมากกว่า เมื่อเทียบกับวัคซีนที่ผลิตด้วยวิธีดั้งเดิม อย่างวัคซีนเชื้อตาย
นอกจากนี้ ประเทศที่ใช้วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนหลัก เช่น อิสราเอล หรือสหรัฐฯ พบว่าอัตราการติดเชื้อลดลงอย่างมาก ขณะที่ประเทศซึ่งพึ่งพาวัคซีนเชื้อตายเป็นหลัก กลับไม่พบอัตราผู้ติดเชื้อที่ลดลงในระดับเดียวกัน แม้วัคซีนทั้ง 2 ชนิดจะมีความสามารถในการป้องกันอาการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ในระดับสูง
ประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าของวัคซีนเชื้อตายนี้ ทำให้หลายประเทศอย่าง ไทย หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เสนอให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนเชื้อตายครบ 2 เข็ม ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงจากการระบาดของโควิดกลายพันธุ์เดลตา โดยการศึกษาจากฮ่องกงชิ้นนี้ ยังแนะนำด้วยว่า การศึกษาชิ้นต่อๆ ไปในอนาคต ควรจะต้องเร่งศึกษาว่าการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 จะสามารถช่วยกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันได้อย่างไร รวมถึงประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันคนที่รับวัคซีนเชื้อตายจนครบโดสแล้วด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จีนเตรียมฉีด วัคซีน mRNA ของไบโอเอนเทค เป็นเข็มที่ 3 ให้ผู้ฉีดวัคซีนเชื้อตาย
มาเลเซีย ยกเลิกวัคซีน ซิโนแวค เปลี่ยนใช้ไฟเซอร์ เป็นหลักสั่งล็อตใหญ่ 45 ล้านโดส
คณะแพทย์ธรรมศาสตร์ เปิดผลวิจัย ซิโนแวค 2 เข็ม ภูมิลดลงครึ่งหนึ่งทุก 40 วัน
