จากกรณีแรงงานชาวลาว พร้อม ด.ญ.13 ปี รุมกระทืบหนุ่มใหญ่ นายจีด ขุนสันเทียะ อายุ 49 ปี จนเสียชีวิตคาวงเหล้า โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้นั้น ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตัวไว้ได้ในที่เกิดเหตุ
วันที่ 19 มิ.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 3 คูหา ตรงข้ามซอย สุเหร่าคลองหนึ่งซอย 5 เขตคลองสามวา กทม. บริเวณพื้นหน้าอาคาร เป็นโรงจอดรถ พบว่ามีแรงงานและเพื่อนฝูงของผู้ก่อเหตุ นั่งพักอาศัยอยู่บริเวณใต้พื้นที่อาคารพาณิชย์ดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ของตึกอาคารพาณิชย์ที่ได้ปิดทำการไว้
โดยแรงงานเหล่านี้จะใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ของการพักอาศัยหลับนอน มีทั้งหมอน ผ้าห่ม พักอาศัยเสมือนเป็นบ้าน และยังมีแรงงานบางคนเมาหลับอยู่บริเวณพื้นที่อีกด้วย อีกทั้งยังมีกลุ่มแรงงานที่นั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่บริเวณดังกล่าว
น.ส.จุรีรัตน์ เจ้าของร้านชำใกล้ที่เกิดเกตุ กล่าวว่า ตนโทรหาตำรวจที่รู้จักให้มาที่เกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเหตุกาณ์ดังกล่าวถือว่าน่ากลัวมาก ตนไม่กล้าเข้าไปห้ามในที่เกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายได้
ผู้เห็นเหตุการณ์ช่วงที่ตำรวจเข้ามาคุมตัวคนร้าย ระบุว่า ด.ญ.เอ ผู้ห่อเหตุอายุ 13 ปี อ้างกับตำรวจว่าผู้เสียชีวิตปีนห้องของเด็กก่อน บอกว่าลุงคนตายนั้นขโมยโทรศัพท์ไป จึงโมทโหและกระทืบผู้ตาย ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ แต่เป็นคำกล่าวอ้างเพื่อที่จะก่อเหตุหรือไม่
นางรุ่งอรุณ ดวงดี อายุ 47 ปี ลักษณะอาการของหญิงสาวรายนี้ มีอาการมึนเมา พูดจาวกไปวนมา ได้ความว่า ตนและพวกพักอาศัยอยู่พื้นที่แห่งนี้มาประมาณ 5 เดือน โดยจะมีการกินดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มั่วสุมกันในพื้นที่แห่งนี้เป็นประจำทุกวัน เช้าจนค่ำ ตลอดเวลาไม่หยุดพัก
ซึ่งก่อนเกิดเหตุนั้น ทางด้านผู้ตายนั้นจะพยายามทำร้ายร่างกายตนจริง แต่ไม่ได้มีการตบตีแต่อย่างใด สาเหตุเนื่องจากผู้ตายเดินปรี่เข้ามาหา และตามทวงถามหาเงินคืนจำนวน 20 บาท และได้มีปากเสียงกันเกิดขึ้น หลังจากที่ตนมีปากเสียงกับผู้ตายนั้น และเกือบโดนผู้ตายทำร้ายร่างกาย ทำให้น้องสาวของตน ด.ญ.เอ อายุ 13 ปี เห็นเหตุการณ์เกิดความไม่พึงพอใจกับผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก จึงเกิดความโมโห และได้เข้าไปตบตีกับชายผู้เสียชีวิต ทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่องจนเสียชีวิต
จากการสอบถาม นายพงศกร วัฒนากร เพื่อนร่วมวงเหล้า ระบุว่า ตนและผู้ก่อเหตุรู้จักกันมาประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา โดยในทุกวันมักจะดื่มเหล้าแอลกอฮอล์บริเวณพื้นที่แห่งนี้ เป็นประจำทุกวันตั้งแต่เช้าจนค่ำ และเช้าอีกวัน
ผู้ก่อเหตุนั้นมีอาชีพเป็นแรงงานรับจ้างก่อสร้าง จากเหตุการณ์ที่ตนทราบนั้น เนื่องจากผู้ตายได้นำเงิน 20 บาทมาให้กับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อกิ่ง เพื่อนที่จะนำเงิน รวมกันซื้อเหล้ามานั่งดื่ม แต่ทางด้านนางสาวกิ่ง ได้นำเงินหนีไป ต่อมาผู้เสียชีวิตเดินเข้ามาทวงกับนาง รุ่งอรุณ พี่สาวของ ด.ญ.เอ อายุ 13 ปี ถามหาเงินคืนและได้มีปากเสียงกันกับนางรุ่งอรุณ และได้มีการอ้างว่าผู้เสียชีวิตจะทำร้ายร่างกายนายรุ่งอรุณ จึงทำให้นายศร โกรธโมโหเป็นอย่างมาก เหตุเนื่องจากจะทำร้ายร่างกายผู้หญิงจึงได้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นตามคลิปวิดีโอดังกล่าว
นายพงศกร ระบุว่า นายศรเป็นคนรักเพื่อนฝูง เป็นคนนิสัยดี และไม่ชอบให้คนทำร้ายร่ายกายผู้หญิง จึงเป็นเหตุให้ นายศรโมโหและเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาททำร่ายร่างกายจนทำให้ผู้ตายเสียชีวิต
ที่ สน.คันนายาว ถนนคู้บอน แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ พนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ได้สอบสวนผู้ก่อเหตุ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี และนายศร อายุ 38 ปี ชาวลาว ที่รุมทำร้ายร่างกาย นายจีด ขุนสันเทียะ อายุ 49 ปี ผู้เสียชีวิต ก่อนนำตัว ด.ญ.เอ เดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีนบุรี ต่อไป
โดยในเวลา 14.40 น. ภายหลังจากพนักงานสอบสวนสอบสวน ดญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ผู้ก่อเหตุ เสร็จสิ้น เจ้าตัวเปิดเผยว่า ตัวเองถูกนายศรบังคับให้ทำร้ายร่างกายนายจีด ผู้เสียชีวิต ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจทำ ทางด้านนายศรบอกกับตนว่าให้กระทืบนายจีด เพราะเคยดื่มเหล้าและเคยมีปัญหามีเรื่องทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเรื่องของโทรศัพท์ที่ได้มีการอ้างว่าถูกขโมยไปนั้น ตนหาโทรศัพท์ไม่เจอจริง ๆ และคาดว่าผู้ตายขโมยไป ยอมรับรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ตนนับถือเขาเปรียบเสมือนลุง เหมือนคนในครอบครัว รู้จักกับผู้ตายมานานกว่า 4 ปีแล้ว และนั่งดื่มสังสรรค์กันบ่อยครั้ง
ที่ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ครอบครัว ด.ญ.เอ ผู้ก่อเหตุ เดินทางเข้ามาเพื่อรับฟังคำตัดสินของศาลภายในวันนี้ ทางด้านแม่เลี้ยง ด.ญ.เอ ได้เดินมางเข้ามาพร้อมกับญาติ นางลำดวล (นามสมมติ) ย่าของ ด.ญ.เอ ระบุว่าหลานสาวตัวเองนั้นจบการศึกษาชั้นป.3 และไม่ได้ศึกษาต่อเนื่องจากไม่ชื่นชอบในการเรียน โดดเรียนเป็นประจำ จึงไม่ได้ศึกษาต่อ หางานพาร์ตไทม์ทำ
เบื้องต้นที่ครอบครัวได้พูดคุยกับหลานสาวนั้น หลานสาวบอกว่าผู้ตายได้นำโทรศัพท์มือถือหลานสาวไปจริง แต่เนื่องด้วยน้องอาจจะยังเด็ก และมีผู้ใหญ่ชักจูงให้ทำในสิ่งที่ผิด สั่งให้ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต อีกทั้งพฤติกรรมนิสัยของหลานสาวตัวเองนั้น เป็นเด็กนิสัยดี ร่าเริง เชื่อฟังที่บ้านสั่งสอน ไม่เคยมีพฤติกรรมฉุนเฉียว ส่วนคลิปกล้องวงจรปิดเป็นหลานสาวตนเองจริง ตนแปลกใจและตกใจเป็นอย่างมาก หลานสาวตัวเองไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้ ตนยอมรับเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนี้หลานสาวของตนจะได้เข้ารับการบำบัดและหวังว่าจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น
ที่ จ.ชัยภูมิ นางสมจิตร สุขกำปัน พี่สาวผู้ตาย เผยว่า ตนเพิ่งรู้ว่าจีดเสียชีวิต ช่วงเวลา 15.00 น. น้องชายก็จะขยันทำมาหากิน โดยล่าสุดไปทำงานกับภรรยาประมาณ 1 ปีแล้ว ไม่ได้มีลูกด้วยกัน หลังจากรู้ว่าน้องชายเสียชีวิต ตนก็ขอให้น้องไปสู่สุคติ ส่วนศพน้องชายนำไปประกอบพิธีที่ จ.สระแก้ว ตนก็เตรียมไปร่วมพิธี
