กรณีชาวบ้านอ.ท่าฉาง และอ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี รวมตัวกันกว่า 20 คน บุกไปที่บ้านของเจ้ามือหวยใต้ดิน เพื่อทวงเงินรางวัลหลังมีลูกค้าถูกหวยมูลค่า 6 ล้านบาท ซึ่งเลขที่ถูกส่วนใหญ่เป็นเลข “แม่น้ำหนึ่ง” แต่สุดท้ายเจ้ามือกลับเผ่นหนี ชาวบ้านจึงรวมตัวกดดัน ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 4 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทรื ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยังร้านขายของชำแห่งหนึ่งในอ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งยังคงมีคนขายหวย หรือคนเดินโพย และยังมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อหวยแล้วแต่ไม่ได้เงินรางวัล เดินทางมารวมตัวกัน รวมกว่า 25 คน ซึ่งกลุ่มลูกค้าต่างเดินทางมาเพื่อทวงเงินค่าหวยจากคนขาย แต่ก็ไม่ได้มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น เป็นเพียงการนั่งพูดคุยและเจรจากันเท่านั้น ส่วนใหญ่ที่เดินทางมาต่างเข้าใจคนขาย เพราะไม่ได้หนี แต่ไม่ได้เงินจากนายเดช ซึ่งเป็นเจ้ามือรับแทงหวยงวดวันที่ 1 ก.ค.64 ที่ผ่านมา บางส่วนพอใจจะได้รับคำยืนยันว่าหากมีเงินจะจ่ายคืน ก็แยกย้ายกลับบ้านไปตามปกติ
น.ส.ทิพวรรณ สุวรรณศรี หรือ สาว อายุ 40 ปี คนขายหวย ในฐานะคนเดินโพย กล่าวว่า ตนขายหวยและส่งให้กับนายเดช ทำมาแล้วประมาณ 1 ปี มากกว่า 24 งวด โดยมีลูกค้าในมือประมาณ 45 คน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นญาติพี่น้อง และชาวบ้านในพื้นที่ อ.วิภาวดี โดยงวดวันที่ 1 ก.ค.64 มีลูกค้าถูกรางวัลประมาณ 530,000 บาท แต่ตัวเลขส่วนใหญ่ที่ลูกค้าถูกรางวัลไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวเลขของแม่น้ำหนึ่ง มีตัวเลขที่ชาวบ้านฝันแล้วนำมาแทงหวย โดยเป็นรถกระบะส่วนตัวเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้เหลือแต่ป้าย จึงได้เอาตัวเลขดังกล่าวมาแทงหวย แต่ไปตรงกับตัวเลขของแม่น้ำหนึ่ง ซึ่งทีแรกตนก็ได้ถามไปยังนายเดช ว่าจะมีการล็อกหรืออั้นหรือไม่
แต่นายเดชบอกว่ารับทุกตัวเลขเต็มจำนวน แต่จะมีตัวเลขบางตัวเลขที่มีการล็อกเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้มีตัวเลขของแม่น้ำหนึ่งปรากฏแต่อย่างใด ฉะนั้นตนจึงรับซื้อตามปกติ และนายเดช บอกว่ารับแทงทุกจำนวนหากตัวเลขไหนรับไม่ไหว ก็จะส่งต่อให้กับเจ้าอื่น กระทั่งผ่านไปแล้วกว่า 4 วัน ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายเดช ว่าจะนำเงินมาคืนหรือจ่ายให้กับลูกค้าหรือไม่
ในทางกลับกันมีลูกค้าบางรายโทรศัพท์มาข่มขู่ ทำนองว่าจะเอาคนขายให้เลือดตกยางออก และให้น้ำตาตก ซึ่งตนในฐานะคนขายก็กินเปอร์เซ็นต์จากเจ้ามือ คงไม่มีเงินมากถึง 500,000 บาทที่จะนำไปคืน เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นลักษณะการขายงวดชนงวด บางคนก็ยังไม่จ่ายเงิน บางคนก็มีจ่ายแล้ว ทำให้ไม่สามารถมีเงินไปคืนตามที่ลูกค้าต้องการได้ แต่หากเป็นไปได้มีลูกค้าที่ยินยอม พร้อมที่จะรับเงินคืนในจำนวนที่ซื้อ เช่น ชื้อ 100 บาท คืนเงิน 100 บาท ตนก็พร้อมที่จะจ่ายชดใช้ในจำนวนดังกล่าว แต่ไม่สามารถที่จะจ่ายในจำนวนเต็มที่ถูกรางวัลได้ เพราะเป็นแม่ค้าที่หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน
ส่วนกรณีที่อมรินทร์ ทีวี นำเสนอข่าว พบเฟซบุ๊กส่วนตัวนายเดช แต่งกายขุดขาวห่มขาว มีเทพและของบูชาคล้ายคนมีองค์ ตนพอจะรู้ว่านายเดช มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของร่างทรง และจากพฤติกรรมหรือการโพสต์เฟซบุ๊ก คล้ายคนถือศีล ธรรมะธัมโม ตนก็ไม่นึกว่าจะโกงกันแบบนี้ แต่ตนในฐานะคนขายก็ไม่เคยเห็นนายเดช ใบ้หวย
อย่างไรก็ตาม น.ส.ทิพวรรณ บอกด้วยว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ตนขอนำมาเป็นบทเรียนในชีวิต จะไม่ซื้อและจะไม่ขาย ไม่หาเจ้ามือรายอื่นมาทดแทน เพราะถือเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ “ไม่เอาอีกแล้ว ไม่ว่าจะซื้อหรือขาย เพราะตั้งแต่เกิดไม่เคยเจอแบบนี้” พร้อมทั้งฝากถึงนายเดช ว่าอยากให้เข้าใจหัวอกของคนขาย อย่างน้อยนำเงินมาจ่ายครึ่งหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าปล่อยให้คนขายต้องมารับผิดชอบเช่นนี้
ระหว่างที่คนขายหวยและลูกค้าซื้อหวย มานั่งรวมตัวกันที่ร้านขายของชำในตัวอ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี พบว่าได้มีปลายสายซึ่งอ้างว่าเป็นภรรยาของนายเดช ทราบชื่อนางสะอิ้ง โทรศัพท์เข้ามาเพื่อพูดคุยกับคนขายหวย แต่ในช่วงเวลานั้นไม่ทราบว่าอยู่กับทีมข่าว จึงได้เปิดลำโพงให้ทุกคนได้ฟังพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความกระจ่าง หลังจากที่นายเดช เจ้ามือหวยหนีหายไปจากบ้านในอ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี
นางสะอิ้ง ภรรยาของนายเดช กล่าวว่า วันนี้ตนอยู่บ้านไม่ได้ เพราะมีนักข่าวมาเฝ้าอยู่ที่บ้าน เข้าบ้านไปก็กลัวว่าจะถูกดักสัมภาษณ์ จึงได้หนีออกไปอยู่บ้านญาติ ส่วนวันนี้ยังติดต่อกับนายเดชไม่ได้ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ตนยืนยันว่าคนในครอบครัวทั้งหมด ยังไม่รู้ว่านายเดชไปอยู่ที่ไหน แต่เขาอ้างว่าไปหานายใหญ่ แต่ก็เงียบหายไป
แต่วันนี้ถ้าจะเรียกร้องเงินจากตน ในฐานะภรรยาไม่มีชดใช้เหมือนกัน เพราะคนที่ทำเรื่องนี้ก็คือนายเดช ตนไม่รู้เห็นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ฉะนั้นต้องรอติดต่อนายเดชให้ได้ จึงจะได้รับเงินคืน ส่วนตัวก็รู้สึกสงสารคนขายและลูกค้าเหมือนกัน เพราะไม่สามารถชดใช้แทนได้
ส่วนกรณีที่ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี นำเสนอภาพของนายเดช ลักษณะทำนองว่าใส่ชุดขาวเป็นร่างทรง สามีของตนไม่ได้เป็นร่างทรง แต่เป็นเพียงคนที่ดูดวงและตั้งศาลพระภูมิเท่านั้น โดยไม่ได้มีลูกศิษย์ลูกหาอะไร ฉะนั้นสามีจึงไม่ใช่ร่างทรง วันนี้ตนยังติดต่อสามีไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร และตนก็รู้สึกเป็นห่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ลงพื้นที่มาพร้อมกับตำรวจท้องที่ กลัวว่าจะถูกจับ แต่ก็ได้เพียงแค่เป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าสามีไปอยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร
นางรัชนี พินิจอักษร หรือนี อายุ 49 ปี คนขายหวย เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับนายเดช มาประมาณ 1 ปี ส่วนใหญ่ก็มีการส่งหวยให้ทั้งแบบออนไลน์ และมารับเองที่บ้าน เนื่องจากตนอยู่ไม่ไกลจากบ้านนายเดช ซึ่งก็เป็นเหมือนญาติพี่น้องห่าง ๆ กัน อย่างเช่นงวดที่ผ่านมานายเดช ก็มารับเองที่บ้าน แต่ก็ไม่คิดว่าจะหนีหายไปแบบนี้ โดยงวดที่ผ่านมามีคนถูกรางวัลกับตน เป็นเงิน 600,000 บาท ทุกวันนี้ลูกค้าที่อยู่ในมือประมาณ 40 คน ก็พยายามขอเงินคืน
อีกทั้ง ตนได้เดินทางไปที่บ้านของนายเดช เพื่อติดตามทวงถาม ไปเจอกับ นางสะอิ่ง ภรรยานายเดชก็อ้างแต่ว่าไม่รู้ไม่เห็นว่าสามีไปไหน แต่ส่วนตัวไม่เชื่อเพราะคนเป็นสามีภรรยากันก็ต้องรู้ดี และต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพียงแค่อาจต้องการช่วยปกป้องสามีหรือไม่
ส่วนตัวยังทราบข้อมูลอีกว่า นายเดช รับซื้อเลขแม่น้ำหนึ่ง และส่งต่อหมายเลขอื่นที่ไม่ถูกรางวัลไปให้กับเจ้ามืออีกคน ทำให้มีคนถูกรางวัลจำนวนมาก มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท นายเดชจึงไม่มีเงินจ่ายก็เลยตัดสินใจหนี แต่ส่วนตัวเลขที่นายเดชส่งต่อให้กับเจ้าอื่น ตนไปตรวจสอบมาแล้วเป็นหมายเลขที่ไม่ถูกรางวัล ดังนั้นตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเจ้ามือรายอื่นที่รับแทงต่อจากนายเดช
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าสิ่งที่ทำคือเรื่องผิดกฎหมาย แต่จนถึงวันนี้ก็คงไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว เพราะหากกลัวเงิน 600,000 บาท ก็คงไม่มีคืนให้กับลูกค้า ฉะนั้นต้องยอมออกตัวเพื่อขอให้นายเดช ออกมารับผิดชอบ อย่างน้อยจ่ายครึ่งหนึ่งก็ยังดี ไม่ใช่หนีหายไปแบบนี้ และกรณีที่นายเดชนุ่งขาวห่มขาว ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นร่างทรงหรือเป็นหมอดู เพิ่งจะมาเห็นในข่าว ยอมรับว่าตกใจเช่นกัน
น.ส.สุ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี คนซื้อหวยในอ.วิภาวดี เปิดเผยว่า ตนได้ซื้อหวยหมดเงินประมาณ 1,300 บาท เมื่อถูกหวยเลขบางส่วนก็จะได้เงิน 70,000 บาท ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพราะมีคนมาเข้าฝันคนที่บ้าน ให้ชื้อหวยจากเลขเหรียญบาทตราครุฑโบราณที่บ้านปี พ.ศ.2517 ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเลขแม่น้ำหนึ่ง จึงค่อนข้างรู้สึกดีใจที่เป็นการถูกหวยในรอบ 3 ปี แต่กลับพบว่าเจ้ามือหนีหาย
ส่วนกรณีเรื่องการซื้อหวยใต้ดิน ตนยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ก็คงมองเป็นเรื่องของวิถีชีวิตชาวบ้าน ฉะนั้นการซื้อหวยก็เป็นแนวทางหนึ่งที่จะหารายได้ แต่หากถูกจับก็คงต้องประกันตัว หรือก็ต้องยอมรับผิด เพราะรู้ทั้งรู้ว่าหวยใต้ดินเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
