แม่ค้าพวงมาลัยเปิดศึกแย่งที่ขาย อ้างจ่ายส่วยทำตำรวจสะดุ้ง! สุดท้ายพากันขึ้นโรงพัก “ขอโทษ” (คลิป)

กรณีเฟซบุ๊กราหนึ่ง โพสต์คลิปวิดีที่บันทึกได้บริเวณแยกไฟแดง พร้อมข้อความระบุว่า "ช่วยกันแชร์คลิปพวกนี้หน่อย เรื่องมันเกิดจากที่เราไปขายตาลที่สี่แยก ตรงโรบินสันชัยภูมิ แล้วคนพวกนี้บอกว่าได้ซื้อไฟแดงนี้เอาไว้แล้ว พวกเรามีสิทธิ์ไปขายได้ไง ใครมาขายก็ไม่ได้ เพราะพวกนี้ค่ะมาขู่" ทั้งนี้หญิงรายที่อ้างว่าซื้อไฟแดงยังอ้างว่ารู้จักกับตำรวจที่ชื่อว่า "ร.ต.ท.ชัยยงค์" และได้จ่ายเงินให้ตำรวจไปแล้วด้วย 

ล่าสุดวันที่ 18 มิ.ย.64 น.ส.ภัทรนิษฐ์ ชัยพฤกษ์ อายุ 34 ปี แม่ค้าขายลอนตาล คนที่ถ่ายคลิปดังกล่าว เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์คนดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.64 โดยตนได้ไปขายของที่บริเวณสี่แยกไฟแดง จ.ชัยภูมิ ตนได้ขายตรงนี้มาเดือนกว่าแล้ว สักพักได้มีกลุ่มคนมาบอกตนว่าห้ามมาขายตรงนี้ เพราะว่าเสียเงินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เมื่อตนได้พูดคุยกลายเป็นว่ามีปากเสียงกันอย่างรุนแรง

โดยตนถูกข่มขู่ว่าหากมาขายตรงนี้อีกครั้ง จะนำพวกมารุมกระทืบตนกับแฟน ทั้งนี้ตนจึงได้บันทึกเหตุการณ์เก็บไว้และได้ไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ปรากฏว่าที่ตรงนี้สามารถขายได้และไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินด้วย ส่วนคนที่บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บเงินนั้นแอบอ้าง เพราะสามารถขายได้ตรงแยกไฟแดง ทำให้ตนรู้ว่าตนถูกข่มขู่ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล และสอดส่องพฤติกรรมคนเหล่านี้ด้วย เพราะถ้าตนไปขายอีกก็กลัวว่าจะโดนข่มขู่อีกหรือไม่ 

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ต.สีดา อ.สีดา จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นของผู้ใหญ่บ้าน และได้พูดคุยกับแม่ของสาวเสื้อม่วง ที่ปรากฏในคลิป นางทองสา ประวันนา แม่ของสาวเสื้อม่วงที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว เปิดเผยว่า ตอนแรกตนจะไปส่งพวงมาลัยที่บริเวณสี่แยกไฟแดง แต่พอตนมาส่งพวงมาลัยกลับพบว่า มีแม่ค้าขายตาลอยู่ ตนจึงไปบอกว่ามาส่งพวงมาลัย หลังจากนั้นก็มีปากเสียงกัน แล้วทางคนที่ถ่ายคลิปก็ปรี่เข้ามาเหมือนจะทำร้ายร่างกายตน แต่ตนก็ได้บอกว่า "เดี๋ยวให้ลูกสาวมาคุย" เมื่อคุยกันก็ทะเลาะกัน มีปากเสียงอย่างกันอย่างรุนแรง ส่วนที่มีเสียงตอนที่ลูกสาวพูดว่าได้จ่ายเงินตำรวจไปแล้ว ตอนนั้นตนก็ไม่ทราบ

ทั้งนี้ ส่วนตัวก็อยากฟังข้อมูลอีกฝั่งหนึ่ง เพราะตนก็ไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่แต่อย่างใด ใครอยากมาขายก็มาขายได้ ส่วนกรณีที่คู่กรณีอ้างว่าฝ่ายตนไปข่มขู่จะรุมทำร้ายนั้น ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตนอยากให้ไปย้อนดูในคลิปวิดีโอได้เลย

อย่างไรก็ตาม แขวงการทางจังหวัดชัยภูมิ และตำรวจทางหลวงจังหวัดชัยภูมิ ได้เชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้ามาสอบถามเพื่อหาข้อเท็จจริง จากการพูดคุยในห้องประชุมเป็นเวลานานกว่า 20 นาที จึงได้ทราบข้อเท็จจริงจากนายจักกฤษ บุญเรืองศรี ผอ.แขวงทางหลวงชัยภูมิ ว่า ขณะนี้ตนได้ทราบเรื่องราวและได้ดูคลิปดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นไม่ทราบว่าคนขายพวงมาลัย มีพฤติกรรมแอบอ้างและอ้างตัวเป็นเจ้าถิ่นจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีผู้ใดแอบอ้าง สั่งห้ามขายและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ส่วนเคสนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ดำเนินคดีในข้อหาผิด พ.ร.บ.ทางหลวง ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

นอกจากนี้ จะมีคำสั่งห้ามขายของทุกพื้นที่จุดไฟแดงในเขตรับผิดชอบ และยังแจ้งข้อกล่าวหากับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายในข้อหามาตรา 44 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อขายแจกจ่าย หรือเรี่ยไรบนทางจราจรและไหล่ทาง หลังต่อจากนี้หากมีการพบเห็นผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่ง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

ด้านร.ต.ท.ชัยยงค์ ชมเชย ตำรวจทางหลวงชัยภูมิ หรือ หมวดยงค์ ที่ถูกคนขายพวงมาลัยแอบอ้างชื่อว่าจ่ายส่วยให้ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นจากคำแอบอ้างของคนขายพวงมาลัย ซึ่งคำแอบอ้างดังกล่าว ทำให้ตนและองค์กรได้รับความเสียหาย จึงจะเดินทางเข้าแจ้งความกับบุคคลดังกล่าว เพื่อดำเนินคดี ที่สภ.เมืองชัยภูมิ ต่อไป

น.ส.สมพร พระศรี แม่ค้าพวงมาลัย ระบุว่า ตนเป็นเพียงแม่ค้าขายพวงมาลัย รู้จักเพียงชื่อของหมวดชัยยงค์ แต่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ตนต้องกล่าวคำขอโทษ และจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น