จากกรณี "อุ๊บ วิริยะ" นักปั้นมือทอง ที่เคยช่วยเหลือปลุกปั้นนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ในการเดินแบบ เล่นมิวสิควิดีโอ ก่อนจะมีเรื่องขัดแย้งกัน ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "วิริยะ พงษ์อาจหาญ (Oop wiriya)" เป็นภาพ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา หรือ แม่น้องชมพู่ ที่ผ่านการปรับแต่งให้สวยงามในแอพพลิเคชั่น 3 ภาพ พร้อมระบุข้อความดังต่อไปนี้
“คุยกับ #แม่สา แล้ว...จะจับคุณพ่อคุณแม่แปลงโฉมเป็นสาวสวยหนุ่มหล่อ...ในเร็ว ๆ นี้ (รอให้อะไร ๆ มันดีขึ้นก่อน อย่าเพิ่งดราม่านะ ยังไม่ตอนนี้ครับ) ไม่ได้คิดจะปั้นพ่อแม่น้องชมพู่ให้เป็นดาราหรอกครับ แต่เป็นครั้ง 1 ในชีวิตของเขาที่พวกเขาทั้ง 2 ที่จะได้มีรูปสวย ๆ หล่อ ๆ ติดโชว์ที่บ้าน และงานนี้มีค่าตัวให้คนละ 1 หมื่นบาท อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็จะมีรายได้มาเสริม เป็นการทำงานจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง มันภูมิใจมากกว่าที่ไม่ได้แบมือขอใครด้วยครับ #พี่อุ๊บก็แค่อยากจะช่วยให้พวกเขามีรายได้กันครับ #และงานในวงการก็เป็นงานสวย ๆ งาม ๆ ที่พี่อุ๊บถนัดครับ #และชีวิตทุกคนต้องอยู่ต่อเพื่อความอยู่รอดและปากท้องครับ #แฟนคลับว่าไงกันบ้างครับ?”
ล่าสุดวันที่ 13 มิ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ "อุ๊บ วิริยะ" นักปั้นมือทอง เปิดเผยว่า จากโพสต์ดังกล่าวตนได้พูดคุยกับแม่และพ่อน้องชมพู่ตั้งแต่ที่บ้านกกกอกแล้ว เพราะมีแฟนคลับส่งรูปแม่น้องชมพู่ไปแต่งภาพแล้วสวย โครงหน้าดี น่าถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกครั้งหนึ่งในชีวีต ตนไม่ได้จะปั้นเป็นดารา แต่อยากจะถ่ายรูป ให้พ่อและแม่เก็บไว้เป็นความทรงจำติดที่บ้าน เพราะตนเห็นว่าที่บ้านรูปคู่สวย ๆ ไม่มีเลย
โดยตนวางแผนไว้ว่าการถ่ายครั้งนี้ จะถ่ายช่วงเดือนก.ค.64 โดยมีสปอนเซอร์ให้ค่าตัวพ่อและแม่คนละ 10,000 บาท อยากให้ครอบครัวมีเงินมีรายได้ ใช้เวลาถ่ายประมาณ 2-3 ชั่วโมง เปลี่ยนประมาณ 2 ชุด โดยจะถ่ายที่บ้านกกกอก แต่งหน้าทำผมด้วยทีมงานของตน และพ่อแม่ชมพู่ยังได้เงิน 20,000 บาท ตนอยากช่วยในทางอ้อม ตนมองเป็นรายได้เสริม และย้ำว่าไม่ต้องการปั้นให้เป็นดารา
ทั้งนี้ ตนอยากให้ผู้มาคอมเมนต์อ่านข้อความให้ครบทุกบรรทัดก่อน ว่าตนไม่ต้องการปั้นให้เป็นซุปตาร์กกกอก และการทำงานครั้งนี้จะได้มีรายได้ คนเราต้องอยู่รอดต่อไปเพื่อปากท้อง เพราะช่วงที่คุยกับแม่น้องชมพู่ ตนก็ยังยุให้ถ่ายบอกว่าดีแล้วจะได้เงิน เราทำงานต้องได้เงิน ไม่ได้ไปค้ายาบ้า ผิดกฎหมาย ไม่ได้งอมืองอเท้า และยังมีเจ้าของร้านจิวเวลรี่จะเป็นสปอนเซอร์ด้วย ตนยืนยันว่าจะช่วยเหลือด้วยใจจริง ไม่ได้ไปเกาะหรือโหนกระแส ตนเห็นพ่อแม่น้องชมพู่ยิ้มได้ก็มีความสุข สิ่งที่ตนทำได้คือให้กำลังใจ และงานที่ตนถนัดคือการเปลี่ยนโฉม ที่ผ่านมาตนก็เคยทำมาแล้วหลาย ๆ คนก็มีความสุข และเห็นด้วยกว่า 95% แต่ก็ยังมีคนมาด่า 2-3 คน
อย่างไรก็ตาม ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับแม่น้องชมพู่แล้วแต่ขอพักไว้ก่อน อาจจะมีคนไปพูดแล้วทำให้ไม่สบายใจ ตนก็มองว่าไม่เป็นอะไร เคารพในการตัดสินใจ ตอนนี้จึงต้องหยุดไว้ก่อน ยังไม่ได้ถ่าย และอนาคตหากแม่น้องคดีชนะคดีก็ค่อยมาคุยกันก็ได้ และอยากให้เอฟซีเข้าใจด้วย
ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้เห็นรูปภาพแล้ว ส่วนตัวมีความรู้สึกว่าภาพดังกล่าวสวยดี แต่ก็แทบจำไม่ได้เลยว่าภาพทั้ง 3 ภาพเป็นรูปของตน คิดว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพของดารามากกว่า เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.64) อุ๊บ วิริยะ ได้โทรศัพท์มาหาตน พูดคุยกับตนว่าเดือนหน้าจะเดินทางมาแต่งหน้าทำผมให้ตนกับนายอนามัย และจะมีค่าตัวให้คนละประมาณ 10,000 บาท
แต่หลังจากนายอนามัย ทราบว่าจะมีการถ่ายแบบเกิดขึ้น คนในครอบครัวก็กังวลว่าครอบครัวตัวจะไม่อบอุ่นหรือไม่ หากว่ามีแสงสีเข้ามาในครอบครัว ตนเข้าใจในความมีน้ำใจของพี่อุ๊บ วิริยะ และอยากขอบคุณมาก ๆ ที่เมตตาครอบครัวของตนมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ตนอยากขอบคุณทุกคนที่ซื้อผ้าในร้าน สิ่ง ๆ นี้คือโอกาสที่ทุกคนมอบให้กับครอบครัวตน ทั้ง 3 รูปก็ไม่ได้ชอบรูปไหนเป็นพิเศษ เพราะไม่ใช่ตัวตนของเรา รู้สึกว่าภาพหลอกตาเกินไป "มันไม่ใช่เรา รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหน ไม่อยากหลอกตัวเอง"
เมื่อวานนี้ตนได้ขายผ้าเป็นวันแรก หลังจากไม่ได้ขายมานานกว่า 10 วัน อยากจะขอบคุณทุกคนที่อุดหนุน และมาคอมเมนต์พูดคุยให้กำลังใจ ทำให้บรรยากาศการขายผ้าสนุกมาก ส่วนคดีน้องชมพู่ตนสบายใจมากขึ้น เพราะมีทีมทนายคอยช่วยเหลือ ส่วนคดีหมิ่นประมาทที่ตนได้เป็นโจทย์ร่วมฟ้องนายจักรี ในวันที่ 19 ก.ค.64 ตนอาจเดินทางไปที่ศาล จ.มุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีต่อไป
หลังให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวได้นำภาพของแม่น้องชมพู่มาวางเทียบกับหน้าแม่น้องชมพู่ จากนั้นก็ได้ให้นายอนามัย ช่วยแสดงความคิดเห็นว่าชอบภาพไหนมากกว่ากัน โดยนายอนามัย ได้ดูภาพดังกล่าวแล้วก็บอกกับผู้สื่อข่าวพร้อมกับชี้มาหาแม่น้องชมพู่ว่า ชอบแบบนี้มากกว่า รู้สึกว่าในภาพหลอกตาเกินไป ไม่เหมือนตัวจริง เพราะตัวจริงสวยกว่า
