วงการบันเทิงได้รับข่าวเศร้า หลังจากที่
โอ วรุฒ วรธรรม อดีตพระเอกชื่อดัง หมดสติและชักเกร็ง รวมทั้งพบว่ามีอาการหยุดหายใจ ภายในบ้านพักที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 61 ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน และมีอาการทรุดตัวลงต่อเนื่อง
กระทั่งล่าสุด วันที่ 11 ก.ย. 61 เมื่อเวลา 02.40 น. ได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยอายุ 49 ปี ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ โดยงานบำเพ็ญกุศลจัดขึ้นที่ศาลาสหัส-หงส์ มหาคุณอนุสรณ์ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร (อ่าน :
ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง! คนบันเทิงเศร้า สิ้นแล้ว "โอ วรุฒ" ตำนานโกโบริ)
โดยเวลา 17.00 น. มีพิธีรดน้ำศพอย่างเป็นทางการ ครอบครัว และเพื่อนสนิท เดินทางมาร่วมพิธี อาทิ ตั้ม สมประสงค์, นีโน่ เมทนี และ ปิงปอง สะแกวัลย์ จากนั้นญาติพี่น้อง เพื่อนในวงการบันเทิง แฟนคลับ ทยอยเข้ามาร่วมรดน้ำศพอย่างหนาแน่น บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีเสียงร้องไห้เป็นระยะ
สำหรับพิธีเป็นไปด้วยความเรียบง่าย มีหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคล ให้เกียรติมอบพวงมาลา ในพิธีรดน้ำศพ จากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นพิธี มีการเปิดโอกาสให้กับผู้ร่วมงามได้มาดูหน้าของ โอ วรุฒ และร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งนายแรม วรธรรม อายุ 84 ปี พ่อของโอ วรุฒ กล่าวบอกลาลูกชายครั้งสุดท้าย อีกทั้งบางคนก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
นายแรม วรธรรม พ่อของโอ วรุฒ เผยความรู้สึกหลังสูญเสียลูกชายว่า ตอนที่โอเข้าโรงพยาบาล คุณหมอก็บอกแล้วว่าอาจจะไม่รอด เพราะหัวใจหยุดเต้นไปตั้งแต่วันแรก ต้องปั๊มหัวใจตลอด ตนก็ยังบอกเลยว่า "อย่าไปปั๊มเลย ให้เขาไปดี ๆ เพราะหากรอดก็คงไม่รับรู้ ต้องนั่งป้อนข้าว ป้อนน้ำ หยอดทางสายยาง ทรมานตัวเอง เราอายุเยอะแล้ว ก็จะเป็นภาระเราอีก" ทั้งนี้ ตนทำใจไว้แต่แรกแล้ว เพราะหมอบอกว่า โอกาสรอดแค่ 20% ส่วนคุณแม่ก็ยังมีร้องไห้บ้าง
นอกจากนี้ ก่อนโอเสียชีวิตได้ไปบอกกับเด็กรับใช้ที่บ้านเมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า "โอคงไม่อยู่แล้วนะ ให้ดูแลแม่นะ" อีกทั้ง ยังเคยพูดกับนีโน่ด้วยว่า "อยากตายแล้ว ชีวิตไม่สมประกอบแล้ว เพราะเจ็บปวดบ่อย" หากถามว่ามีห่วงอะไรไหม ก็คงไม่มีแล้ว คงห่วงแต่พ่อและแม่เท่านั้น
สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมศพเริ่มขึ้นในเวลา 20.00 น. โดยเริ่มจากการเทศน์ 1 กัณฑ์ เมื่อเทศน์จบจึงจะเริ่มพิธีสวดพระอภิธรรม โดยในคืนนี้มีครอบครัวเป็นเจ้าภาพ ซึ่งก็มีเพื่อนพ้องในวงการบันเทิงเข้ามาร่วมไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก อาทิ เวฟ สาริน ตั้ม สมประสงค์, นีโน่ เมทนี, ปิงปอง สะแกวัลย์, กรีน อัษฏาพร
ส่วนที่มาไม่ได้ร่วมงาน ก็ได้ส่งพวงหรีดมาจนแน่นศาลา อาทิ บุ๋ม ปนัดดา, เก๋ ชลลดา, กอบสุข จารุจินดา, ไตรภพ ลิมปพัทธ์, จินตหรา สุขพัฒน์ เป็นต้น
นางอรพิน วรธรรม แม่โอ วรุฒ เปิดใจว่า ลูกชายเป็นคนเก็บกด ไม่เคยบอกอะไรใคร มีอะไรก็เก็บไว้คนเดียว ก่อนหน้าจะเสียชีวิต เขาเคยล้มจนซี่โครงหัก แต่ก็ไม่ได้บอกใคร เวลาเขาเสียใจ ผิดหวัง น้อยใจ ทุกข์ใจ ก็เก็บเงียบ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เป็นทุกข์จนวูบในครั้งนี้ เพราะเครียดจากการที่จะได้ทำรายการหนึ่ง แต่ก็โดนยกเลิกกลางคัน ซึ่งตั้งแต่ลูกเข้าวงการก็ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ และเพิ่งจะกลับมาอยู่ด้วยกันแค่ 1 ปี
อย่างไรก็ตาม ตนเองได้ทำใจได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว เพราะมีธรรมะในใจ แต่ก็ไม่คิดว่าลูกชายจะจากไปเร็วขนาดนี้
ด้าน
สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ หรือ ปิงปอง เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่โอ วรุฒ เข้าวงการ เปิดเผยว่า ปกติโอเป็นคนร่าเริง แต่จริง ๆ เขาเป็นคนคิดมาก ทั้งนี้ ทีมข่าวสอบถามว่าคิดมากเรื่องที่คุณแม่บอกว่าชวดงานพิธีกรหรือไม่ ปิงปองตอบว่า "ไม่ใช่" แต่เกิดจากร่างกายของโอไม่ไหวแล้วจริง ๆ เบาหวานขึ้นถึง 400 อีกทั้งเคยล้มด้วย จากนั้นร่างกายก็ไม่ค่อยดี สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตก็มาจาก ไตวาย เบาหวาน และติดเชื้อแบคทีเรีย แล้วร่างกายแกอ่อนแอ ทำให้แค่ 1 วัน ร่างกายก็ไปเลย หมอบอกว่าจะเจอเคสแบบนี้ 1 ในพัน
นอกจากนี้ โอยังเคยบอกกับน้องไว้เหมือนลางสังหรณ์ ในวันนั้นก่อนจะวูบช่วง 16.00 น. ว่า ถ้าแกเป็นอะไรไปให้บอกพวกตนด้วย แล้วช่วงแกเข้าโรงพยาบาล แกก็รอพวกตนมา มีจับมือ ยิ้มให้ ก่อนจะหมดลมหายใจ
จากนี้จะมีการสวดพระอภิธรรมไปจนครบ 7 วัน และจะเก็บร่างของคุณโอ วรุฒ เป็นเวลา 100 วัน และในวันที่ 17 ก.ย. 61 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณโอ อายุ 49 ปี ก็จะมีการทำบุญใหญ่ โดยตลอด 100 วัน จะทำบุญให้ทุกวันพระด้วย
ทั้งนี้ โอ วรุฒ วรธรรม เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2512 เป็นบุตรชายของนักแสดงอาวุโส แรม วรธรรม จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนแล้วไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ด้านการบิน เข้าสู่วงการโดยการชักชวนของมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ
โดยบทบาทพระเอกที่ชื่อโกโบริ ทหารชาวญี่ปุ่น ในภาพยนตร์เรื่องคู่กรรม ถือเป็นการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวให้กับอดีตนักแสดงรายนี้ ซึ่งในขณะนั้น โอ วรุฒ เป็นนักแสดงชายที่มีหน้าตาโดดเด่น จึงทำให้กลายเป็นดารา เนื้อหอม ในยุค 90 ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก และทำให้มีผลงานตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น ภาพยนตร์เรื่องเขาชื่อกานต์ โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ
หลังจากนั้นได้เข้าสู่วงการจอแก้ว โดยเล่นละครโทรทัศน์เรื่องละอองดาว พี่เลี้ยง ในฝัน ผู้กองยอดรัก นอกจากนี้ยังได้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรทางโทรทัศน์หลายรายการ