แฉนาที “เสี่ยอ้วน” ลั่นไกฆ่า “สปาย-ฟอส” พยานเห็นคาตา พลิกลิ้นยาก (คลิป)

23 ส.ค. 61
วันที่ 22 ส.ค. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาฆ่าน.ส.ปวีณา หรือ สปาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย หรือ ฟอส จริตรัมย์ อายุ 20 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ลานจอดรถพระพุทธรูปเขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี โดยไม่มีผู้ต้องหารายอื่นเข้าร่วมทำแผน แต่มีการสมมติตัวละคร ใช้กระดาษ A4 เขียนชื่อแทนแต่ละราย โดยนายสายันต์ ศรีสุข หรือ ยัน หนึ่งในเพื่อนที่เดินทางมาเที่ยวเขาชีจรรย์พร้อมกับผู้ตายทั้งคู่ และทำหน้าที่แฝงเป็นแฟนของเพื่อนผู้เสียชีวิต เพื่อสืบข่าวและคอยส่งโลเคชันระบุตำแหน่งที่อยู่ของผู้ตายเพื่อชี้เป้าหมายตลอดเส้นทาง ด้านนายเกียรติศักดิ์ สุรางแสงมีบุญ หรือ บอล ทำหน้าที่ขับรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว เพื่อพานายณรงค์ วรินทรเวช หรือ บ่าว มือปืน พร้อมนำพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนมาจากจังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งถอดเปลี่ยนป้ายทะเบียนเพื่อตบตา และขับรถจอดปิดท้ายเพื่อให้เสี่ยอ้วนและนายรณรงค์ ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต ส่วนนายกฤษณะ สีสุข หรือ มด ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายเกียรติศักดิ์ในการสะกดรอย และนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ ป๊อบปี้ คือคนที่เดินทางมาพร้อมเสี่ยอ้วน เพื่อทำหน้าที่ในการขับรถเช่า ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว สะกดรอยติดตามผู้เสียชีวิต และคอยประกบคุ้มกันเสี่ยอ้วน และนายบ่าว คือลูกน้องของเสี่ยอ้วน บุคคลที่นั่งเบาะด้านหลังภายในรถฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว ทำหน้าที่มือปืนผู้ลั่นไกปืนสังหารผู้เสียชีวิตต่อจากเสี่ยอ้วน จนทำให้น้องสปายและน้องฟอสเสียชีวิตคาที่
แผนผังแสดงตำแหน่งที่นั่งผู้ต้องหาภายในรถขณะก่อเหตุ
ต่อมาในเวลา 17.15 น. เจ้าหน้าที่นำตัวเสี่ยอ้วนกลับมาคุมขังที่ สภ.นาจอมเทียนอีกครั้ง ซึ่งในขณะที่เสี่ยอ้วนเดินทางมาถึง ก่อนที่จะถูกนำตัวเข้าไปยังห้องสืบสวนชั้น 1 สื่อมวลชนพยายามถามว่าเสี่ยอ้วนรู้สึกอย่างไร อยากบอกอะไร เสี่ยอ้วนตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “เสียใจ เสียใจ” สำหรับการคุมขังตัวเสี่ยอ้วนนั้น มีการคุมขังในห้องขังรวมกับผู้ต้องหารายอื่น เนื่องจากไม่อยากปล่อยให้ผู้ต้องหาอยู่เพียงลำพัง เพราะเกรงว่าจะทำร้ายตนเอง คาดว่าช่วงสายในวันพรุ่งนี้ จะมีการนำตัวผู้ต้องหาจากออกจาก สภ.นาจอมเทียน ไปฝากขังที่ศาลพัทยาต่อไป
นางแอ๋ว นิติบุคคลหมู่บ้านที่เสี่ยอ้วนเช่าพัก
ทีมข่าวอมรินทร์ลงพื้นที่ย้อนรอยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเริ่มต้นที่หมู่บ้านซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มของเสี่ยอ้วนมาเช่าพัก โดย นางแอ๋ว (นามสมมติ) นิติบุคคลของหมู่บ้าน เล่าว่า วันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.30 น. นายณรงค์ วรินทรเวช หรือ บ่าว เป็นคนมาติดต่อขอเช่าบ้าน โดยมีนายเกียรติศักดิ์ สุรางค์แสงมีบุญ หรือ บอล เป็นคนขับรถฮอนด้า ซีอาร์วี มาส่ง และคาดว่านายจิรศักดิ์ อุนัยปัน หรือ ป๊อปปี้ น่าจะนั่งอยู่ในรถ ซึ่งนายบ่าวแจ้งว่าจะขอเช่า 2 คืน ตนจึงคิดราคาลดให้ 20 เปอร์เซ็นต์ จากปกติคืนละ 4,500 บาท เหลือคืนละ 3,600 บาท นายบ่าวจึงจ่ายเงินให้ตน 7,200 บาท จากนั้นทั้งหมดได้นั่งรถเข้าไปที่บ้านพัก ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ไม่ได้สังเกตการเข้าออกและไม่เคยเห็นเสี่ยอ้วน แต่คาดว่าเสี่ยอ้วนน่าจะเข้ามาที่บ้านพักช่วงกลางคืนของวันที่ 27 ก.ค. จนวันที่ 29 ก.ค. ลูกน้องตนรายงานว่าเห็นรถฮอนด้าซีอาร์วี ขับออกไปจากหมู่บ้านในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ซึ่งตอนนั้นไม่ได้มีการคืนกุญแจ และผ้าเช็ดตัวหายไป 6 ผืน ตอนแรกตนคิดว่าลูกค้าน่าจะออกไปทานข้าวและกลับมาเช็กเอ้าท์ช่วงบ่าย จนเวลาผ่านไปลูกค้าไม่กลับมา จึงคิดว่าน่าจะลืมคืนกุญแจ ก่อนที่ตำรวจจะโทรมาสอบถามจึงทราบว่ามีเหตุการณ์ยิงผู้อื่นที่เขาชีจรรย์ โดยนางแอ๋วระบุว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้นตนก็ต้องระมัดระวังในการรับลูกค้าที่จะมาเช่าบ้าน ด้วยการคัดกรองมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
ร้านที่เสี่ยอ้วนมาเช่ารถ
จากนั้นทีมข่าวเดินทางต่อไปยัง ร้านเช่ารถซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ติดกับนครชัยขนส่ง พัทยากลาง โดยพบว่าร้านปิด แต่จากการโทรศัพท์สอบถามเจ้าของร้านเล่าว่า เสี่ยอ้วน และลูกน้องอีก 3 คน มาที่ร้านตนเมื่อวันที่ 29 ก.ค. เวลาประมาณ 09.00 น. โดยได้ขอเช่ารถโตโยต้ายาริส สีขาว จำนวน 1 คัน เป็นเวลา 2 วัน ในราคาประมาณ 1,200 บาท มัดจำ 8,000 บาท ก่อนทำสัญญา ซึ่งปกติเจ้าของร้านรถเช่าเล่าว่า ตนมักจะไม่ปล่อยรถให้คนไทย แต่กรณีของเสี่ยอ้วนมีคนรู้จักติดต่อมาขอให้ปล่อยรถให้ ตนจึงเกรงใจ จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. นายป๊อปปี้กลับมาคืนรถคนเดียว โดยอ้างว่าลูกป่วยต้องรีบกลับบ้านด่วน
นายทวี (นามสมมติ) เพื่อนเสี่ยอ้วน
หลังจากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปที่ร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของร้านเช่ารถระบุว่าเป็นคนติดต่อเช่ารถให้เสี่ยอ้วน โดยได้พบกับนายทวี (นามสมมติ) เพื่อนของเสี่ยอ้วน ยอมรับว่า ตนติดต่อเช่ารถให้เสี่ยอ้วนจริง โดยตนและเสี่ยอ้วนรู้จักกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่ทำงานด้วยกันที่ จ.ชลบุรี  ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ก.ค.เสี่ยอ้วนไลน์มาบอกตนว่าอีก 2 วันจะมาเที่ยวพัทยา ขอให้หารถเช่าให้ โดยอยากได้รถคันใหญ่ เช่น รถตู้ เพราะว่าพาลูกน้องมาเที่ยวหลายคน แต่ตนไม่สามารถหารถใหญ่ให้ได้ จึงได้เป็นรถยาริส โดยช่วงที่เสี่ยอ้วนมาถึง ตนไม่ได้อยู่พัทยา เพราะไปทำบุญที่ต่างจังหวัดจนมาทราบข่าวหลังกลับมาช่วงวันที่ 30 ก.ค. ซึ่งตนก็ตกใจมาก โดยในตอนแรกรู้ข่าวว่าคนที่มาจากภูเก็ตเป็นคนยิง ตนจึงเอะใจถามเจ้าหน้าที่ตำรวจและนำภาพเสี่ยอ้วนไปให้ดู เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนยันว่าเสี่ยอ้วนเป็นคนก่อเหตุและเรียกตนไปสอบปากคำ นอกจากนี้ จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อความไลน์ที่เสี่ยอ้วนส่งมา ก็ยังมีเรื่องที่เจ้าตัวเคยก่อคดี ยิงพ่อค้าขายไอศกรีมเสียชีวิต ที่ส่งไลน์มาบอกตนในทำนองว่าหลุดคดีแล้ว แต่ตนไม่ได้อ่านในตอนนั้นและไม่ทราบรายละเอียด ต่อมา ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางไปที่บริเวณลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเข้าชีจรรย์ ถนนบานเย็น บริเวณพัทยาใต้ โดยพบว่าเจ้าหน้าที่ใช้เชือกขึงบริเวณจุดเกิดเหตุโดยรอบ ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน ซึ่งจากการสังเกตบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับแผงค้าอาหาร และผลไม้ ที่ตั้งเรียงรายติดกันกว่า 10 ร้าน
นายแฟร้งค์ (นามสมมติ) พ่อค้าผลไม้
สอบถามนายแฟร้งค์ (นามสมมติ) พ่อค้าผลไม้ เปิดเผยว่า ช่วงที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 17.00 น. ตนนั่งอยู่หลังร้านก็เห็นรถโตโยต้า อินโนวา สีขาว จอดอยู่ น้องสปายกับน้องฟอสกำลังจะเดินขึ้นรถฝั่งคนนั่ง โดยน้องฟอสนั่งหน้า ส่วนน้องสปายนั่งข้างหลัง เป็นช่วงเดียวกันกับที่รถซีอาร์วีขับมาจอดต่อท้ายรถของน้องสปาย ก่อนที่เสี่ยอ้วนจะเดินลงมาจากที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับ และยิงน้องสปายประมาณ 4 นัด ก่อนยิงน้องฟอส โดยนายบ่าวได้เดินลงจากรถมายิงซ้ำ ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งขึ้นรถ และรถคันดังกล่าวขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตนจึงรีบวิ่งไปดูทั้งคู่ แต่ไม่สามารถช่วยไว้ได้ทัน ซึ่งช่วงที่เสี่ยอ้วนลงจากรถ ตนคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป จนกระทั่งได้ยินเสียงปืน จึงตกใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้สามารถจับเสี่ยอ้วนได้ก็รู้สึกโล่งใจ คิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาชีจรรย์น่าจะดลบันดาลให้จับได้
นายโอ่ง ผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง
ด้าน นายโอ่ง (สงวนชื่อจริงและนามสกุล) ผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ข้างร้านที่เสี่ยอ้วนไปเช่ารถ เปิดเผยว่า วันที่ 29 ก.ค. เวลาประมาณ 09.30 น. ตนเห็นเสี่ยอ้วนและลูกน้องรวม 4 คน นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างวินรถ จากนั้นเสี่ยอ้วนและลูกน้องอีก 2 คน ได้เดินมาสูบบุหรี่ข้างวินของตน ในตอนนั้นตนได้ถามไปว่า ต้องการใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้างหรือไม่ ซึ่งเสี่ยอ้วนไม่ตอบและมองหน้าตนดูหยิ่ง ๆ ตนจึงไม่ได้คุยต่อ จากนั้นไม่นานทั้งหมดได้เดินเข้าไปด้านในร้านเช่ารถ ซึ่งเพื่อนวินของตนรายหนึ่งเล่าว่า เสี่ยอ้วนมาด้วยรถฮอนด้าซีอาร์วี โดยขับไปจอดข้างร้านเช่ารถ และเพื่อนของตนเดินไปตักเตือนว่าไม่สามารถจอดได้ เพราะขวางทาง แต่เจ้าตัวก็ตอบกลับด้วยท่าทีกร่างว่าทำไมจึงจอดไม่ได้ ทั้งนี้ หากเสี่ยอ้วนอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ก็เหตุยิงสปายและฟอส ก็ยังมีพยานที่ยืนยันกับทีมข่าวอมรินทร์ว่าเคยพบเห็นเสี่ยอ้วนเดินทางมาที่จ.ชลบุรี นอกจากนี้ยังมีพยานที่ยืนยันกับทีมข่าวว่าเห็นนาทีเสี่ยอ้วนลั่นไกปืนเพื่อก่อเหตุด้วย
พยานที่พบเห็นเสี่ยอ้วน
พยานที่พบเห็นเสี่ยอ้วน
พยานที่พบเห็นเสี่ยอ้วน
 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ