วงจรปิดมัดแก๊งฆ่าแม่ค้าชิงรถส่งเขมร ตัวการซดยาตายหนีผิด อึ้งขับทิ้งศพ 10 นาที (คลิป)

จากกรณี นางกันนิกา จำปา อายุ 44 ปี หายออกจากบ้านในพื้นที่ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 9 ก.ค.64 เวลา 7.30 น. โดยขับรถยนต์กระบะวีโก้ สีบรอนซ์เทา พร้อมเงินสดราว 1 แสนบาทเพื่อไปซื้อสินคามาขายที่ร้านชำ หายตัวไป ครอบครัวไปแจ้งความที่ สภ.ย่อยพระลับ ก่อนมาเจอกลายเป็นศพถูกทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทาง ต.บ้านเหล่า อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น

รายชื่อผู้ต้องหา 6 คน ได้แก่ 1.นายทศพร แทนประเสริฐ, 2.นายศุกล หนุนสุขศุภโชค, 3.นายพนม อุ่นผาง, 4.นายวรวิทย์ ชูแก้ว, 5.นายศราวุธ คิ้วสูงเนิน และ 6.นายประสิทธิ์ จาลา หรือ สมชาย

วันที่ 15 ก.ค. 64 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทราบว่านายประสิทธิ์ยังนอนหลับ และถูกมัดแขนขาเอาไว้กับเตียงผู้ป่วย จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ข้อมูลว่านายประสิทธิ์รู้สึกตัว แต่ยังไม่สามารถพูดได้ เนื่องจากมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ อาการล่าสุดพ้นขีดอันตราย หลังจากพยายามกินยาฆ่าตัวตาย เพราะเครียดเรื่องคดีนั้น

ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคารที่ทำการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยชุดทำงาน พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผู้บังคบการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น, พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม ผู้กำกับสืบสวน 3 บก.สืบสวนภาค 4 ตั้งโต๊ะแถลง

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงถูกทิ้งไง้ในป่า พื้นที่ ต.บ้านเหล่า อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ทีมสืบสวนทำงานจนทราบว่าคือศพของนางกันนิกา ก่อนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 5 คนก่อนหน้านี้ จนล่าสุดสามารถจับกุมตัวนายประสิทธิ์ หรือ สมชาย ในพื้นที่ จ.ตาก ซึ่งมีการพยายามกินยาฆ่าตัวตาย

ผู้ต้องหารายที่ 1-5 มีความเกี่ยวข้องกับคดีลักทรัพย์ รับซื้อของโจร ส่วนนายประสิทธิ์ หรือ สมชาย มีความเชื่อได้ว่าเป็นผู้ฆ่าผู้ตาย แต่ต้องรอผลการสอบที่ชัดเจนก่อน ตำรวจยังเชื่อว่าไม่น่าจะก่อเหตุเพียงลำพัง เพราะมีการลากยกศพ ที่หน้าผากผู้ตายถูกของแข็งไม่มีคมตีจนยุบ การสืบสวนคิดว่าปมการก่อเหตุมาจากเรื่องหนี้สินส่วนตัว ก่อเหตุโดยประสงค์ต่อทรัพย์ ยังไม่พบเรื่องชู้สาว ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนที่ชัดเจน

โดยพฤติการณ์คือเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 64 นายประสิทธิ์ จาลา หรือ สมชาย อายุ 56 ปี โทรศัพท์หานางกันนิกา จำปา ผู้ตาย ให้ขับรถออกจากบ้านช่วง 07.30 น. จากนั้นรถของคนตายไปปรากฏภาพวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุ ช่วง 12.18 น. ใน อ.บ้านฝาง ต่อมาช่วง 13.20 น. พบนายประสิทธิ์ หรือ สมชาย ขับรถผู้ตายมาจอดไว้ที่ร้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่น เวลา 17.00 น. พบนายพนม อุ่นผาง มาที่ร้านดังกล่าว และขับรถออกไป กระทั่งเวลา 17.42 น. นายพนมขับรถผู้ตายมามาจอดไว้ที่บริษัทแห่งหนึ่งใน อ.เมืองขอนแก่น

จากนั้น วันที่ 10 ก.ค. 64 ที่บริษัทแห่งหนึ่งช่วงเวลา 14.30 น. นายพนม พานายศราวุธ คิ้วสูงเนิน, นายวรวิทย์ ชูแก้ว และนายทศพร แทนประเสริฐ มาที่บริษัทที่เป็นจุดที่รถยนต์ผู้ตายจอดไว้ โดยมีนายวรวิทย์เป็นคนขับ ชายเสื้อแดงตามวงจรปิด ช่วงเวลา 15.16 น. ในร้านสะดวกซื้อของปั๊มน้ำมันใน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พบผู้ตายผ่านจุดตรวจบ้านไผ่ ถ.มิตรภาพ มุ่งหน้าลงทิศใต้

วันที่ 11 ก.ค. 64 เวลา 11.15 น. พบร่างนางกันนิกาถูกฆาตดรรม พร้อมทรัพย์สินที่หายไปคือ รถกระบะ เงินสดราว 1 แสนบาท, โทรศัพท์มือถือไอโฟน 8 พลัส, กระเป๋าสะพาย LYN สีครีม, รองเท้าแตะสีแดง ต่อมาตำรวจติดตามผู้ต้องหาจับได้ 5 ราย และวันที่ 14 ก.ค. 64 จับกุมนายประสิทธิ์ หรือ สมชาย ได้ในพื้นที่ จ.ตาก

การตรวจสอบเส้นทางการเงินช่วงเกิดเหตุ นายศุกล นายทุน สั่งนายวรวิทย์ให้มารับรถกับพนม และช่วง 10 ก.ค.64 เวลา 14.18 น. โอนเงิน 102,000 บาท ไปยังนางศุภวรรณ ภรรยานายศราวุธ จากนั้นนางศุภวรรณโอนเงินต่อไปยังนายพนม เวลา 14.19 น. จำนวน 95,000 บาท จากนั้นนายพนมโอนเงินต่อไปยังนายประสิทธิ์ หรือ สมชาย จำนวน 45,000 บาท

ลำดับการติดต่อหารถโจรกรรมส่งออกนอกประเทศ นายประสิทธิ์แจ้งนายพนมว่ามีรถเป้าหมาย ก่อนแจ้งต่อไปยังนายศราวุธ จากนั้นมีการโพสต์ลงในกลุ่มรถหลุดจำนำ นายศุกลสนใจติดต่อไปยังนายศราวุธ ตกลงซื้อขาย จึงประสานไปยังนายวรวิทธิ์ และนายทศพร ให้ไปรับรถกับนายพนมในพื้นที่ขอนแก่น โดยนายวรวิทย์ขับรถไปส่งให้นายเพียบ ชาวกำพูชา ที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว

ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด เชื่อมโยงการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทั้งชุดสืบสวน สภ.บ้านฝาง ชุดตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และ ตำรวจภูธรภาค 4 วันที่ 9 ก.ค. 64 ช่วงเวลาจริง 12.18 น. พบรถของผู้ตายถูกขับมาก่อนถึงจุดทางเข้าที่พบศพราว 100 เมตร ขับผ่านไปเพียง 11 นาที เข้าพื้นที่ทิ้งศพ และออกมาเพื่อหลบหนี

เวลา 13.20 น. นายสมชายเดินทางมาที่ร้านกระจกที่นายพนมทำงาน นายพนมไม่อยู่ จึงจอดรถไว้พร้อมเอาเงิน เวลา 13.21 น. เลื่อนรถกระบะมาจอดอีกมุม และขับรถตู้ที่จอดด้านหลังบนถนนกลับออกไป ช่วงเวลา 17.41 น. นายพนมขับรถมาโดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อนเดินลงจากรถเข้าโรงงานเพื่อฝากรถกับเจ้าของ ก่อนจะกลับไปที่รถอีกครั้ง และเลื่อนรถเข้าไปจอดด้านในสุด

วันที่ 10 ก.ค. 64 เวลา 14.10 น. นายพนม พร้อมนายวรวิทธ์, นายทศพร และนายศราวุธ เดินมาที่โรงงานเพื่อรับรถ และยืนรอ โดยนายพนมเดินเข้าไปถอยรถออกมา จากนั้นมีการจอดตรวจสภาพรถ ก่อนออกไปช่วง 14.27 น.

จากนั้น เวลา 15.16 น. เห็นนายวรวิทย์แวะปั๊มน้ำมันจุดแรก เวลา 15.42 น. นายวรวิทย์เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะออกจากร้านสะดวกซื้อไป

ทีมข่าวเดินทางมายังร้านทำกระจก อ.เมือง จ.ขอนแก่น ห่างจุดพบศพราว 18 กิโลเมตร นางจุ๋ม (นามสมมติ) เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นร้านที่นายพนมทำงานอยู่ เปิดเผยว่า นายพนมเพิ่งมาทำงานกับตนนับวันนี้ก็ครบ 1 เดือนพอดี ม่ได้มีปัญหาตลอดการทำงาน วันที่ 9 ก.ค. นายพนมก็มาทำงานปกติ ซึ่งต้องออกไปติดกระจกนอกพื้นที่ นายพนมจึงฝากให้ตนเองรับเงินจากคน ๆ หนึ่งให้ โดยบอกว่าจะเข้ามาเพื่อนำเงินมาไถ่ถอนรถตู้ 4 หมื่นบาทที่จำนำไว้ พร้อมบอกว่าให้นับเงินให้ด้วย จากนั้นนายพนมก็ออกไปทำงาน

ช่วงบ่ายก็มีคนเอาเงิน 4 หมื่นบาท ซึ่งตำรวจให้ข้อมูลว่าน่าจะเป็นเงินจากคนตาย เพราะมีธนบัตรแบ่งย่อยเหมือนเงินขายของ เมื่อรับเงิน ตนก็นับเงินครบก่อนให้กุญแจรถตู้ และนายสมชาย ซึ่งตนเองไม่รู้จักก็ออกจากร้านตนเองไป ตอนนายพนมฝากตนไว้นั้น ไม่ได้บอกว่านายสมชายจะเอารถกระบะมาจอดไว้ด้วย เมื่อนายสมชายเอารถมาจอด ตนจึงให้ขยับมาจอดข้างร้าน

เมื่อนายพนมกลับมาตนก็นำเงินให้ นายพนมก็ออกไปตามปกติ หลังวันดังกล่าวนายพนมยังมาทำงานปกติ จนกระทั่งวานนี้ถูกจับกุมตัว ขณะไปทำงานอยู่นอกสถานที่

ทีมข่าวเดินทางต่อมาที่โรงงานผลิตเครื่องออกกำลังกาย ที่นายพนมนำรถมาจอด เป็นจุดนัดส่งรถให้กับลูกค้า นางเจศฎาพร ทองดีนอก เจ้าของร้าน และเป็นหญิงชุดส้มที่ไปยืนชี้บอกจุดจอดรถให้กับนายพนม เปิดเผยว่า ปกตินายพนมจะเป็นลูกจ้างชั่วคราว ที่ตนเองจะจ้างให้ไปขนของบ้าง ซึ่งนิสัยดี ไม่เคยมีปัญหา ดูเป็นคนซื่อ วันที่ 9 ก.ค. ช่วงเย็น นายพนมขับรถกระบะมาที่ร้าน บอกตนว่าขอฝากรถไว้ เนื่องจากที่บ้านที่จอดรถเต็ม ตนเองไม่ได้คิดอะไร แต่บอกว่าในบ้านที่จอดก็เต็มเช่นกัน นายพนมจึงบอกว่าขอจอดที่จุดไหนก็ได้ ตนเองจึงไปชี้จุดจอดรถให้ที่อยู่ท้ายซอยเข้าไป นายพนมจึงเลื่อนรถไปจอดด้านใน

ส่วนตัวไม่ทันสังเกต แต่ลูกสาวตนสังเกตว่ารถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมมีสติกเกอร์อยู่ที่กระจกหลัง นายพนมบอกตนเพียงว่ารถคันนี้มีคนมาจำนำไว้ 1-2 วันก็จะมาเอารถคืน ตนเองจึงไม่ได้แปลกใจ เนื่องจากนายพนมเคยเล่าให้ฟังว่าทำงานด้านนี้อยู่ด้วย จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นนายพนมมาเอารถออกไป ตนไม่ได้อยู่บ้านด้วย จนกระทั่งมีข่าวลูกสาวตนซึ่งเป็นเพื่อนกับลูกสาวคนตาย บอกกับตนว่ารถคล้ายกับคันที่นายพนมนำมาจอดไว้ จนตำรวจตามมาตรวจสอบ และเจอเส้นทางซื้อขายรถในที่สุด