จากกรณีนายอภิชาติ บุญเรือง อายุ 42 ปี และนางฑิญาตา บุญเรือง อายุ 38 ปี สามีภรรยาที่ก่อเหตุลักทรัพย์ตลอด 15 ปี โดยมีพฤติกรรมอุ้มสุนัขเบี่ยงเบนความสนใจเหยื่อ ก่อนสบโอกาสลักทรัพย์สิน โดยมีหมายจับคดีแรกเมื่อปี 2545 กระทั่งล่าสุดตำรวจปทุมธานี ได้นำหมายบุกค้นบ้านของผู้ต้องหาที่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 61 และยึดทรัพย์สินที่ถูกขโมยมากว่า 100 รายการ แต่คนร้ายไหวตัวทันหลบหนีไปได้
วันที่ 23 ส.ค.61
น.ส.ณัฏฐญาดา วังสุข ชาวบ้าน ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม ผู้เสียหายที่ถูกโจรผัวเมียลักทรัพย์สินภายในท้องที่ สภ.เมืองนครปฐม เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ร้านขายรองเท้าและกระเป๋ามือสองของตน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก ช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ระหว่างการเก็บร้าน โดยตนได้นำกระเป๋าเป้วางไว้บริเวณข้างตู้แช่เครื่องดื่ม ด้านในมีเงินสด พระเครื่อง ทองคำรวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ปรากฎพบชายรายหนึ่งแต่งกายดูดี พูดจาสุภาพ ซึ่งมาทราบภายหลังว่าคือนายอภิชาติ โดยวันดังกล่าวนายอภิชาติ ทำทีเป็นลูกค้ามาเพียงลำพัง ไม่ได้อุ้มสุนัข เนื่องจากที่ร้านตนเลี้ยงสุนัขไว้ คาดว่าอาจจะกลัววุ่นวาย โดยทำทีมาสอบถามจะซื้อรองเท้าที่ร้าน และอ้างตัวเองว่าเป็นคุณครู จะซื้อรองเท้าไปให้เด็กนักเรียน ต้องการเบอร์ 41-43 ราว 10 คู่ ซึ่งตนก็ได้หยิบสินค้าออกมาให้จนครบถ้วน
จากนั้นนายอภิชาติก็ออกอุบายประมาณว่า จะขอดูรองเท้าไว้ใส่เองอีก 2 คู่ เบอร์ 42 ปรากฎว่าบริเวณหน้าร้านไม่มีสินค้าขนาดดังกล่าวแล้ว เนื่องจากตนเก็บของเข้าร้านบางส่วนแล้ว จังหวะนั้นตนจึงต้องเดินเข้าไปในบ้านเพื่อไปหยิบของ เพียงไม่ถึง 10 วินาที ตนกลับออกมาไม่พบชายรายดังกล่าวแล้ว ซึ่งพ่อตนบอกตนว่าชายรายดังกล่าวฝากบอกว่า “เดี๋ยวกลับมานะ” ตัวส่วนตอนนั้นก็รู้สึกแปลกใจ ยังมองโลกในแง่ดีว่าอาจไปกดเงิน ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้ตัวว่าทรัพย์สินถูกขโมย
จากนั้นตนก็เก็บร้านต่อไป จนกระทั่งมีลูกค้าประจำมารับสินค้าที่ร้านตน และมีการชำระเงิน จากนั้นตนจะนำเงินที่ได้มาไปเก็บในกระเป๋า ปรากฎว่ากระเป๋าที่วางอยู่ข้างตู้แช่หายไปแล้ว ขณะนั้นนึกขึ้นมาทันทีว่าต้องเป็นชายรายที่มาทำทีเป็นซื้อของ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เวลาผ่านไปร่วม 1 ชั่วโมง ตนก็ได้แต่เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครปฐม
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่องตนได้ไปขอกล้องวงจรปิดของอาคารใกล้เคียงบ้านพัก จึงพบว่ารถที่ชายผู้ก่อเหตุใช้คือรถยนต์ นิสสัน อัลเมลา ป้ายแดง โดยมีการขับมาจอดที่หน้าร้านตน 2 รอบ แต่ไม่สามารถจับภาพช่วงที่คนร้ายก่อเหตุได้ ส่วนตัวจำหน้าคนร้ายได้แม่น จนกระทั่งตนได้ติดตามข่าวและพบเห็นใบหน้าของ 2 สามีภรรยาคู่นี้ ทำให้ตนจำได้ว่าช่วงก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่นาที ผู้หญิงซึ่งเป็นฝ่ายภรรยาได้ลงมาซื้อเครื่องดื่มที่ร้านตนก่อน คล้ายลงมาดูลาดเลา จากนั้นฝ่ายสามีก็ลงมาก่อเหตุ
หลังการนำของกลางที่คนร้ายลงมือก่อเหตุไปที่ สภ.เมืองปทุมธานี ตนได้ทรัพย์สินเป็นพระเครื่องคืนมา 9 ชิ้น บางส่วนต้องไปไถ่ถอนจากโรงรับจำนำเอง ซึ่งตนต้องเสียเงินอีกราว 8,000 บาท ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ ยังไม่ได้คืน ส่วนตัวกังวลว่าเรื่องจะเงียบ และเชื่อว่าคนร้ายจะลงมือก่อเหตุอีก เนื่องจากตนมองว่าการกระทำของคนร้ายที่เมื่อสบโอกาสเห็นทรัพย์สินของใครที่สามารถหยิบได้ก็คงจะทำอีก เพราะคงเป็นสันดานไปแล้ว นิสัยเช่นนี้คงฝังไปในส่วนลึกของร่างกาย คิดว่าผู้ก่อเหตุจะทำอาชีพปกติไม่เป็น
ผู้เสียหายยังระบุอีกว่า ส่วนตัวไม่รู้จะพูดอะไร เพราะหากบอกให้คนร้ายให้หยุดก่อเหตุคงเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าเขาไม่สามารถสำนึกได้ การกระทำเช่นนี้สร้างความเดือนร้อนให้ผู้เสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งคนร้ายไม่ได้มีความละอายต่อการกระทำ ตนคิดว่าคนร้ายอาจจะกำลังสนุกที่ได้ทำมาหากินบนความเดือดร้อนของคนอื่น จากนี้ขอให้กฎหมายจัดการเอาผิด หนีได้ก็หนีไป หนีไม่ได้ก็ติดคุก