กรณีนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล อายุ 44 ปี ถูกออกหมายจับ 3 ข้อหา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 บนเขาภูเหล็กไฟ หลังจากนั้นทนายตั้ม ได้พาลุงพลเข้ามามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถูกคุมตัวไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ปทุมวัน ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.กกตูม และศาลได้ให้ประกันตัว 1.8 แสนบาท ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 6 มิ.ย.64 เวลา 07.00 น. บรรยากาศที่บ้านของน้องชมพู่ มียายกลม ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวกกกอก ยายยอน หมอธรรมบ้านกกตูม ป้าถอน แม่แบม นางส้มโอ พ่อแบม พยานในคดี รวมทั้งชาวบ้านกกกอกและกกตูมกว่า 30 คน ได้ถือพานบายศรีพร้อมกับถือชามไก่ต้ม 1 ตัว หรือที่เรียกว่าหม้อข้าวหม้อแกง เข้ามาจากหน้าปากซอยบ้านกกกอก เพื่อมายังบ้านของน้องชมพู่
เมื่อมาถึงด้านในตัวบ้านน้องชมพู่ นางสาวิตรี นายอนามัยวงศ์ศรีชา แม่และพ่อน้องชมพู่ รวมถึงน้องสะดิ้ง พี่สาวน้องชมพู่ ได้นั่งเตรียมความพร้อมอยู่ด้านในบ้าน จากนั้นชาวบ้านได้นำพานบายศรี และชามไก่ต้มมาตั้งอยู่ต่อหน้าครอบครัวน้องชมพู่
โดยพิธีเริ่มต้นมียายยอน หมอธรรมหมู่บ้านกกตูม ได้พาครอบครัวน้องชมพู่ยกชามไก่ต้มขึ้นเหนือศรีษะ จากนั้นได้กล่าวเริ่มต้นทำพิธี ด้วยการพูดเป็ยภาษาท้องถิ่นชาวภูไทยว่า "ชวา ชวา ชวา" แปลเป็นภาษาไทยว่า "มา มา มา" ซึ่งหมายถึงการเรียกขวัญกำลังใจ ให้กลับมาสู้ครอบครัวน้องชมพู่ จากนั้นก็เป็นพิธีผูกข้อมือให้กับครอบครัวน้องชมพู่ โดยมียายยอน หมอธรรมเป็นผู้ผูกข้อไม้ข้อมือให้ครอบครัวน้องชมพู่เป็นคนแรก ซึ่งยายยอน อวยพรให้ครอบครัวน้องชมพู่ขณะผูกข้อมือว่า "จากนี้ไปขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง เจอแต่เรื่องดี ๆ"
เมื่อพูดจบประโยคนี้ แม่น้องชมพู่ก็ร้องไห้ เนื่องจากทราบซึ้งน้ำใจของชาวบ้านที่ไม่เคยทิ้งให้ครอบครัวต้องเดียวดาย และต่อสู้กับการเสียชีวิตตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา รวมถึงยายยอน คนทำพิธีก็ร้องไห้เช่นเดียวกัน ตามด้วยยายกลม ผู้เฒ่าผู้แก่บ้านกกกอก เป็นผู้ที่ผูกข้อมือให้ครอบครัวน้องชมพู่ ต่อด้วยชาวบ้านกกกอกและกกตูม ที่ต่อแถวผูกแขนให้ครอบครัวน้องชมพู่ พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจอีกด้วย ช่วงที่มีการผูกแขนให้กับครอบครัวน้องชมพู่ จะมีพ่อแบม 1 ในพยานคดีนี้มาร่วมพิธีและผูกข้อไม้ข้อมือให้กับครอบครัวน้องชมพู่อีกด้วย
ในระหว่างที่ชาวบ้าน ผูกข้อมือให้กับครอบครัวน้องชมพู่ สีหน้าของแม่น้องชมพู่จะร้องไห้ อยู่ตลอดเวลา ส่วนทางด้านนายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อน้องชมพู่ ได้ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ขณะทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือว่า ตนรู้สึกตื้นตันใจ เพราะไม่คิดว่าชาวบ้านจะมาให้กำลังใจ มากมายขนาดนี้ ทางด้านนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ ก็ได้แสดงอาการที่ร้องไห้ ตื่นตันใจ และใช้มือปาดน้ำตาตลอดเวลา ทั้งนี้ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี รวมถึงสื่ออื่น ๆ ก็ได้ร่วมผูกข้อไม้ข้อมือ ให้กับครอบครัวน้องชมพู่อีกด้วย
หลังจากผูกข้อมือเสร็จ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า ในวันนี้ตนและครอบครัวรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ชาวบ้านที่มาในวันนี้ทำให้ตนรู้สึกว่าตนไม่ได้โดเดี่ยว "เราไม่ใช่มีกันแค่ 3 คน" แต่ตนมีชาวบ้านอยู่ด้วย เป็นชาวบ้านที่เป็นชาวกกกอกจริง ๆ ไม่ใช่มาจากต่างถิ่น เป็นคนที่ช่วยตามหาน้องชมพู่ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 "เขาทำให้เรารู้ว่า เขาอยู่ข้างเรา"
ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจครอบครัว วันนี้ตนได้เห็นหน้าแล้วว่าใครบ้างที่อยู่ข้างครอบครัว ไม่เคยเรียกร้องเงินทอง และคอยช่วยเหลือครอบครัวตนตลอดมา ตนซึ้งใจในคำพูดของชาวบ้านที่เข้ามาอวยพร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะอยู่กับตน และไม่ทิ้งตนไปไหน
นางสาวิตรี กล่าวอีกว่า ตนซึ้งใจ ดีใจ รู้สึกว่าไม่ได้โดดเดี่ยว ถึงแม้จะไม่มีคนในครอบครัว แต่ยังมีชาวบ้านอยู่ข้าง ๆ และมีคนไทยอีกมากมายที่ให้กำลังใจครอบครัวตัวเอง "แม่จะสู้จนตัวตาย จะไม่ยอมถอย จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้รับความยุติธรรม" ตลอดเวลาที่ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ตนคิดถึงลูกสาว อยากบอกลูกว่า ไม่มีใครทอดทิ้งแม่กับพ่อ พ่อแม่ไม่ได้เดียวดายแล้ว
หลังจากผูกข้อมือเสร็จ ยายยอน หมอธรรมบ้านกกตูม ก็ได้พรหมน้ำมนต์ให้กับครอบครัวน้องชมพู่ และผู้สื่อข่าว เพื่อเป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย พร้อมเรียกขวัญกำลังใจให้กลับคืนมา นอกจากนี้ ยังมีบูมน้อยร้อยเอ็ด ยูทูเบอร์ เดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวน้องชมพู่ด้วย โดยได้ไลฟ์สดผ่านช่องยูทูบ ก็ทำให้มีบรรดาแฟนคลับฝากมาให้กำลังใจจำนวนมาก จนกลายเป็นพิธีผูกแขนออนไลน์ หลังจากพิธีเอิ้นขวัญแล้ว ชาวบ้านได้ร่วมกันกินข้าวที่บ้านน้องชมพู่ โดยมีเมนูขนมจีน และลาบหมู ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น
หลังจากพิธีเอิ้นขวัญเสร็จ แม่น้องชมพู่ ยังได้แจกเสื้อครามสกลนคร กางเกงผ้าขาวม้า ที่เป็นสินค้าภายในร้านผ้าแม่ขมพู่ เป็นการตอบแทนชาวบ้านที่มาให้กำลังใจในวันนี้
เวลา 10.00 น. วันนี้ อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต ก็ได้เดินทางมาร่วมให้กำลังใจครอบครัวน้องชมพู่ด้วย โดยได้พูดให้กำลังใจ ก่อนทิ้งท้ายว่า "ให้อดทนอีก 3 เดือน จะมีข่าวดี"
ยายกลม ปู่ฝ้าย อายุ 77 ปี ผู้เฒ่าผู้แก่ประจำหมู่บ้านกกกอก ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนมาทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับครอบครัวน้องชมพู่ เพื่อให้มีความสุข อย่าเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะพิธีบายศรีสู่ขวัญจะต้องผู้ข้อมือและเรียกขวัญ พอเสร็จพิธีก็ร่วมกันดินข้าว ส่วนการเปล่งเสียงว่า "ชวา ชวา ชวา" เป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้กลับเข้าบ้านมาอยู่กับลูกหลาน คิดเงินให้ได้เงิน คิดทองให้ได้ทอง
ช่วงที่ตนได้ผูกข้อมือแม่น้องชมพู่ ตนได้บอกกับนางสาวิตรี ว่า ขอให้ครอบครัวมีความสุขอย่าเจ็บอย่าไข้ ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูก (น้องสะดิ้ง) อย่าเป็นห่วงชมพู่ ส่วนตัวแล้วก็รู้สงสารครอบครัวน้องชมพู่ เพราะครอบครัวน้องชมพู่เหมือนไม่มีญาติพี่น้อง แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
นายวัชรินทร์ กงแก่นท้าว หรือ พ่อแบม พยานในคดีนี้ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนได้มาให้กำลังใจครอบครัวน้องชมพู่ ซึ่งขณะที่เข้าไปผูกข้อมือให้กับแม่น้องชมพู่ ตนได้บอกกับนางสาวิตรีว่า ให้มีกำลังใจ มีสติ และเข้มแข็ง หลังจากนี้ตนคิดว่าครอบครัวน้องชมพู่ คงมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าชาวบ้านกกกอก ไม่มีทางทิ้งครอบครัวน้องชมพู่ ยังคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ เสมอ ตอนที่ตนเห็นนางสาวิตรี ร้องไห้ รู้สึกสงสาร คิดว่านางสาวิตรี ยังมีความเจ็บปวดหลงเหลืออยู่ในใจ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีความ ช่วงนี้ตนขอไม่ให้สัมภาษณ์ หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับพยาน เพราะตนได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว และยังไม่ถูกใครมาก่อกวนหรือข่มขู่
เวลา 10.30 น. นางส้มโอ หนึ่งในพยาน ได้เดินทางมาให้กำลังใจ และผูกข้อมือครอบครัวน้องชมพู่ พร้อมทั้งกล่าวให้กำลังใจแม่น้องชมพู่ว่า "เราจะไม่ทิ้งกัน จะอยู่เป็นเพื่อนกัน"
จากนั้นนางส้มโอ ได้บอกกับแม่น้องชมพู่ว่า นอกจากตนที่มาให้กำลังใจครอบครัวน้องชมพู่แล้ว ยังมีชาวบ้านกกตูมอีกหลายคน ที่ติดตามข่าวน้องชมพู่ และเห็นภาพแม่น้องชมพู่วันเดินออกจากศาล จ.มุกดาหาร ทุกคนก็ต่างสงสารแม่น้องชมพู่ และฝากกำลังใจให้ตัวเองมาบอกแม่น้องชมพู่ จากนั้นนางส้มโอ และแม่น้องชมพู่ก็สวมกอดกัน นางส้มโอ ได้หันไปพูดให้กำลังใจนายอนามัย และผูกข้อมือให้นายอนามัย และนายอนามัย ได้ตอบกลับนางส้มโอว่า "จะสู้จนตัวตาย"
หลังผูกข้อมือให้ครอบครัวน้องชมพู่เสร็จ นางส้มโอ ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 4 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา ชาวบ้านกกตูมได้ติดตามข่าวช่วงที่แม่น้องชมพู่เดินออกมาจากศาล จ.มุกดาหาร ที่ไปยื่นคัดค้านประกันตัวลุงพล ชาวบ้านบางคนที่ไม่เคยชอบแม่น้องชมพู่มาก่อน ถึงกลับร้องไห้เมื่อเห็นหน้าแม่น้องชมพู่ในข่าว เพราะชาวบ้านเห็นแล้วว่า แม่น้องชมพู่ ไม่มีใครยืนเคียงข้างจริง ๆ ทำให้ชาวบ้านกกตูม ฝากตนมาบอกแม่น้องชมพู่ว่า "ขอเป็นกำลังใจให้"
