พิสูจน์นาทีโจ๋ชั่ว บุกห้องน้ำ รร. หวังขืนใจ ป.1 จุดเสี่ยงรั้วเตี้ย - ลุงเชื่อพวกเมายา (คลิป)

7 ก.ย. 61
จากกรณีวันที่ 4 ก.ย. 61 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง มีคนร้ายใช้มีดจี้เด็กนักเรียนหญิง ชั้น ป.1 หมายจะข่มขืนขณะที่เด็กกำลังจะเข้าห้องน้ำ ซึ่งอยู่ติดกับรั้วของโรงเรียน แต่เด็กหญิงรอดมาได้ หลังจากเพื่อนเด็กนักเรียนที่มาเข้าห้องน้ำ เห็นเหตุการณ์ จึงตะโกนเรียกครูให้มาช่วย ขณะที่คนร้ายวิ่งหนีไปได้ (อ่าน : โจรหื่น! คัตเตอร์จี้ ด.ญ. ป.1 หวังชำเรากลางห้องน้ำรร. เพื่อนเห็นตะโกนเรียกครู รอดหวุดหวิด)
ห้องน้ำในโรงเรียน จุดเกิดเหตุ
วันที่ 6 ก.ย. 61 ทีมข่าวเดินทางมาที่โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งเปิดสอนถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 70 คน แบ่งเป็นชาย 44 หญิง 26 คน ซึ่งภายในโรงเรียนแบ่งเป็นอาคารเรียนชั้นอนุบาล ประถมศึกษา 1-3 และ 4-6 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 10 ไร่เศษ มีครูทั้งหมด 9 คน นักการภารโรง 1 คน ผู้อำนวยการ 1 คน เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ 08.00 น. - 15.30 น. ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนในชุมชน และชุมชนใกล้เคียง
ครูเอ (นามสมมติ) ครูประจำวิชาเรียนวิชาคอมพิวเตอร์
ครูเอ (นามสมมติ) ครูประจำวิชาเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ และผู้ช่วยเหลือเด็กหญิงจากเหตุการณ์ดังกล่าว เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ช่วงเวลาก่อนเลิกเรียน ตนสอนเด็กนักเรียนอยู่ภายในปฏิบัติการห้องคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนั้นมีนักเรียนหญิง 2 คน ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำด้านข้างสนามกีฬา ติดกับรั้วของโรงเรียน ห่างจากห้องเรียนประมาณ 100 เมตร โดยจากห้องเรียนจะมองไม่เห็นห้องน้ำ เพราะเป็นมุมอับ หากจะมองเห็นห้องน้ำริมรั้ว ต้องเดินออกมาอยู่ด้านหน้าอาคาร โดยเด็กหญิง 1 คน ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว ก็รีบกลับมาห้องเรียนตามปกติ จากนั้น น้องผู้เสียหาย เจอกับคนร้าย ที่ตามมาทีหลัง ระยะเวลาห่างกันเล็กน้อย ซึ่งน้องกลับมาพร้อมกับอาการตกใจ และมาบอกตนว่า "มีโจรโรคจิตอยู่ในห้องน้ำ" พร้อมกับร้องไห้ และมีรอยช้ำใต้ตา จึงคาดว่าอาจจะถูกกระแทกจากประตู บริเวณคอมีรอยแดง 2 จุด ตนถามเด็กว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งทราบว่า คนร้ายนำมีดคัตเตอร์ขู่ ไม่ให้เด็กร้องส่งเสียงดัง เพราะหวังกระทำอนาจาร ประกอบกับนำสก็อตเทปติดมือมาด้วย เพื่อหวังจะใช้ปิดปาก ไม่ให้เด็กร้องขอความช่วยเหลือได้ โดยขณะเกิดเหตุ น้องผู้เสียหาย เปิดประตูออกมา แล้วเจอกับคนร้ายที่ยืนอยู่หน้าประตู ก่อนโดนผลักประตูเข้าไปด้านใน และถูกข่มขู่ ครูเอ เล่าต่อว่า จากการสอบถามเด็กนักเรียนชาย ทราบว่า ห้องน้ำชาย ด้านข้างจุดเกิดเหตุ มีเด็กชายมาใช้ห้องน้ำ แล้วเห็นคนร้ายพอดี เมื่อคนร้ายเห็นจึงตกใจ รีบวิ่งออกจากห้องน้ำหญิง กระโดดข้ามรั้ว และขับรถมอเตอร์ไซค์หนีไป ส่วนลักษณะของคนร้ายสวมเสื้อสีดำ เบื้องต้น ตำรวจเก็บวัตถุหลักฐานทั้งหมดแล้ว
ห้องน้ำของโรงเรียน จุดเกิดเหตุ
จากนั้น ครูเอ พาทีมข่าวเดินทางจากอาคารเรียนผ่านสนามกีฬา ไปยังห้องน้ำ จุดเกิดเหตุ ซึ่งพบว่าจุดดังกล่าวอยู่ไกลจากอาคารเรียน ประกอบกับวันที่เกิดเหตุมีหญ้ารก เพราะเป็นฤดูฝน จึงมีการปรับพื้นที่ไม่ทัน เนื่องจากมีนักการภารโรงเพียง 1 คน และเมื่อเกิดเหตุขึ้น ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงสั่งปิดไม่ให้ใช้งาน และได้มีการตัดแต่งต้นไม้ และตัดหญ้ารกทึบ บริเวณรอบห้องน้ำออก รวมถึงบริเวณรอบรั้วของโรงเรียนทุกจุด เพราะเด็กนักเรียนหญิงบางคนเกิดอาการหวาดกลัว โดยห้องน้ำบริเวณจุดเกิดเหตุ เป็นห้องน้ำแยกระหว่างชายและหญิง ซึ่งห้องน้ำฝ่ายหญิงจะอยู่ด้านซ้าย ห้องน้ำฝ่ายชายอยู่ด้านขวา ภายในห้องน้ำแบ่งเป็น 2 ห้อง และห้องที่เกิดเหตุคือห้องด้านในสุด นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุ ตนพาเด็กไปเจอกับครูประจำชั้น และพาไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ห้องพยาบาล จากนั้นเมื่อเด็กหยุดร้องไห้ ก็กลับมาเรียนได้ตามปกติ ซึ่งอาการของเด็กตอนนั้น ไม่มีอาการกลัวแต่อย่างใด ซึ่งเด็กค่อนข้างเข้มแข็ง แต่หลังจากนั้นแม่ของเด็กได้พาเด็กไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการขอพักการเรียนชั่วคราว ด้านของพ่อแม่ของเด็ก ยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูล
ภาพจำลองขณะด.ญ. ป.1 เข้าห้องน้ำ
ภาพจำลองขณะด.ญ. ป.1 ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายในห้องน้ำ
จากการสังเกตภายในละแวกดังกล่าว พบว่ามีกล้องวงจรปิดเพียง 2 ตัว โดยติดตั้งที่อาคารอำนวยการ และทางเข้า-ออกโรงเรียน ซึ่งมุมภาพไม่สามารถบันทึกเหตุการณ์บริเวณหน้าห้องน้ำ จุดเกิดเหตุได้ ส่วนบริเวณรั้วของโรงเรียน พบว่าขณะนี้มีการตัดหญ้าที่ขึ้นรกทึบออกหมดแล้ว รวมถึงต้นไม้ที่มีใบหนาทึบ ก็มีการตัดแต่งกิ่งแล้วเช่นเดียวกัน บริเวณด้านนอกติดกับถนนทางเข้าชุมชน ตรงข้ามเป็นป่ารกทึบ และไร่นาของชาวบ้าน ซึ่งจุดดังกล่าวหากมีการนำรถจักรยานยนต์มาจอดทิ้งไว้ และแอบปีนเข้ามา ก็จะมองเห็นได้ยาก โดยห่างไปจากละแวกดังกล่าว ไม่มีบ้านเรือนของชาวบ้าน
ภาพจำลองระยะห่าง ระหว่างห้องน้ำและรั้วกำแพงโรงเรียน
จากนั้น ทีมข่าวทดสอบความเป็นไปได้ จุดที่คาดว่าคนร้ายจะปีนรั้วเข้าภายในโรงเรียน โดยรั้วด้านหลังติดกับห้องน้ำ มีความสูงประมาณ 2 เมตร หากจะปีนเข้าบริเวณจุดดังกล่าว จะต้องมีอุปกรณ์ช่วยในการปีน ซึ่งหากเป็นไปตามที่เด็กนักเรียนชายให้ข้อมูล คาดว่าคนร้ายจะนำรถจักรยานยนต์ไปจอดข้างรั้ว และเหยียบบริเวณเบาะนั่ง ก็ปีนข้ามได้
ทีมข่าวสำรวจความสูงของรั้วโรงเรียน ข้างห้องน้ำ
ส่วนรั้วถัดไปอีกประมาณ 10 เมตร เป็นรั้วที่มีความสูงประมาณ 1.7 เมตร รั้วมีรอยผุพัง ปีนเข้าอย่างง่ายดาย และด้านใน สามารถเดินเชื่อมไปด้านหลังของห้องน้ำได้ ดังนั้น คนร้ายสามารถปีนรั้วเข้าไปภายในโรงเรียนได้ 2 จุด แต่หากคนร้ายจะปีนออก สามารถปีน หรือกระโดดออกมาได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน เพราะด้านในมีการถมดินและยกระดับพื้นค่อนข้างสูง ประกอบกับมีเศษกระเบื้องและเศษปูนก่อสร้างจำนวนมาก ทำให้เหยียบกระโดดข้ามได้ และหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว
นายวิชิต คำหนองยาง ลุงของเด็กหญิง ป.1 ผู้เสียหาย
ด้าน นายวิชิต คำหนองยาง อายุ 42 ปี ลุงของเด็กหญิง ป.1 ผู้เสียหาย กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้น และตนก็เคยจบที่โรงเรียนแห่งนี้มาก่อน เชื่อว่าคนร้ายคงไม่ใช่คนในหมู่บ้าน หรือคนในพื้นที่แน่นอน เพราะคนใน 3 หมู่บ้านละแวกนี้ จะรู้จักกันดี ดังนั้นหากใครมาก่อเหตุก็จะต้องรู้ทันที และเข้าใจว่าคนที่มาก่อเหตุ ถ้าไม่ใช่โจรโรคจิต ก็คงเป็นพวกเสพยาเสพติด หลังคลั่งก็มีอารมณ์ จึงมาก่อเหตุเช่นนี้ โดยหลังจากนี้ ตนก็จะร่วมสอดส่องดูแลเด็ก ๆ เพราะทำงานใกล้กับโรงเรียน จะช่วยเป็นหูเป็นตา ไม่ให้เกิดเหตุอีก เพราะหลานตนโดนแล้ว ก็ไม่อยากให้นักเรียนคนอื่นโดนแบบนี้อีก ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่เคยเห็นและไม่เคยทราบมาก่อนว่า รอบโรงเรียนจะมีโจรโรคจิต ขับรถวนดู หรือแวะรอบรั้วโรงเรียน ส่วนสภาพจิตใจของหลานตอนนี้ ยอมรับว่า ดีขึ้นเยอะ ไม่ได้กลัวเหมือนช่วงแรกที่เกิดเหตุ เพราะวันเกิดเหตุ น้องมีอาการตกใจกลัวบ้าง ส่วนบาดแผลนั้น ทางโรงพยาบาลได้ตรวจดูแลอย่างละเอียดแล้ว แม่ของน้องทราบผลตรวจแล้ว ส่วนทางคดีก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของตำรวจต่อไป ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าโกรธมาก หากวันที่จับกุมตัวคนร้ายได้ ก็อาจจะโมโห หรือลงไม้ลงมือบ้าง แต่คงไม่ทำอะไรมาก เพราะมีตำรวจคุมตัวไว้ นอกจากนี้ หลานสาวเล่าให้ตนฟังว่า คนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 26-30 ปี ลักษณะผอม ผมสั้น สวมเสื้อสีดำ และไม่ใช่คนในพื้นที่

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ