ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาคดี ลุงวิศวะ ยิงเด็กวัยรุ่น ให้รอลงอาญา 3 ปี

17 มิ.ย. 64

ศาลฎีกาเปลี่ยนคำพิพากษาคดี ลุงวิศวะ ยิงเด็กวัยรุ่น ผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำคุก 5 ปี สุดท้ายรอลงอาญา 3 ปี ให้คุมประพฤติ 2 ปี ด้านแม่น้องปอนด์เผยสู้เพื่อลูกเต็มที่ยอมรับคำตัดสินของศาล

ตามในวันที่ 12 พ.ค.ที่ศาลจังหวัดชลบุรีศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาในชั้นศาลฎีกา คดีที่นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 56 ปี วิศวกรบริษัทฯ เป็นจำเลยในความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยก่อเหตุยิงนายนวพล ผึ่งผาย หรือ ปอนด์ อายุ 17 ปี จากเหตุวิวาทเรื่องที่จอดรถเหตุเกิดใกล้ตลาดอ่างศิลา จ.ชลบุรี เมื่อค่ำวันที่ 4 ก.พ.2560

984715_1

คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืนฯ ปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี และปรับ 2,000 บาท ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องจำเลยฎีกา

1623914830837_1

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (17 มิ.ย.) ศาลจังหวัดชลบุรีอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3544/2561 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีโจทก์ นางสาวมณีพร ผึ่งผาย โจทก์ร่วม นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ จำเลยคดี สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2560 พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีเป็นโจทก์ฟ้องนายสุเทพ เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จากกรณีที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายนวพล หรือ ปอนด์ ผึ่งผาย ถึงแก่ความตายเหตุ เกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 ที่บริเวณแยกครกใหญ่ ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี หรือเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า "คดีลุงวิศวะยิงเด็กนักเรียน ม.4" ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกันตัว

19357445_1693716387335284_704_1

ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามฟ้องฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืนฯปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี และปรับ 2,000 บาท ยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้ร้องให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องโจทก์และจำเลยอุทธรณ์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศาลอุทธรณ์ ยืนคุก 10 ปี ลุงวิศวะ ยิงวัยรุ่นชลบุรีดับ ยันสมัครใจทะเลาะวิวาท
- ศาลฎีกาเมืองชลออกหมายจับ ลุงวิศวะยิงวัยรุ่นดับ เบี้ยวฟังคำพิพากษา

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่ามูลเหตุคดีเริ่มต้นเมื่อพวกของผู้ตายจอดรถยนต์ตู้ซ้อนคันกับรถยนต์ของจำเลย โดยไม่ได้สนใจว่ารถยนต์ของจำเลยที่จอดริมฟุตปาธจะออกไปได้หรือไม่ เมื่อภริยาจำเลยแจ้งให้ทราบว่ารถยนต์ของจำเลยกำลังจะออกแต่พวกของผู้ตายไม่ขยับให้กลับบอกให้รอก่อนการจอดรถซ้อนคันขวางทางออกถนนของรถยนต์คันอื่น ทั้งมิยอมรีบขยับรถให้รถคันที่ตนจอดขวางอยู่ออกไปได้มิใช่เรื่องที่คนทั่วไปกระทำกัน เหตุการณ์เช่นนี้คนทั่วไปไม่ว่าใครก็ตามพบเจอย่อมต้องรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา จำเลยกล่าวถ้อยคำหยาบคายหลายครั้งแต่มีเพียงถ้อยคำเดียวที่พวกของผู้ตายได้ยินก่อนที่จะพากันขึ้นรถยนต์ตู้ไป ส่วนถ้อยคำหยาบคายอื่นจำเลยกล่าวในรถยนต์ของตนเองไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้พวกของผู้ตายรู้สึกว่าจะต้องเอาเรื่องกับจำเลย

1623914796801

ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแต่ทำให้จำเลยเสียเวลาไปบ้างเล็กน้อยจึงมิใช่เรื่องใหญ่โตถึงขนาดต้องฆ่ากัน เชื่อได้ว่าในขณะที่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งทั้ งสองฝ่ายไม่ได้มีความคิดที่จะเอาเรื่องอีกฝ่ายเพราะเหตุจากการมีปากเสียงกัน ส่วนเหตุการณ์ระหว่างทางตั้งแต่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายออกจากร้านขายอาหารทะเลแห้งจนถึงเวลาก่อนจะถึงแยกครกใหญ่ พวกของผู้ตายเพียงแต่เปิดไฟสูงใส่จำเลยไม่ได้ขับแข่งขับแซงหรือปาดหน้า ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่สามารถกระทำได้โดยง่าย

ส่วนฝ่ายจำเลยพฤติการณ์ภายในรถแสดงให้เห็นได้ว่า ภายหลังจากออกจากหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งไม่นาน จำเลยและภริยาต่างระงับความโกรธได้และเกรงว่าจะถูกฝ่ายผู้ตายทำร้ายจึงมีความคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือบุคคลอื่น เมื่อรถยนต์ของทั้งสองฝ่ายไปถึงแยกครกใหญ่ จำเลยมิได้ขับรถปาดหน้ารถพวกของผู้ตายเพื่อไปจอดรถที่ริมฟุตปาธและมิได้มีพฤติการณ์ยั่วยุให้คนในกลุ่มผู้ตายมาวิวาทต่อสู้กันอีก เมื่อมีคนในกลุ่มของผู้ตายหลายคนอยู่ล้อมรอบรถยนต์ของจำเลย ผู้ตายมุดศีรษะเข้ามาในรถยนต์ของจำเลยพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า "มึงจะรบเปล่า" หลายครั้ง และมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจำเลยในชั่วเวลาอีกไม่นาน

3-3-1

ขณะเดียวกันจำเลยยังถูกพวกของผู้ตายชกต่อยจากทางด้านหลังย่อมถือได้ว่ามีอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของจำเลยแล้ว ประกอบกับจำเลยนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับอันเป็นการอยู่ในที่จำกัดและเคลื่อนไหวร่างกายได้ยากการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงออกไป จึงเป็นทางเดียวที่จะให้จำเลยพ้นจากการถูกทำร้ายโดยผู้ตายและพวกได้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เมื่อจำเลยเห็นอยู่แล้วว่าผู้ตายและพวกไม่มีอาวุธ หากจำเลยเพียงนำอาวุธออกมาขู่ว่าจะยิงหรือยิงออกไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ถูกผู้ตายหรือยิงไปที่อวัยวะอื่นที่ไม่สำคัญของผู้ตายก็ย่อมเพียงพอที่จะยับยั้งมิให้ผู้ตายและพวกเขามาทำร้ายได้แล้ว แต่จำเลยกลับใช้อาวุธที่หน้าอกซ้ายของผู้ตายแม้ยิงเพียงนัดเดียวก็ไม่เป็นการได้สัดส่วนกับภยันตรายที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นการกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

s__22659128_1

ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนเหตุ คดีนี้เกิดจากฝ่ายผู้ตายจอดรถยนต์ขวางทางรถยนต์ของจำเลยจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลายอันเป็นความผิดของฝ่ายผู้ตายด้วยส่วนหนึ่ง การรอการลงโทษให้แก่จำเลยน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียว

ศาลได้พิพากษาแก้เป็นว่าฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งสามคงจำคุก 3 ปี 4 เดือนเมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ แล้วรวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน และให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 30 ชั่วโมง

dsc04998

ฝ่ายทนายและมารดาของผู้ตายได้เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาว่า ก็ไม่มีอะไรแล้ว มันนานมาแล้วก็ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล ส่วนทางแพ่งก็เหมือนเดิม เขาต้องมาชดใช้และวันนี้คำพิพากษาก็เป็นไปตามที่ศาลท่านพิจารณา จำเลยไม่มาก็มีการปรับไปแล้ว ส่วนทางแพ่งก็ต้องรอดูว่าจะมาชดใช้เมื่อไหร่เพื่อให้เป็นไปตามอำนาจศาล

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ