บ้านโคกกอ จ.ตรัง กลายเป็นดง งูจงอาง เลื้อยฉกหนุ่มก่อสร้างดับ ชาวบ้านผวาปิดประตู ไม่กล้าออกกรีดยาง
หมู่บ้านโคกกอ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง กลายเป็นดงงูจงอาง หรือ บองหลายักษ์ ออกอาละวาดฉกหนุ่มก่อสร้างดับคาที่แล้ว 1 ศพ หมา-แมวถูกเขมือบตาย สูญหายอย่างไร้ร่องรอย ล่าสุดชาวบ้านพบเลื้อยผ่านถนน ไล่ฟัดอยู่กับตัวเหี้ย ต่างหวาดผวาปิดประตูบ้านทั้งวันคืน ไม่กล้าออกกรีดยาง วอนผู้มีความเชี่ยวชาญเรื่องงูช่วยเข้าจับด่วน หวั่นอาจมีศพที่ 2 ตามมา
ชาวบ้านกว่า 30 ชีวิต ระดมกันทำแนวป้องกันงูจงอาง หรือ งูบองหลา ที่คาดว่ามีจำนวนมากถึง 20 ตัว ที่อยู่ในช่วงกำลังฟักไข่ออกลูกออกหลาน หลบซุกซ่อนตัวอยู่ภายในป่าสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และป่ารกทึบ พื้นที่ หมู่ 1 บ้านโคกกอ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง ที่มีบ้านเรือนประชาชนอยู่กว่า 40 หลังคาเรือน หลังจากที่มีชาวบ้านพบเจอตัวจำนวนหลายครั้ง ในรอบ 1 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา มีทั้งที่สามารถจับตัวได้ และเลื้อยหลบหนีไป รวมทั้งงูจงอางที่ชุกชุมอยู่ในพื้นที่ยังได้ฉกชาวบ้านเสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างผวาและหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก
ซึ่งปฎิบัติการในครั้งนี้ ผู้นำชุมชน และชาวบ้านได้ระดมกำลังกันใช้เครื่องมือ ทั้งเครื่องตัดหญ้า มีดพร้า จอบ รวมทั้งใช้รถจักรกลขนาดใหญ่ ปรับสภาพสองฝั่งถนนสาย ต้นหว้า-โคกกอ ต.บ้านโพธิ์ ที่มีหญ้าและต้นไม้ปกคลุมอยู่ ให้โล่งเตียน ก่อนจะนำอวน หรือกัดดักปลา มาซ้อนกันจำนวน 3 ชั้น ก่อนจะปักและวางให้เป็นแนวยาวกว่า 1 กิโลเมตร เพื่อทำเป็นแนวสำหรับป้องกันงูจงอาง หรืองูบองหลา โดยหากงูบองหลาเลื้อยผ่านมาก็จะติดเข้ากับอวนหรือกัดดังกล่าว
นางสุธาทิพย์ เทวกุล หรือเขียว อายุ 48 ปี อาชีพทำสวน เล่าว่า สามีของตนคือนายมานิต เมวกุล หรือโช้ย อายุ 50 ปี อาชีพก่อสร้าง ได้ถูกงูจงอาง หรืองูบองหลาฉกเสียชีวิตคาที่ ริมถนนสายต้นหว้า-โคกกอ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนี้ได้เก็บศพแช่แข็งเอาไว้ที่วัดโพธิ์ธาราม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยจะมีพิธีบำเพ็ญกุศลและทำการฌาปนกิจในวันที่ 19 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยวันเกิดเหตุเวลา 17.00 น. วันที่ 23 พ.ค.สามีได้ออกจากบ้านเข้าไปในป่ารกทึบ เพื่อที่จะเข้าไปตัดไม้กระดูกไก่ เพื่อจะนำมาใช้ทำคันเบ็ดตกปลาโดยนำมีดพร้าพกติดตัวไปด้วย จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ติดต่อสามีไม่ได้จึงออกตามหา ก็เห็นว่ามีรถจอดอยู่ในป่า จึงได้ตะโกนเรียกแต่ไม่มีใครได้ยิน จึงคิดว่าโดนงูฉกแล้วแน่นอน เพราะว่าในป่าดังกล่าวมีงูอยู่เยอะ ก็เห็นว่าสามีได้นอนแน่นิ่งอยู่แล้ว ก่อนจะจับชีพจร และช่วยปั้มหัวใจ และนำส่ง รพ.แต่ปรากฏว่าเสียชีวิตแล้ว แพทย์ชันสูจน์สาเหตุการตายว่า โดนงูฉกบริเวณข้อเท้าเท้าเป็นแผลเหวะหวะ พิษงูทำลายระบบทางเดินหายใจ ทำให้หัวใจล้มเหลียว
“งูที่นี่มีอยู่แล้ว ตนเองและชาวบ้านเห็นเลื้อยข้ามถนนเป็นประจำ คนแถวนี้ก็ไม่กล้าที่จะขับรถผ่านป่ารกทึบ หวาดกลัวกันจนถึงขั้นไม่กล้ากรีดยาง สวนยาง สวนปาล์มตัดกันจนโล่งเตียน บางสวนก็หยุดไม่กล้าที่จะกรีดยางกัน ส่วนขนาดมีขนาดใหญ่ถึงต้นขา ยาวไม่ต่ำกว่า 5-6 เมตร เลื้อยพาดผ่านถนน สุนัข ตัวขนาดเท่าเด็ก สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยจำนวนหลายตัว รวมทั้งไก่ และแมวด้วย” นางสุธาทิพย์ เล่า
ส่วน นายจรูญ รุ่งเรือง อายุ 54 ปี ส.อบต.หมู่ 1 ต.นาพละ อ.เมืองตรัง เล่าว่า ตนก็เคยเจองูเลื้อยผ่านถนน ก็เลยหยุดดู ให้มีเลื้อยผ่านถนนไป ต่อมาได้พบเจออีกเละทำการยิงให้เสียชีวิต ที่ชาวบ้านจับได้ก็แค่เพียง 2-3 ตัว และคาดว่ามีอยู่อีกเยอะ ชาวบ้านหยุดกรีดยาง ไม่ได้ทำมาหากินกัน ปิดประตูบ้าน คนแก่คนชราเด็กไม่กล้าให้ออก โดยมีแหล่งน้ำล้อมรอบ และพบไข่งูจงอางถูกฟักเสร็จแล้วเยอะมาก คาดว่ามีอีกอีกไม่ต่ำกว่า 15-20 ตัวอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทราบที่อยู่อาศัยอย่างชัดเจน โดยงูจงอางจะออกหากินกันช่วงประมาณเช้าตรู่และพรบค่ำ และจะมีเสียงร้องคล้ายๆไก่ ตอนนี้ชาวบ้านกลัวงูจงอางกันมากกว่ากลัวโรคโควิด-19 แล้ว และยังมีเห็นไล่ฟัดอยู่กับตัวเงินตัวทองด้วย
ขณะที่ นายศิริชัย หรือกำนันบ๊อบ กล่าวว่า งูจงอางจะเลื้อยข้ามถนนทุกวัน มีชาวบ้านจำนวนกว่า 40 หลังคาเรือน ที่สัญจรผ่านถนนเส้นนี้ จะพบเจองูเลื้อยข้ามถนนทุกวัน บางคนรถเกือบล้ม ซึ่งเป็นมา 1 เดือนกว่าๆแล้วที่พบเจอปัญหานี้ ในวันนี้ก็ได้ทำแนวกันงู ในช่วงป่ารกทึบที่งูเลื้อยผ่านเป็นประจำ ก่อนจะจะอกอาละวาดไปฉกคนอื่นอีก เพราะมีคนเสียชีวิตมาแล้ว ลูกสุนัข สัตว์เลี้ยงอะไรหายไปอย่างไร้ร่องรอย ชาวบ้านปิดประตูบ้านกันไม่กล้าออกไปไหน ไม่กล้ากรีดยางพารา บางรายหากจำเป็นก็จะกรีดกันในตอนเช้า ส่วนงูคาดว่าน่าจะหนีออกมาจากถิ่นอาศัยเดิม เพราะในพื้นที่ภูเขา หรือป่ารกทึบมีน้อยลง ก็คิดว่าน่าจะหลบหนีมาอาศัยในป่าที่พอจะอยู่อาศัยได้ และมีแหล่งน้ำ
