"เป็ด เชิญยิ้ม" ใจสลาย เผาพ่อมองกระดูกถึงกับเข่าอ่อน ถามรัฐหาวัคซีนได้หรือยัง (คลิป)

นับเป็นความสูญเสียที่ยากจะทำใจได้ของนักแสดงตลกชื่อดัง "เป็ด เชิญยิ้ม" เพราะก่อนหน้านี้ วันที่ 29 มิ.ย.64 ก็เพิ่งจะสูญเสียคุณแม่จากโรคโควิด-19 แต่ผ่านไปเพียง 10 วัน คุณพ่อก็มาเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 อีกเช่นกัน สำหรับคุณพ่อสุเทพ โพธิ์วิจิตร ติดเชื้อในวันที่ 16 มิ.ย.64 จากแม่บ้านที่ดูแล จากนั้นได้เข้ารับการรักษาในวันที่ 18 มิ.ย.64 ถึงแม้เชื้อจะลงปอด แต่อาการทรง ๆ ไม่ได้หนักมาก เพราะสุขภาพแข็งแรง และไม่มีโรคประจำตัว

แต่หลังจากที่คุณแม่เสียชีวิตไปได้เพียง 4 วัน อาการของคุณพ่อ จู่ ๆ ก็ทรุดลง และเข้าห้องไอซียูในช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.ค.64 โดยหมอบอกว่าปอดเริ่มมีฝ้ามากขึ้น ออกซิเจนเข้าไปได้น้อย จำเป็นต้องนอนคว่ำ แต่คุณพ่อไม่สามารถนอนคว่ำได้เพราะเจ็บท้อง หลังจากนั้นอาการก็เริ่มทรุดลงเรื่อย ๆ จนคุณหมอบอกให้ทำใจ เพราะทางญาติตัดสินใจกันว่าจะไม่ใส่ท่อ และในเช้ามืดของวันที่ 9 ก.ค.64 ก็เริ่มวัดความดันไม่ได้ และระบบการหายใจล้มเหลว จนในที่สุดคุณพ่อก็จากไปอย่างสงบ ด้วยวัย 94 ปี โดยที่ไม่รู้ว่าคุณแม่ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว

ล่าสุดวันที่ 11 ก.ค.64 เวลา 09.00 น. ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน นายธัญญา โพธิ์วิจิตร หรือ เป็ด เชิญยิ้ม นักแสดงตลกอาวุโส และครอบครัว นำร่างนายสุเทพ โพธิ์วิจิตร บิดาที่เสียชีวิตด้วยโควิด-19 ในวัย 94 ปี มาบำเพ็ญกุศลที่เมรุ 2 วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน โดยเจ้าหน้าที่มีการสวมใส่ชุด PPE และป้องกันอย่างรัดกุม เพื่อเคลื่อนย้ายร่างของผู้เสียชีวิตจากโรงพยาบาล มาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัด ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยของคนในครอบครัว คนสนิท และบุคคลในแวดวงการเมือง บันเทิง และกีฬา ที่มาร่วมงาน

ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายโรงศพ อาเป็ดและญาติ ๆ ก็ได้แต่ยืนเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ โดยบรรยากาศช่วงนี้ถือว่าบีบหัวใจมาก ๆ เพราะทุกคนต่างร้องไห้ออกมาเสียงดังระงมไปทั่วบริเวณวัด หลังจากนั้นก็มีพิธีถอดผ้าบังสุกุล และพิธีวางดอกไม้จันทน์ เพื่อทำพิธีฌาปนกิจศพ ก่อนจะมีพิธีสวดอภิธรรมภายหลังเป็นเวลา 3 วัน และจากนั้นจะนำอัฐิไปลอยที่สัตหีบพร้อมกันกับคุณแม่

โดยช่วงที่ อาเป็ด เดินมาวางดอกไม้จันทน์ เจ้าตัวก็ได้ก้มลงกราบที่พื้น ก่อนจะลุกขึ้นไปจูบรูปภาพของคุณพ่อ ทำเอาคนที่มาร่วมงานต่างเศร้าไปตาม ๆ กัน สำหรับคนในวงการบันเทิง ก็เดินทางมาร่วมไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก อาทิ ปู พงสิทธิ์, สุเทพ ประยูรพิทักษ์, หนูเล็ก ก่อนบ่าย, บีม วรานิษฐ์ จิราโรจน์เจริญ ลูกสาวของดี๋ ดอกมะดัน, พ่ออี๊ด สุประวัติ ปัทมสูต และภรรยานีรนุช ปัทมสูต, เท่ห์ อุเทน, เฟม ชวิน, ตี๋ ดอกสะเดา, ซูโม่ เพชร พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร, น้าพวง เชิญยิ้ม, ไก่ วรายุฑ, ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน และแวดวงการเมือง อย่าง กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย รวมถึงนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย

อาเป็ด ให้สัมภาษณ์ว่า การสูญเสียในครั้งนี้มันโหดร้าย มันทารุณ มันเจ็บปวด มันเกินที่จะบรรยาย และเกินที่จะรับได้ น้ำตาเก่าที่เสียแม่ยังไม่ทันแห้ง น้ำตาใหม่ก็มา มันไม่ทิ้งระยะเวลาให้มีคนปลอบใจ มันใกล้กันเกินไป ทำใจยากมากจริง ๆ ปกติตนเป็นคนเข้มแข็ง เป็นนักสู้ แต่คราวนี้ตนขอยอมแพ้ ถ้าตนยังมีชีวิตอยู่ ตนลืมภาพนี้ไม่ได้จริง ๆ สำหรับแม่อายุ 89 ปี พ่ออายุ 94 ปี ใครชมว่าอายุยืนตนก็ดีใจและอยากให้พ่อกับแม่อยู่เคียงข้างกันไปนานกว่านี้ แต่ตนเชื่อว่าคู่นี้ 70 ปีที่เขาเดินเกี่ยวแขนกัน ไม่เคยห่างจากกัน ตนคิดว่าแม่มารับพ่อไปสวรรค์ แล้วตนก็อยากจะบอกว่าขอเกิดเป็นลูกพ่อกับแม่ ไม่ว่าเราจะจนมากแค่ไหนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม มีคนทักมาว่าเจ้ากรรมนายเวรของทั้งคู่แรงมาก ซึ่งตนยังไม่ทันได้ไปทำพิธี พ่อและแม่ก็จากไปแล้ว แต่ตนก็ยังเดินทางไปแก้กรรม เพื่อขออโหสิกรรมและเปิดทางให้พ่อกับแม่ไปสู่สวรรค์ วัคซีนคือตัวช่วยที่ดีที่สุด อย่างน้อยหากติดเชื้อโควิด-19 ก็ไม่ตาย หากหมอพร้อม พร้อมจริง ๆ คุณพ่อกับคุณแม่ก็ได้ฉีดวัคซีนนานแล้ว ไม่ต้องถูกเลื่อนออกไปจนติดโควิด-19 เสียชีวิตแบบนี้

"คืนก่อนที่คุณพ่อจะเสีย มีคนมาทักผมบอกว่าเจ้ากรรมนายเวร คุณต้องไปแก้ แรงมาก เพราะว่าต้นตระกูลแม่เป็นคนพัทลุง เราก็จะไปนัดวันที่ 30 มิ.ย.64 แม่เสีย 29 มิ.ย.64 แม่เสียเสร็จ พ่อก็โอเคดูดีขึ้น เราก็กำหนดวันว่าเราจะไปวันที่ 9 ก.ค.64 จองตั๋วเครื่องบินอะไรเสร็จเรียบร้อย เวลา 5.42 นาที พ่อเสีย มันบังเอิญกันหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ผมไม่ไหวจริง ๆ เรารู้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่าพ่อไม่ไหว พ่อคุยกับคนดูแลบอกว่าจะโทรหาย่าได้ไหม ให้มารับปู่ ปู่จะกลับแล้ว แค่ประโยคนี้ผมก็ไม่ไหวแล้ว ผมไม่เคยบอกพ่อ ห้ามใครบอกพ่อผมเด็ดขาด เราก็โทรไปให้กำลังใจ ลูกหลานก็โทรไปทุกคน แต่ผมโทรไป เขาไม่พูดอะไรกับผมเลย เขาพูดเพียงคำเดียว ประโยคเดียวคือ อยากกินกล้วย ๆ ผมพูดอย่างอื่นก็ไม่ฟัง" อาเป็ด กล่าว

อย่างไรก็ดี ตนเชื่อว่าคู่นี้ 70 ปีที่เขาเดินเกี่ยวแขนกัน และ 70 ปีเขาไม่เคยห่างจากกัน เขาห่างกันแค่ 7 วันเข้าโรงพยาบาล ตนคิดว่าพ่อไปสวรรค์ แม่มารับพ่อไปสวรรค์ ตนอยากจะบอกว่าพ่อกับแม่ในชาติหน้า ถ้าตนได้เกิดอีกครั้งขอเกิดเป็นลูกพ่อกับแม่ ไม่ว่าเราจะจนตอนสมัยเด็ก ๆ จนมากแค่ไหน ตนก็จะไปเกิดเป็นลูกพ่อกับแม่ ตนขอแค่นี้

“ผมบอกให้พ่อไปสวรรค์ แม่มารับพ่อแล้ว พ่อไปอยู่กับแม่นะ ชาติหน้าผมขอ ไม่ว่าเราจะลำบากยากจน จะไม่มีกินสมัยเด็ก ๆ อีกสัก 10 เท่า ผมก็อยากจะเป็นลูกของเขาทั้งสองคน นี่คือความเจ็บปวดที่ผมเจอ มันไม่ไหวจริง ๆ มันเหนื่อยจริง ๆ มันเหนื่อยในอก บางทีเราบอกเราเป็นคนเข้มแข็ง แต่ถึงเวลามันเข้มแข็งยังไงก็ไม่ไหว สิ่งที่มันเกิดขึ้นแบบนี้ ผมว่ามันไม่มีใครรับได้ มันรับได้ยากจริง ๆ มันโถมมาแรงมาก” อาเป็ด กล่าวทั้งน้ำตา