แฉนิสัยไอ้คลั่งฆ่า 2 ศพบ้าพกสนับมือแต่เด็ก ฝังใจชอบทหาร พอโตมาสติหลุด (คลิป)

25 มิ.ย. 64

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 64 นายกวิน แสงนิลกุล ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้บริสุทธิ์ในร้านสะดวกซื้อย่านลาดพร้าว ก่อนไปยิงผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลสนามที่ จ.ปทุมธานี และหลบหนีไปพื้นที่ จ.ระนอง ก่อนถูกคุมตัวได้ในที่สุด รับสารภาพมาจากความเครียด ครั้งเมื่อเป็นพลทหารแล้วถูกทำร้ายในค่าย ก่อนปลดประจำการเมื่อปี 2562 แล้วนั้น

149819

วันที่ 25 มิ.ย. 64 นายมอส (นามสมมติ) เพื่อนสมัยมัธยมต้นของนายกวิน เปิดใจว่า ตนเองรู้จักกับนายกวินช่วง ม.2-ม.3 เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่อยู่คนละห้อง ซึ่งช่วงพักจะลงมาจับกลุ่มเล่นกันอยู่กลุ่มเดียวกัน นายกวินเป็นเด็กเรียนคนหนึ่ง จะอยู่กับเพื่ออนกลุ่มตน ซึ่งออกเกเรบ้าง กวินไม่เคยมีพฤติกรรมรุนแรง เป็นเด็กบ้าทหาร เพราะเรียนพิเศษเตรียมทหารตั้งแต่ที่ตนรู้จัก และมักพกสนับมือมาโรงเรียนประจำ เอาออกมาใส่เล่นประจำ แต่ไม่เคยเอามาชกทำร้ายใคร

740729

นายกวินเป็นที่รักของเพื่อน ๆ เพื่อนกลุ่มตนเป็นกลุ่มใหญ่ มีเพื่อนเกือบ 100 คน ทุกคนไม่มีใครเคยแกล้งกวิน กลับกันกวันจะค่อนข้างปลดปล่อยมาก ดูมีความสุข เพื่อนจะรู้ว่ากวินมีอาการไม่ปกติทางจิต หลังเรียนจบตนก็ไม่ได้ติดต่ออีก แต่ทราบว่าเจ้าตัวเป็นคนชอบซ้อมยิงปืน เรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อน ๆ ได้คุยกันต่างคนต่างบอกว่ากวินผิด ไม่มีใครเข้าข้าง เพราะไปยิงคนบริสุทธิ์เช่นนั้น เป็นการกระทำที่ผิดเต็ม ๆ ส่วนตัวคิดว่าที่กวินก่อเหตุ อาจจะเก็บกดอะไรบางอย่าง เพราะสมัยเรียนเหมือนกวินจะเก็บกดจากที่บ้าน เวลามาโรงเรียนก็จะปล่อยออกมาหมด

339982

นายกบ (นามสมมติ) ลุงของนายกวิน (พี่ชายพ่อ) คนที่เกลี้ยกล่อมให้นายกวินมอบตัว เปิดใจว่า หลังจากที่ตนเองรับสายจากน้องชาย คือพ่อของนายกวิน ทราบว่าเจ้าตัวไปก่อเหตุยิงคนตาย 2 ศพ ได้หลบหนีมาบ้านย่า ตนจึงรีบออกเดินทางจากจังหวัดตรังมาที่ระนองทันที ตนเองได้มีโอกาสคุยโทรศัพท์กับหลานชายตลอดเส้นทาง เกลี้ยกล่อมให้มอบตัว บอกว่า "อย่ายิงเจ้าหน้าที่ อย่าต่อสู้ เราทำผิดก็ควรรับผิด" อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวก็ยังใช้ปืนยิงออกมาเป็นระยะ จากนั้นตนเองก็ประสานกับเจ้าหน้าที่ที่ปิดล้อมบ้าน ว่าอย่าเพิ่งเข้าไปจับหรือยิงหลาน เพราะตนเองคือคนที่หลานมีความเกรงใจ ตนเองคุยกับหลานได้แล้ว หลานพร้อมมอบตัว แต่ขอเวลาคุยกับย่าสักระยะหนึ่งก่อน เมื่อหลังจากนายกวินคุยกับย่าเสร็จ ก็ได้โทรหาตนเองด้วยน้ำเสียงปกติ นิ่งมากขึ้น ไม่ก้าวร้าว ตนเองก็ให้หลานออกไปมอบตัวในเวลาต่อมา

หลังจากมอบตัว ตนเองได้คุยกับนายกวิน หลานชาย ตอนนั้นถูกควบคุมตัวไปที่ สภ.ปากน้ำ จ.ระนอง หลายชายก็ไม่ได้อยู่ในอาการเมา คุยสื่อสารรู้เรื่อง แต่ก็บ่นตัดพ้อตลอดว่า ตอนไปเป็นทหารโดนครูฝึกแกล้ง แต่สาเหตุที่ไปยิงคนตาย 2 คน ตนเองก็ยังไม่รู้แน่ชัด เบื้องต้นการยิงที่ร้านสะดวกชื้อ อาจเป็นเพราะอาการเมาโมโหที่ทำเบียร์แตก ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปยิงด้วยเหตุอะไร

904262

ส่วนตัวในฐานะลุง เชื่อว่าการก่อเหตุของหลานเกิดจากความเมา และเหตุผลบางอย่างลึก ๆ ในใจที่พ่อของนายกวินน่าจะรู้ดี เพราะระยะหลัง หลานไม่ได้กลับมาที่บ้านระนองบ่อย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ได้เลี้ยงดู แต่ก็เป็นคนที่คอยให้คำปรึกษาหลานหลายเรื่อง ยอมรับว่าเจ้าตัวเป็นคนดี ไม่ใช่คนที่ชอบทำร้ายใคร เป็นคนที่เข้าสังคม มีเพื่อนฝูง มีวงดื่มสังสรรค์

ตนเองเคยได้ยินจากกลุ่มเพื่อน ๆ ในวงเหล้า รวมถึงเพื่อน ๆ ของนายกวินมาเล่าให้ฟังว่า เจ้าตัวชอบดูหนังแอคชั่นยิงปืน และสงคราม เวลาดูจบก็จะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ในวงเหล้าฟังตลอดว่าเรื่องไหนสนุก ส่วนเรื่องของเกมยิงปืนนั้นตนเองไม่ทราบ สิ่งที่เชื่อได้ว่า นายกวินเป็นคนชอบการยิงปืน เพราะก่อนเกิดเหตุ 2 เดือน เจ้าตัวแอบไปชื้อปืนมาไว้ในการครอบครอง มองเป็น 2 มุม คือ มุมความเหมาะสม และวุฒิภาวะของกวินที่ยังไม่เหมาะสม อีกมุมคือมีเพื่อไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใด แล้วทำไมถึงนำปืนที่ชื้อมายิงคนตาย 2 ศพ

766435

อีกทั้ง นายกวินเคยมาเยี่ยมย่าไม ครั้งล่าสุดก่อนเกิดเหตุ มาบอกย่าว่าเก็บเงินได้ 3 แสนบาทแล้ว กำลังจะทำเรื่องขอไปเป็นทหารที่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นความใฝ่ฝันที่กวินอยากเป็นทหาร ปราศจากการถูกแกล้งเหมือนหน่วยงานทหารไทยเช่นที่ผ่านมา เป็นการสานฝันได้อย่างแท้จริง การที่นายกวินตัดสินใจหลบหนี เดินทางมาที่บ้านย่าไมเป็นเพราะว่านายกวินกับย่าไมมีความสนิทกันมาก นายกวินจะเล่าให้ย่าฟังทุกเรื่อง เมื่อวานก็เชื่อว่านายกวินมีการเล่าเรื่องที่ไปก่อเหตุยิงคนให้ย่าฟัง วันนี้อาการของย่าเปลี่ยนไป ดูนิ่ง และซึมลงกว่าปกติ

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเข้าใจหัวอกผู้สูญเสีย ไม่มีคำพูด ใจจะขอโทษแทนนายกวิน แต่ในฐานะครอบครัวคนก่อเหตุ ซึ่งทราบมาจากน้องชาย คือพ่อนายกวินว่าจะมีการมอบเงินช่วยเหลือค่าทำศพรายละ 1 ล้านบาท ส่วนกระแสสังคมที่อยากให้มีการประหารชีวิตนายกวินนั้น ตนเองมองว่าก็แค่กระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์ มองได้ใน 2 แง่ 2 มุม สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการในชั้นศาล แต่ครอบครัวก็จะไม่โทษโกรธใคร เพราะเรารู้ดีว่าหลานเราเป็นอย่างไร หลานเป็นคนจิตใจดี

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส