สองผัวเมียเปิดศึกยิงข้างบ้านเจอสวนเจ็บ อึ้งเมียส่งปืน โดนแฉสุดแสบเตรียมลงมติไล่ (คลิป)

22 มิ.ย. 64

จากกรณีเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 64 เกิดเหตุดวลปืนยิงกันภายใน ซ.เพิ่มสิน 34 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ มีชาวบ้านถูกยิงเข้าหน้าท้องได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลต่อมา คู่กรณีได้รอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บริเวณหน้าบ้าน พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนถูกควบคุมตัวสอบสวนสน.สายไหม

548369

โดยจากภาพวงจรปิดสามารถจับภาพรถเก๋งสีดำ ที่จอดบริเวณหน้าบ้าน จากนั้นมี นายบัญชา แสงทอง อายุ 64 ปี เอดีตข้าราชการการรถไฟ และผู้หญิงภรรยาลงมาจากรถ จากนั้นนายบัญชา ได้มีปากเสียงกับภรรยานายวัลลภ ที่อยู่ติดกันกับบ้าน ส่วนผู้หญิงที่ลงมาจากรถได้เปิดประตูเข้าไปภายในบ้าน ก่อนจะออกมาพร้อมอาวุธปืน แล้วส่งปืนให้นายบัญชา

568410

จากนั้น นายบัญชาได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ภรรยาของนายวัลลภ ด้านหลัง 2 นัด ทำให้นายวัลลภที่อยู่ดูเหตุการณ์อยู่ภายในบ้านหยิบปืนยิงสวนออกไป 1 นัด นายบัญชาล้มลงกับพื้น เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12.45 น.

174308

วันที่ 22 มิ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยบ้านที่เกิดเหตุ เป็นบ้านภายในซอยเกือบสุดซอย ต้องเดินทางเข้าไปประมาณ 100 เมตร น.ส. บี (นามสมมติ) อายุ 36 ปี เพื่อนบ้าน ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 64 เวลาประมาณ 12.30 น. ตนเองนั้นอยู่ภายในบ้าน และได้ยินเสียงผู้คนตะโกนนอกบ้าน และได้ยินเสียงปืนดังประมาณ 2-3 ครั้ง ตนจึงชะโงกหน้าออกมาดูก็เห็นว่านายบัญชาเอามือกุมท้องอยู่ และขึ้นรถไปยังโรงพยาบาล

167430

จากที่ทราบ ทางด้านนายบัญชาเดินเข้าไปหาเรื่องนายวัลลภที่อยู่บ้านติดกัน หาว่านายวัลลภมองหน้าหาเรื่อง และต่อว่านายบัญชา และมีปากเสียงกัน โดยขณะนั้นนายวัลลภได้ยืนพูดคุยโทรศัพท์กับหลานอยู่ และเกิดเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักไม่ใช่เพราะว่า 2 หลังนี้ไม่ถูกกัน ยืนยันว่าผู้คนในซอยหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปพูดคุยยุ่งเกี่ยวกับบ้านของนายบัญชาเลย

เนื่องจากนายบัญชานั้นเริ่มต้นมาพักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ ตั้งแต่ปี 2554 และมีพฤติกรรมนิสัยชอบหาเรื่องชาวบ้าน ผู้คนภายในซอยหากใครเดินผ่านหน้าบ้านก็จ้องมีคำพูดจาหยาบคาย พูดลอย ๆ ใส่ตลอด ที่ผ่านมาอีกทั้งและเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นาย บัญชาพูดจาเชิงต้องการจะหาเรื่องว่า "อยากสบตาจังเลย" ตนจึงกลัวที่จะมีปัญหากับบ้านหลังนี้ จึงพยายามเลี่ยงที่จะเดินผ่านหรือพบเจอหากนายบัญชาอยู่ภายในบ้าน

เพื่อนบ้านในซอยแห่งนี้พร้อมใจไม่ต้องการให้นายบัญชาอยู่ร่วมกันในซอยแห่งนี้ เพราะกังวลถึงความปลอดภัยของตัวเอง และลูกหลาน เหตุการณ์นี้ยังสามารถหยิบปืนมายิงไม่สนใจใคร มีทั้งเด็ก และคนแก่ ถ้าหากพลาดไปโดนคนอื่นก็จะต้องเกิดอุบัติเหตุและเกิดการสูญเสียอย่างแน่นอน

799064

นางสาวหน่อย (นามสมมติ) อายุ 38 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า เมื่อวันที่เกิดเหตุตนเองอยู่ที่ทำงาน และมีคุณยายโทรศัพท์มาหาว่าได้ยินเสียงปืนดังหลายนัด และลูกกระสุนกระเด็นเข้ามาที่บ้าน เกือบโดนหัวยาย เมื่อตนกลับมาบ้านเห็นยายนั่งตกใจหน้าซีด ตนก็สังเกตเห็นร่องรอยกระสุนถากไปยังบนฝ้าหลังคา และต่อมาตนเองก็ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมเห็นว่ามีร่องรอยกระสุน ทะลุจากรั้วบ้านผ่านตรงมาเฉี่ยวเข้ากับราวตากผ้า ยังถือว่าโชคดีที่ยังมีราวตากผ้ากั้นเอาไว้อยู่ มิเช่นนั้นกระสุนมีโอกาสทะลุตรงไปยังในบ้านที่ยายชอบนั่งเล่นอยู่ในบ้านอย่างแน่นอน

685110913910

ส่วนตัวมองว่า นายบัญชาควรมีสติให้มากกว่านี้ ไม่ควรใช้อาวุธปืนในพื้นที่ชุมชน หรือหยิบปืนมายิงใคร ๆ เนื่องจากซอยแห่งนี้มีทั้ง เด็กและผู้สูงอายุอยู่มากมาย หากโดนลูกหลงโดนคนอื่นชีวิตหนึ่งชีวิตไม่สามารถกลับคืนมาได้ เขาจะสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ ทั้งนี้ พฤติกรรมนิสัยของนายบัญชานั้นเป็นคนที่ชอบหาเรื่องคนอื่นภายในซอยตลอด ขนาดคุณยายที่เดินออกมาแกว่งแขนออกกำลังกาย นายบัญชาก็พูดเสียงดังลอย ๆ ว่า "แก่จะลงโลงตายอยู่แล้ว ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย" และตนก็มักจะโดนใช้คำพูดจาหยาบคายใส่เสมอถ้าหากเดินผ่านหน้าบ้าน

822413

ส่วนนายวัลลภนั้นเป็นคนนิสัยดีช่วยเหลือเพื่อนบ้านเสมอ ไม่เคยมีปัญหากับใคร อีกทั้งระบุว่าถ้าหากนายบัญชากลับมาอยู่ในหมู่บ้าน ตนเองรู้สึกกลัวและกังวลในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาก ไม่อยากให้นายบัญชาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้นต้องรอเจ้าหน้าที่มาประเมินมูลค่าความเสียหายต่อไป และให้ทางครอบครัวของนายบัญชารับผิดชอบตามกฎหมาย

145405

ตำรวจ สน.สายไหม ระบุว่า ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึด และได้แจ้งให้นายวัลลภ พร้อมทั้งได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหานายวัลลภ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนทางด้าน บัญชา แสงทอง อายุ 64 ปี ที่บาดเจ็บนั้น ขณะนี้ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส