สึกแล้ว! เจ้าคณะตำบลพกปืนปลอมทวงพัสดุ อ้างซดสมุนไพรเมาปัดชักขู่สาว (คลิป)

26 มิ.ย. 64

จากกรณี เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 25 มิ.ย. 64 ร.ต.อ.สุขอินทร์ ลาจันทร์แก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ พระภิกษุถือปืนเข้าไปข่มขู่พนักงานบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ภายในตำบลนาข่า จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.อดิศักดิ์ สวัสดิพันธ์ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาอุดรธานี นำกำลังออกไปตรวจสอบ

645390

ที่เกิดเหตุพบ พระครูสุธรรมาภิบาล หรือ นายคำสิงห์ อายุ 61 ปี เจ้าคณะตำบลและเป็นเจ้าอาวาสวัดใน หมู่ 3 ต.บ้านขาว อ.เมือง จ.อุดรธานี มีอาการมึนเมา ถือปืนสั้นส่ายไปมาต่อหน้าพนักงาน ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัว ตรวจสอบพบเป็นอาวุธปืนบีบีกัน พร้อมกระสุนปืนลูกแบงก์ 8 นัด แมกกาซีน 2 อัน และเครื่องดื่มบำรุงกำลังดื่มไปแล้ว 1 ขวด วางอยู่ภายในรถ จึงควบคุมตัวไปโรงพักทำการสอบสวน เจ้าหน้าที่จึงนำเครื่องเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ 218 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

345743

ล่าสุด วันที่ 26 มิ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบริษัทขนส่งเอกชนดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ตลาดนาข่า ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นสาขาย่อยของจังหวัดอุดรธานี มีลักษณะเปิดเป็นออฟฟิศที่ติดอยู่กับถนนหลักเส้นอุดรหนองคาย

น้องมายด์และน้องแนน พนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุทำงานอยู่ในร้าน 2 คน ส่วนพนักงานที่เป็นผู้ชายออกไปส่งของกันหมด ช่วง 14.00 น. มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่ร้าน 1 คน หลังจากนั้นหลวงตารูปดังกล่าวก็เดินเข้ามาโวยวายในร้านถามหาพัสดุที่ส่งมาจาก จ.มุกดาหาร บอกว่า 7 วันแล้วทำไมถึงยังไม่ได้พัสดุ ตนก็ถามว่า "มีเลขพัสดุไหมคะ เดี๋ยวหนูจะเช็กให้" หลวงตาก็บอกว่า "มี อยู่นี่แหละ อยู่นี่แหละ นี่ปืนนะจะเอาไหม เดี๋ยวจะยิงให้ตายเลย" แล้วก็เปิดจีวรให้ดู เห็นว่าเขามีปืนเหน็บอยู่ โดยมีอาการมึนเมาพูดไม่รู้เรื่อง

ทั้งนี้ หลังจากที่ขอเลขพัสดุแล้วหลวงตาไม่ยอมให้ เขาก็นั่งลงที่เก้าอี้แล้วก็คุยกับลูกค้าที่อยู่ในร้าน ลูกค้ายังพยามช่วยถามหาเลขพัสดุ แต่หลวงตาก็ไม่ยอมบอก จนกระทั่งตนเห็นท่าไม่ดี ตนเดินไปที่หลังร้านแล้วก็โทรแจ้งตำรวจ ระหว่างที่ตำรวจยังมาไม่ถึงหลวงตาก็พูดพร่ำเพ้ออยู่คนเดียว สักพักตำรวจก็เข้ามาจับ

394777

ส่วนประเด็นที่หลวงตาให้การกับตำรวจว่า ตน 2 คนจะทำร้ายเขาก่อนไม่จริง ตน 2 คนเป็นผู้หญิงจะไปทำร้ายเขาได้อย่างไร เข้าใกล้ยังไม่กล้าเลย เพราะเขามีปืนแถมยังเมาอีกด้วย มีแต่เขาที่จะพยายามเข้ามาใกล้พวกตน ส่วนพัสดุตอนนี้ได้เช็กแล้ว ของได้ถูกส่งไปที่วัดตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.64 หลวงตาอาจจะหลงลืมหรือไม่รู้ว่าของส่งไปแล้ว หลังเกิดเหตุตนกลัวมาก วันนี้ลางานกันทั้งคู่ เพราะว่ากลัวหลวงตาจะย้อนกลับมาอีก

459860

ที่วัดศรีชมชื่น บ้านหัวบึง นายคำสิงห์ ประทุมวัน กำลังนั่งเก็บของอยู่ภายในกุฎิ ใส่ชุดเสื้อผ้าสีขาว หลังลาสิกขาไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว เปิดเผยว่า ปืนที่พกไปด้วยไม่ใช่ปืนจริง เก็บได้ที่หน้าวัด วัยรุ่นมันเอามาทิ้งไว้ก็เลยเก็บมาเอาไว้ยิงไล่หมา ไล่ไก่ วันเกิดเหตุมีพนักงานผู้หญิงอยู่ในร้าน 2 คนแล้วก็ผู้ชายอีก 1 คน ที่ไปคือไปถามหาแว่นตาที่ทางญาติโยมส่งมาให้ เพราะว่ารอมา 7 วันแล้ว ทางบริษัทขนส่งไม่ยอมนำของมาส่งให้ ยอมรับว่าพูดแรงกับพนักงาน แต่ก็ไม่ได้ด่าพนักงานหยาบคาย

430209

ส่วนเรื่องปืนยอมรับว่ามีปืนไปด้วยจริง แต่ไม่ได้ควักขึ้นมาขู่หรือจะทำร้ายพนักงาน ที่พนักงานเห็นปืนเป็นจังหวะที่ตนจะเปิดจีวรเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเลขพัสดุเท่านั้น หลังจากนั้น ตนก็บอกกับพนักงานว่า "รีบดูให้หลวงพ่อหน่อย หลวงพ่อรีบ มีธุระจะไปที่อื่น" ก็ยอมรับว่าพูดจาเสียงดังไปหน่อย เพราะว่าเป็นคนหูไม่ดี จนกระทั่งนั่งอยู่สักพัก ตำรวจก็มาจับและก็งงว่าตำรวจมาจับเรื่องอะไร โดยตำรวจที่มาจับบอกว่าพนักงานแจ้งไปว่าเมาแล้วก็มาอาละวาด ตนก็ยืนยันว่าไม่ได้เมา ตอนตำรวจมาจับยังสาบานกับตำรวจเลยว่าไม่ได้เมา อาการที่เหมือนคนเมาเกิดจากที่กินยาระงับประสาทกับยาต้มสมุนไพร

ส่วนขวดยาตราพญานาค 2 ขวดที่ตำรวจค้นเจอไม่ใช่ของตน เป็นของคนขับรถ ที่ตำรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้สูง สงสัยเป็นเพราะว่ากินยาไปเยอะ มีอาการเหมือนคนเมา ยืนยันว่าไม่ได้เมา แล้วก็ไม่ได้ควักปืนขึ้นมาขู่ใคร ส่วนประเด็นที่ว่าเจ้าคณะอำเภอจับสึกก็ไม่เป็นความจริง ตนสมัครใจสึกเอง

215891

สำหรับพระสงฆ์ได้ขอประกันตัวออกไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยให้ผู้ใหญ่บ้านใช้ตำแหน่งประกันตัวออกไป ตำรวจได้แจ้งข้อหากับนายคำสิงห์ ประทุมวัน อายุ 61 ปี พระสงฆ์รูปดังกล่าว 4 ข้อหาคือ เสพสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้ตนเองเมา ครองสติไม่ได้ ประพฤติตนวุ่นวายในที่สาธารณะ, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, ข่มขืนใจผู้อื่นให้ตกใจกลัว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส