กระแต อาร์สยาม สารภาพทั้งน้ำตา กินยานอนหลับเกินขนาด หวังไม่ต้องตื่นมาเจอดราม่า !

12 ก.ค. 64

เรียกว่าเปิดใจหมดในทุกเรื่องราวชีวิตทีเดียว สำหรับ กระแต อาร์สยาม ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ CLUB FRIDAY SHOW เผยว่าชีวิตนี้ต้องสู้มากๆ กว่าจะได้มาเป็นนักร้องดังอย่างทุกวันนี้ เกือบจะทิ้งฝันไปแล้ว เพราะยิ่งร้องเพลงยิ่งเป็นหนี้ ทำให้ต้องหยุดฝันไป และคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้เป็นนักร้องแล้ว แต่ชีวิตเมื่อถูกลิขิตให้มาเส้นทางนี้ก็ได้รับโอกาสอีกครั้ง แต่โอกาสที่ได้รับก็มาพร้อมกับความตาย แถมงานนี้ สาวกระแต ยังได้เปิดใจถึงความรักที่เป็นความลับมาตลอด 8 ปี อีกด้วย

s__73687176 

ถาม เป็นนักมวยได้ยังไง

กระแต : เราเริ่มจากการร้องเพลงก่อน เพราะที่บ้านเป็นนักร้องกันหมดเลย แล้วคุณพ่อก็เป็นคนที่ชอบมวยมาก ตอนนั้นด้วยความที่ยังไม่มีน้องชาย เราก็จะแมนๆ ห้าวๆ ตั้งแต่เด็ก ก็ไปต่อยมวยกับคุณพ่อ ตอนนั้นอายุแค่ 11 ปีเอง ก็ไปซ้อม ไปฝึกกับข้างบ้านที่เขาเป็นค่ายมวย แล้วรูปทรงเราได้ เราได้มีโอกาสไปเที่ยวงานวัด คุณพ่อก็จับขึ้นชกเลย เมื่อก่อนก็ยังไม่ค่อยมีนะคะมวยหญิง แต่พอเราเห็นว่าได้เงิน เราก็เลยอยากจะหาเงินหารายได้พิเศษก็เลยชก แล้วเราก็รู้สึกว่าเราชอบด้วย พอชกไปชกมา เราก็มีชื่อเสียงในวงการมวย เพราะว่าเราเป็นคนที่แตกต่างจากนักมวยหญิงคนอื่นๆ นักมวยหญิงทั่วไปจะออกทอมบอยหน่อย ตัดผมสั้น ส่วนเราจะเปียผม ใส่กางเกงมวยสีชมพูแบบน่ารักขึ้นไปชก เหมือนว่าเป็นคาแรคเตอร์เราชัดเจนเลย ส่วนชื่อในวงการมวยของเราคือน้ำหวานน้อย ศักดิ์บุญมาค่ะ เป็นชื่อของคุณแม่ คุณแม่ชื่อน้ำหวาน เราไปขึ้นชกไฟต์แรก เราไม่รู้จะใช้ชื่ออะไร ก็เลยใช้ชื่อคุณแม่แล้วกัน เป็นสิริมงคลดีค่ะ เราก็ไล่ชกไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ภาคเหนือ เราก็ได้แชมป์ภาคเหนือ แล้วก็ไล่ชกมาเรื่อยๆ แล้วก็มาได้แชมป์ประเทศไทยด้วยค่ะ ถามว่าเจ็บไหมเวลาชก เจ็บนะคะ เพราะว่าเราเป็นมวยอาชีพ แต่ที่ทำให้เราภูมิใจที่สุดก็คือเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปชกที่ญี่ปุ่นไป 2 ครั้ง เราก็ได้แชมป์มวยไทยหญิงนานาชาติด้วยค่ะ แต่คนส่วนมากจะไม่ได้รู้จักเราทางด้านวงการมวยเท่าไหร่ ส่วนมากมาโฟกัสเราในส่วนที่เป็นนักร้องมากกว่า แต่จริงๆ เราเกิดจากการเป็นนักร้องและนักมวย คนจำภาพเราได้ เพราะตอนนั้นอัลบั้ม เราใส่ชุดนักมวยแล้วก็ร้องเพลงไปด้วย เพลงหนูไม่ได้ตั้งใจดำ เพลงแรกเลยตอนนั้นอายุ 15-16 ปีค่ะ

ถาม อาชีพเราก็ต้องอาศัยรูปร่างหน้าตาแล้วไปชกๆ แบบนั้น ไม่กลัวมันจะเพลี่ยงพล้ำ พลาดท่าหน้าเยินกลับมา มีกลัวไหม

กระแต : กลัวนะคะ แต่ด้วยความตอนนั้นยังเด็กมาก และยังไม่ได้ทำดั้งก็เลยไม่ค่อยกลัว (หัวเราะ) เราก็ใส่เต็มเลย เพราะว่าเราเป็นคนสู้ ค่อนข้างเป็นคนเอาจริงเอาจังทุกอย่างเลย แบบตอนที่เรามาทางสายมวย เราก็มองแบบจะเอาให้สุดไปถึงเป็นแชมป์ก็ทำได้ จริงๆ แล้วเป็นนักร้อง เราก็ไล่ประกวดตามเวทีต่างๆ นะคะ ก็เหมือนเป็นพวกล่าถ้วยรางวัล ก็ได้แชมป์รายการลูกทุ่งเยาวชน ถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯด้วยก็ได้ที่ 1 ของประเทศเหมือนกัน

กระแต : ก็พอได้เป็นนักร้องปุ๊บ มันไม่ได้เลย กลับกลายเป็นหนี้หนักกว่าเดิม ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่ที่ลำปางค่ะ แล้วเวลาที่จะต้องเดินทางมาทำงาน เราก็ยังไม่มีเงินเนอะ ก็ต้องยืมญาติ เติมน้ำมันไปกลับ ค่าโรงแรมอีก ก็เป็นหมื่นแล้วค่ะ แต่ค่าตัวที่เราได้เวลาออกคอนเสิร์ต ตอนนั้นเราก็มีคนดูแล เขาก็เหมือนมีหักเปอร์เซนต์เป็นปกติค่ะ ตอนนั้น 4 คนที่เราออกเป็นลูกทุ่งโฟร์ทีน ถ้ายังจำได้อยู่คือต้องหาร 4 อย่างค่าตัวได้ 50,000 บาทก็จะเหลือคนละ 10,000 กว่าบาท แต่หักค่าดูแลอีก 60 % หนูได้ 40 % สมัยก่อนก็จะหักประมาณนั้นค่ะ หักเยอะอยู่ค่ะ ซึ่งเราผ่านมาแล้วเราก็โอ้โห สุดท้ายเหลือคนละ 2,000 - 3,000 กว่าบาทเองค่ะ ต่องานนะคะ มันก็จะไม่คุ้มค่าน้ำมัน ค่าที่พักเลย แล้วเราก็ต่อสู้มาเรื่อยๆ จนเริ่มท้อแล้ว มันไม่มีเงิน แล้ว เรื่องของเรื่องคือไม่มึใครให้เรายืมแล้วด้วย เหมือนว่าเรายิ่งร้องยิ่งติดหนี้ พ่อขับรถมา เราก็เลยบอกทางพี่เณรว่าหนูคงไม่ได้มาแล้ว เพราะว่าทางบริษัทจะซัพพอร์ตการเดินทางของเราก็ไม่ได้ ก็เลยหยุดไป ก็อยู่ลำปางก็เรียนต่อจนถึงม.6 กลับบ้านไปคือร้องไห้เลย ถ้วยรางวัลที่เราหามาเป็นร้อยๆ ถ้วย เราคงไม่มีบุญได้เป็นนักร้องแล้ว มันไม่มีกำลังใจเลย เพราะรู้สึกว่าถ้าเราไป ครอบครัวยิ่งเป็นหนี้เป็นสินมากขี้น ก็เลยหยุดไป แล้วก็ไปเข้าวงการเทควันโด ยังไม่หยุดฝันค่ะ เพราะคิดว่าในเมื่อเราไม่ได้เป็นนักร้องแล้ว เราก็ไปแข่งเทควันโดแทน ด้วยความที่เรามีพื้นฐานมวยอยู่แล้ว ก็ไปแข่งตามภาคเหนือก็ได้ถ้วย To Be Number One เราก็เลยไปสายเทควันโด เพราะเหมือนตอนนั้นน้องวิวกำลังดังค่ะ เราก็คิดเลยว่าเราจะไปเอาเหรียญทองที่โอลิมปิก เพราะเราเป็นคนที่คิดอะไร เราก็คิดให้สุดของสายนั้นๆ เลยค่ะ ก็เลยเริ่มไปฝึกแล้วก็เริ่มมีการแข่งเราก็ยังไม่ได้สายดั้งดำ เราก็ไปแข่งตามประสาเรา เพราะเราเพิ่งเริ่ม ก็ชนะมาหลายงานมาก เพราะว่าเขาไม่กล้าเข้า เพราะว่าเราเป็นนักมวย แล้วเรามีพลังเยอะหน่อย แข่งจนมีทีมชาติเขาติดต่อมาว่าสนใจที่จะเข้าทีมชาติไหม แต่ต้องเก็บตัว 2 ปีนะคือไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ใจของเรายังอยากจะเป็นนักร้อง เพราะเราคิดว่าเราเกิดมาเพื่อร้องเพลง แต่ว่าตอนนั้นจบม.6 พอดีค่ะ ก็เลยโทรไปหาพี่เณรว่าเรายังมีโอกาสจะได้เป็นนักร้องอยู่ไหม เขาก็บอกให้เราบินมาเลย เดี๋ยวเขาออกค่าตั๋วให้ มาทำเพลง พอดีมีเพลง เปิดใจสาวแต ค่ะตอนนั้น ก็เลยกลับมาทำเพลงนี้ก็เลยพลิกชีวิตเลยค่ะ ก็ดังเปรี้ยงเลย ขึ้นชาร์ตตอนนั้นก็แบบ FM กำลังฮิตกัน ก็มีงานเรียกว่าเป็นอัลบั้มปลดหนี้เลยค่ะ

ถาม ความรักแรกๆ ของกระแตอยู่แถวค่ายมวย

กระแต : อายุน้อยมากค่ะ ตอนนั้น 13-14 ปี เราอยู่ค่ายมวย ก็มีนักมวยหญิงเยอะ เราก็เหมือนเป็นดี้ แล้วก็มี Puppy Love เพราะว่าตอนนั้นก็เป็นคนแรกที่เราคุย ตอนแรกก็เป็นพี่น้องแล้วก็คบกันมาจน 8 ปีเลยค่ะ เป็นสาวที่น่ารัก เป็นทอมนะคะ เป็นนักมวยด้วยกัน ช่วยกันซัพพอร์ต เขาดูแลเราดีมากๆ แต่ความรักที่จบลงเพราะว่าจริงๆ เขาดีทุกอย่างเลยนะคะ  ดูแลเราทุกอย่าง เป็นแม่บ้านซักผ้า ดูแลเราคือดีมาก แล้วอีกอย่างตอนนั้นก็ไม่ได้อยากมีแฟนเป็นผู้ชาย เพราะว่าเราก็กลัวเดี๋ยวพลาด เดี๋ยวอะไร ก็ดีแล้ว มีเพื่อนเป็นคู่ชีวิต แต่เขาเสียแค่เวลางอนกันตามประสาเนอะคะ เขาก็จะมีการปาร์ตี้ไ ปดื่มเหล้ากันแล้วเขากลับมาเขาจะเป็นปีศาจเวลาเมาค่ะ ขาก็จะหยาบคาย โวยวายเหมือนประสาคนเมาเลยค่ะ เหมือนคนขาดสติ ทะเลาะกัน ที่บ้านเราก็ไม่โอเคแล้ว ไม่ชอบเลย เราก็เลยตกลงกันว่าถ้าทำแบบนี้อีกถ้าสามครั้ง เราเลิกกันเลยนะ เราไม่เอา แล้วคือ พอคบกันถึงปีที่ 8 เขาก็ทำอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 เราก็เลยเลิก ไม่เอาแล้ว เลิกจริงๆ เราก็ตัดใจเลย เพราะว่าเราเป็นคนใจแข็งมากๆ ถ้าไม่เอาคือไม่เอา เพราะว่าหนูเลือกครอบครัวมากกว่า ถ้าวันหนึ่งถ้าเขาเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ยังไงก็ต้องเลือก เขาก็พยายามง้อเราเป็นปีนะคะ ก็คุยกันตลอดนะ แต่เรารู้สึกว่าเราหายไปแล้วกับคำว่าคู่หรือแฟน แต่เป็นเพื่อนกันไปแล้วค่ะ เราก็ไม่ได้รู้สึกถึงกับอกหัก แต่เรารู้สึกเสียใจที่เราไม่ได้ไปต่อค่ะ เสียดายเวลา เพราะว่าเราคิดว่าเราจะอยู่กับเขาทั้งชีวิตใช้เวลามาด้วยกันตั้ง 8 ปี แล้วเคยคุยกันว่าจะอยู่ด้วยกันจนแก่เลยนะ แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้เราก็เลยไม่เอาแล้ว

ถาม แต่ในจังหวะนั้น เราก็อยากจะมีครอบครัว

กระแต : ใช่ค่ะ ก็อยากมีครอบครัวด้วย เราก็คิดว่าเราน่าจะมีน้อง มีหลานให้แม่ค่ะ ก็เลยไม่คิดว่าจะกลับไปคบกับเขา พอมันโตขึ้น ความคิดก็เริ่มเปลี่ยนค่ะ

ถาม แต่พอเข้าวงการมาก็มีเรื่องทำให้กระแตน้อยใจมาก

กระแต : แล้วที่เป็นข่าว เราเนี่ยแทบไม่ได้คุย หรือเราไม่ได้มีอะไรเลย มันเป็นการตีข่าว มันเป็นเรื่องของความเซนซิทีฟ พออะไรฉาวๆ คนจะสนใจและโยงมั่ว แต่คนที่เราคุย กลับไม่เป็นข่าวค่ะ มันก็เลยแบบหลายอย่าง แล้วก็เรื่องเพลง เราออกเพลงตอนนั้น มันเป็นเพลงแนวฮิปฮอป เป็นแดนซ์ แล้วเราเป็นลูกทุ่งคนเดียวที่ฉีกแนวมาเลย กลายเป็นเหมือนว่าคนที่ชอบฟังเพลงลูกทุ่ง เขาก็ไม่ชอบ เหมือนเราทำลูกทุ่งเสื่อมเสีย แบบทุกอย่างมันถาโถมมาหมดเลยค่ะ เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราอยากตายนะตอนนั้น แต่มันเป็นความรู้สึกน้อยใจชีวิต เราก็ทำงานเหนื่อยมาตั้งแต่เด็กๆ แต่คำที่เขาด่าเรา ดูถูกเราแต่ละคำ ต้องบอกก่อนว่าเมื่อก่อนเราเด็กมากๆ มันเหมือนไม่มีกันชนที่จะปกป้องตัวเอง มันลนไปหมดเลย มันร้อน โดนด่าที เราก็ตอบกลับตอนนั้น เราไปตอบกลับไม่ใช่ปฏิเสธ คือสู้ ยิ่งตอบ ยิ่งเละหนักมาก มีเพจแอนตี้เราอีก บางทีเราไม่ได้ทำอะไร เขาก็เอาไปพูดๆ จนแบบเราเหนื่อยจังเลย ตอบไปก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น อยู่ๆ ก็มีด่าว่าขายตัว ไปกันใหญ่มาก แรงมาก ด่าไปถึงคุณแม่เลยค่ะ เราไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ถ้าย้อนกลับไปที่เราเห็นที่ผ่านมาคือโลกไม่ได้สวยอย่างที่เราคิดเลย น่ากลัวจัง เราไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนขนาดจะต้องมาแช่งเรา ด่าเราขนาดนี้ เราก็เลยรู้สึกว่าน้อยใจ เมื่อไหร่จะหยุด เราอธิบายอะไรไปเขาก็ไม่ฟัง ไม่เชื่อ ซึ่งเราเข้าใจว่าตอนนั้นมันเป็นอะไรที่เซนซิทีฟ แล้วเราไม่มีกระบอกเสียง เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้มีชื่อเสียง ในความคิดเราคือไม่มีใครที่จะคอยช่วยเราคิด หรือบอกเราว่าเราควรจะทำอย่างไร เพราะตอนนั้นเราเละเทะมาก เราตอบกลับ เขาก็แคปด่ากันสนุกสนาน แล้วเราก็รู้สึกเหนื่อย เพราะว่าเราไม่ได้นอนเลย เรานอนไม่หลับ จับโทรศัพท์ตลอดเวลา ดูสิใครตอบกลับมา ไม่ได้นอนเป็นอาทิตย์ มันนอนไม่ได้

ถาม ตอนนั้นที่ทำให้ใจของเราดำดิ่ง เพราะว่าคนด่าเราเรื่องงาน

กระแต : หลายอย่างเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ ทุกอย่างเลยค่ะ เราก็งงมาก เพราะพอมันจะมา มาพร้อมกันจังเลย แล้วเราก็น้อยใจ เราก็อยากหลับไปเลย ไม่ต้องตื่นเลย เหนื่อยจังอะไรอย่างนี้ เราไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องตายนะคะ แต่ว่ามันแค่รู้สึกชั่ววูบว่าโอเคในเมื่อนอนไม่หลับ เราก็กินยานอนหลับเลย เราก็เลยกินยาไปเลยเกือบ 20 เม็ด (ร้องไห้) เราแค่อยากนอน เราไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยนะคะ เพราะว่าเราสร้างภาพว่าเราแข็งแกร่งตลอด (ร้องไห้) สงสารคุณแม่มากค่ะ ตอนนั้นหลังจากที่เราทานยาไปแล้ว ที่ไม่กล้าพูดเรื่องพวกนี้ เพราะมองว่ามันไม่ใช่เรื่องดี แต่ว่าวันนี้ที่อยากพูด เพราะว่าเราโตขึ้นแล้ว อยากจะพูดเผื่อมีใครที่เจอแบบเรา ตอนนั้นเราแค่อยากนอนแล้วตื่นมาอีกทีเรื่องพวกนี้คงหายไป ครั้งนั้นคือเป็นบทเรียนชีวิตของเรามากเลยค่ะ

s__73687179

ถาม แล้วกับความรักครั้งนี้ กระแตคิดว่าเป็นรักครั้งสุดท้าย เขาเข้าใจเราจริงๆ ใช่ไหม เพราะเห็นว่าเขาเงียบๆ ด้วยความที่เขาไม่พูดปั๊บ มันกลายเป็นว่าเอ๊ะ เขาต้องเข้าใจสิ หรือตอนที่มาออก Club Friday Show เนี่ย กระแต บอกเขาไหมว่าเราจะคุยเรื่องของความรักนะ เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยพูดถึงเขาเลย

กระแต : บอกค่ะ เขาก็บอกเราว่าจริงสิ ได้หรอ เขาก็ตกใจ (ตอบแบบเขิน) เราก็มาพูดครั้งแรกที่มากที่สุดแล้วค่ะในรายการเพราะถือว่าวันนี้เป็นวันที่ก็มองว่าตัวเองก็อายุเยอะขึ้น โตขึ้น แล้วก็ประสบการณ์ต่างๆ เวลามันผ่านมา เราก็เป็นคนใหม่ ไม่ผิดนะที่เราจะมีครอบครัว เพราะว่าอย่างน้องที่สนิทกัน ใบเตยมีลูกแล้ว ฉันยังไม่ได้ถึงไหนเลย อะไรอย่างนี้ เห็นเขาอุ้มลูกเราก็อิจฉา น่ารักจัง เราอยากมีบ้าง เป็นโมเมนต์ที่ผู้หญิงทุกคนก็มีเป็นปกติค่ะ

ถาม ไหนๆ ก็มาพูดถึงหวานใจที่นี่เป็นที่แรก แล้วมีอะไรที่อยากบอกเขาบ้างไหม หรืออยากขอ อยากขอบคุณ หรือแม้แต่ขอโทษบ้างไหม

กระแต : เขินเลย ก็เหมือนเราเป็นคนที่คุยกันน้อยอยู่แล้ว มองตาบางทีรู้เลยว่าแบบเธอจะพูดอะไร อ้าปากคือรู้เลยว่าฉันเหนื่อยแล้ว เธอจะพูดอะไร แต่สุดท้ายเราเคยสัญญาแล้วว่าตั้งเป้าไว้ ถ้าเรามีเงินพันล้าน จะแต่งงานค่ะ ก็ขอให้ทำให้ได้นะคะ รออยู่ เหมือนแบบเราจะเป็นคนตลกไง แล้วเขาก็จะรู้ว่าเราเป็นคนอย่างนี้ เราไม่ค่อยคุยเรื่องความรักกับใครเลยค่ะ เราคิดว่าเราคงมีแต่ความรู้สึก ขอบคุณที่อยู่ข้างกันมาตลอด 8 ปี มันยาวนานมากที่เธอได้เห็นความรุงรังของชีวิตเราแล้วเธอก็ยังไม่ไปไหน แล้วก็ขอบคุณที่เข้ามาแบบช่วยทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น ดีขึ้นจริงๆ ค่ะ วันหนึ่งเราอยากจะบอกทุกคนว่าเราโชคดีที่มีเธออยู่ข้างๆ แต่ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เดี๋ยวรอผ่านพันล้านไปก่อนนะ (หัวเราะ)

ถาม แต่เชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ถ้ากระแตพร้อม เขาก็พร้อมนั่นแหละ หมายถึงว่ากระแตพร้อมจะบอกใครๆ เขาก็พร้อมนั่นแหละแปลว่าจริงๆ แล้ว ถ้าเราเป็นเจ้าของหัวใจใคร เราอยากให้ได้การยอมรับ หรือให้ใครๆ รู้ว่าฉันแฟนกระแตนะ พี่อ้อยว่าการที่กระแตแสดงออกซึ่งความรู้สึกในวันนี้ เขาต้องชื่นใจ ต่อให้เขาเป็นคนไม่พูดไม่ได้แปลว่าเขาไม่รู้สึก

กระแต : ใช่ค่ะ เขาไม่เคยพูดเลย เพราะว่าเขารู้ว่าเราทำงานในวงการนี้ บางทีการเป็นโสดมันก็น่าสนใจ มันเนื้อหอมเนอะ พอบางทีการมีครอบครัวแล้ว หรือมีแฟนแล้ว เราก็เคยคิดว่าเราจะหวงความโสดไงคะ ก็เลยอยากเป็นสาวผู้มีความสวยโสดอยู่อะไรอย่างนี้ แต่ตอนนี้มัน 34 ปีแล้วค่ะ เราก็เลยอยากจะแบบเริ่มอนาคต มีครอบครัวบ้าง

ถาม จากวันหนึ่งซึ่งเราต้องวิ่งแข่งตามเวทีต่างๆ ไล่ตามความฝัน ตามเงินด้วย จนมาถึงวันนี้ มองย้อนกลับมา ความเป็น กระแต อาร์สยาม ซึ่งแน่นอนผ่านร้อนผ่านหนาวแล้วมันก็ไม่ได้ผ่านมาง่ายๆ เลย ถ้าถามว่าเราภูมิใจอะไรมากที่สุด และคิดว่าบทเรียนนี้เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อยากฝากให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อมกันผ่านชีวิตของเราคือเรื่องอะไร

กระแต : อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา คือการพิสูจน์ตัวเอง หนึ่งคือต้องรักตัวเองก่อนเลย ไม่ว่าตอนนี้มีใครจะมีปัญหา เชื่อว่าทุกคนมีปัญหามาก่อน แล้วก็อาจจะเจอทางตัน แต่บอกเลยว่า ทุกปัญหามีทางแก้ แค่เราเชื่อมั่นในความดีที่เราทำ อดีตก็ต้องดี พรุ่งนี้ อนาคตก็ต้องดี แค่อยากให้ทุกคนสู้ แล้วกำลังใจจากคนที่เรารัก สำคัญค่ะ แล้วก็ให้นึกถึงคนที่เรารักมากที่สุด อย่างที่บอก เวลาที่เราเครียดหรือเราคิดอะไรไม่ออกเ หมือนที่แตเคยโง่ อยากจะนอนไปเลย เราต้องนึกถึงคนที่เรารักสำคัญที่สุด แล้วเราจะมีกำลังใจ ครอบครัวคือส่วนสำคัญที่สุดเหมือนกันค่ะ อะไรก็ตามที่เราต้องการจะเป็น ขอให้พยายามและมุ่งมั่น ถ้าเราไม่ละความพยายาม เราทำมันด้วยความรัก เราบ้าที่จะทำมัน เราจะทำมันได้ทุกอย่างมันประสบความสำเร็จในทุกวิชาชีพแน่นอนค่ะ

ถาม ในวันที่เราอ่อนแอที่สุด ดิ่งที่สุด ลืมตาขึ้นมาวันนั้นเห็นคุณแม่ อยากบอกอะไรกับคุณแม่

กระแต : อยากบอกคุณแม่ว่า หนูขอโทษ แล้วก็เชื่อแล้วว่าแม่รู้แล้วว่าเราเข้มแข็งมากเลยค่ะ แล้วก็บอกแม่ตลอดว่าจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก เพราะว่าตอนนี้เราเป็นคนใหม่มาก และบอกแม่ตลอดว่าแน่นอน เรายังต้องเจออะไรอีกเยอะ เพราะเรายังอายุน้อย แล้วคุณแม่ก็บอกเราตลอดว่า ให้เข้มแข็งเหมือนคุณแม่ เราก็จะเข้มแข็งเหมือนคุณแม่นะคะ อะไรก็ตามที่มาสะกิดจะไม่รู้สึกสักนิดเลย เพราะเราจะไม่เสียเวลากับคำของคนที่ไม่เคยเห็นค่าของเรา เราจะไม่เสียเวลาไปพิสูจน์เพื่อให้คนที่ไม่เคยรักเราได้เข้าใจเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องใช้เวลาไปทำพันล้านของเรา แม่ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเวลาหันไปมองคอมเมนต์เหล่านั้น บอกได้เลยว่าตอนนี้แฮปปี้ทุกอย่างค่ะ

s__73687172

ดูคลิปย้อนหลังรายการ Club Friday Show ได้ทางยูทูป

https://youtu.be/OMjtZdQExQ0

https://youtu.be/eLz-hh_DWp4

https://youtu.be/lfz2GldST9E

https://youtu.be/FdoYXF7CMyc

https://youtu.be/U1bTQQHAUc4

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส