กรณีนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ถูกออกหมายจับ 3 ข้อหา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 ก่อนถูกพบเสียชีวิตบนเขาภูเหล็กไฟ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้ว
ทีมข่าวเกาะติดบรรยากาศที่บริเวณด้านหน้าบ้านของลุงพล ตั้งแต่เวลา 22.30 น. พบว่าที่บ้านลุงพลปิดประตูหน้าต่างเงียบสนิท แต่ได้เปิดไฟหน้าบ้านและข้างบ้านให้ส่องสว่างไว้ รถกระบะของลุงพลได้จอดอยู่ที่ข้างบ้าน แต่ไม่พบการปรากฏตัวของลุงพล และคนในครอบครัวแต่อย่างใด มีเหล่ายูทูเบอร์ที่เกาะติดบรรยากาศหน้าบ้านลุงพล รวมถึงใช้โทรศัพท์และเปิดแฟลชส่องมาทางสื่อมวลชน
เวลา 23.00 น. บ้านลุงยังคงไร้ความเคลื่อนไหลของลุงพล ป้าแต๋น และครอบครัว ขณะที่กลุ่มยูทูเบอร์เริ่มทยอยเดินทางมาไลฟ์สดบบรยากาศที่ด้านหน้าบ้านลุงพลเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ (2 ม.ย.64) ลุงพลและป้าแต๋น ไปโผล่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าเข้ามอบตัวกับ ผบ.ตร.
ล่าสุดเวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวลุงพล ไปที่สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร โดยมีทนายตั้ม ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า หลักฐานที่ตำรวจใช้ประกอบสำนวนเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ เป็นหลักฐานโดยชอบอยู่แล้ว แต่การที่นำมายึดโยงกับคดีต้องมีพยานยืนยัน ซึ่งจนถึงขณะนี้มีพยานคนไหนออกมายืนยันได้ว่าลุงพลทำร้ายน้องชมพู่ หรือมีใครยืนยันว่าลุงพลไปจัดท่าทางให้ศพ ดังนั้นต้องมีพยานหลักฐานและพยานบุคคล ไม่ใช่การคาดเดาตามอารมณ์
ทั้งนี้ ลุงพลบอกตั้งแต่ต้นเเล้วว่า น้องชมพู่เคยขึ้นรถลุงพล ฉะนั้นตนคาดเดาได้เลยว่าเรื่องเส้นผม อย่างไรก็ต้องมีตกหล่นในรถหรือไม่ ดังนั้นตำรวจก็จะต้องเจอหลักฐานเส้นผมหลังจากเป็นคดีอยู่แล้ว ตนยืนยันว่าการเข้ามาทำงาน ตนก็จะต้องหาหลักฐานเบื้องต้น ใครจะวิจารณ์อย่างไรบนโลกโซเชียลฯ ย่อมแตกต่างจากการพิจารณาหลักฐานในชั้นศาลอยู่แล้ว อาทิ คลิปเสียงคนนินทากัน จริง ๆ แล้วตรวจสอบไม่ได้เลยว่าจะเอาผิดใครได้หรือไม่
นายผ่อง วิภา พ่อของลุงพล เดินทางมาให้กำลังใจลูกชาย และนั่งอยู่ที่หน้าบ้าน ทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุย โดยนายผ่อง เปิดเผยว่า ส่วนตัวทราบข่าวก็รีบเดินทางมาพร้อมกับลูกอีก 2 คน เพื่อมาดูเหตุการณ์ ส่วนตัวไม่รู้รายละเอียดที่เกิดขึ้น ที่เจอลุงพลล่าสุดเมื่อวันก่อนก็ยังปกติ ไม่ได้พูดอะไรให้ฟัง การไปหาครอบครัวครั้งนี้เป็นการเดินทางไปปกติ ไม่ได้ไปร่ำลาอะไร
ส่วนตัวยังเชื่อในตัวลูกชายว่าไม่ใช่คนก่อเหตุ ถึงแม้จะมีหมายจับออกมา ตอนนี้ตนก็ไม่ทราบว่าเรื่องราวต้องรอฟังข่าว ตนยังไม่สามารถติดต่อลูกชายได้ หากลูกชายถูกจับก็พร้อมจะไปประกันตัวเพื่อสู้คดี แต่หากลูกทำผิดก็ต้องได้รับโทษ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้มีความเครียด หรือกังวลอะไร ตนยังสู้เสมอและก็จะรอพูดคุยกับลูกชายอีกครั้ง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางจำลอง แดนกาไสย ชาวบ้านกกกอก ที่กำลังนั่งร้องไห้ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างตนไม่ทราบ ส่วนตัวไม่มีอะไรจะพูด วันนี้มีทั้งดีใจและเสียใจที่ทีมข่าวกลับมาบ้านกกกอกอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนนั่งเฝ้าหน้าบ้านทั้งคืน แต่ก็ไม่เห็นลุงพล ซึ่งตนไม่ทราบว่าลุงพลเดินทางออกไปตอนไหน แต่ทั้งคืนยืนยันว่าหน้าบ้านไม่เห็นใครเข้าออก
นายสมพร วิภา พี่ชายลุงพล เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ระบุว่า ตนทราบข่าวจากพี่สาวว่าจะมีการออกหมายจับ จึงเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้เพื่อมาให้กำลังใจลุงพล ส่วนตัวไม่ทราบในรายละเอียด ตนยังคงเชื่อมั่นใจตัวน้องชาย เพราะพฤติกรรมตั้งแต่วัยเด็กไม่มีทีท่าว่าจะโหดร้าย และตนไม่ทราบว่าลุงพลเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตอนนี้ก็รอฟังข่าวเช่นกัน เรื่องประกันตัวต้องให้ทางครอบครัวของลุงพลเป็นฝ่ายพูดคุยกับทนายอีกครั้งหนึ่ง
เวลา 18.40 น. นายไชย์พล วิภา ถูกคุมตัวออกจากห้องสอบปากคำที่ขั้น 5 ของอาคารกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ได้ทานข้าวกล่อง และออกจากห้องสอบปากคำ สีหน้ายิ้มแย้ม ไม่มีการมีพูดอะไร ทีมข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์การออกหมายจับ
หลังจากนั้นลุงพลถูกคุมตัวลงมาจากห้องสอบ มาที่ชั้น 2 มีสื่อมวลชนรออยู่จำนวนมาก และมีประชาชนบางส่วนมาให้กำลังใจ เคาะกระจกรถบอกให้สู้ ๆ นอกจากนี้ยังมีเด็ก ๆ มารอใช้ไอแพดถ่ายรูป ลุงพลจึงได้หันมาชู 2 นิ้วให้กับคนที่มารอ ส่วนเหล่ายูทูเบอร์บางส่วนได้ร้องไห้ออก ลุงพลจึงหันกลับมามอง พร้อมกับยกนิ้วโป้งออกมาจากในรถ โดยมีทนายษิทรา เดินตามอยู่ไม่ห่าง ส่วนป้าแต๋น ระบุว่าสั่น ๆ ว่า ตนได้กินข้าวแล้ว ยอมรับว่ามีความกังวลเล็กน้อย แต่หากพูดถึงเรื่องคดี ตนขอให้รอดูในชั้นศาล
เวลา 11.30 น. แม่น้องชมพู่ได้ดูคลิปตอนที่ลุงพล อยู่ใน สตช. จากนั้นให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนจะเดินทางไปที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร เพื่อคัดค้านการประกันตัวนายไชย์พล วิภา เนื่องจากว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมคุกคาม ที่ผ่านมาตนก็รู้สึกไม่ปลอดภัย และก่อนหน้าที่จะให้สัมภาษณ์ ตนก็ได้ดูคลิปตอนที่ตำรวจคุมตัวเขาแล้ว ท่าทีของลุงพลที่ตนเห็นนั้น เขาได้แสดงอาการเหวี่ยงใส่เจ้าหน้าที่ ตนยืนยันว่าพฤติกรรมนี้ตนไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก แต่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้แล้ว และตนก็อยากให้สังคมวิจารณ์กันเองว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่เขายื้อยุดฉุดกระชากกับตำรวจ ก็ขัดแย้งกับที่เขาบอกว่าจะไปมอบตัว ตนคิดว่าเขาไปถึงตำรวจแล้ว เขาควรจะอยู่นิ่ง ๆ กว่านี้
กรณีที่มีรายงานว่า พล.ต.อ สุวัตน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร จะเดินทางมาพบกับตน และนายอนามัย หลังจากนี้ ตนก็รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และอยากขอบคุณท่าน ผบ.ตร มาก ๆ ที่ทำให้ครอบครัวของตนได้พบกับความยุติธรรม
จากนั้นแม่น้องชมพู่ พร้อมกับพยานในคดี อาทิ พ่อแบม นางดอน ก็ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร เพื่อยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัวนายไชย์พล วิภา ขณะนี้อยู่นะหว่างเดินทาง คาดว่าน่าจะถึงศาล เวลาประมาณ 13.00 น.
เวลา 14.00 น. พ่อและแม่ของน้องชมพู่ ได้เดินทางมาที่ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร และพูดคุยกับนายเดชา คุณสุทธิ์ ทนายความแม่น้องชมพู่
ทนายเดชา เปิดเผยว่า สาเหตุที่ยื่นคัดค้านการประกันตัวนายไชย์พล เพราะเกรงว่าหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัว ครอบครัวผู้เสียหายอาจจะไม่ได้รับความปลอดภัย เนื่องจากขณะนี้ทราบกันดีว่านายไชย์พล เป็นคนดังมีอิทธิพลในพื้นที่ เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และเกรงว่าจะหลบหนี โดยคำร้องที่ยื่นคัดค้านการประกันตัวในวันนี้ ประกอบด้วยคำร้องของผู้เสียหาย พ่อกับแม่น้องชมพู่ และพยานสำคัญอีก 1 ปาก (พ่อแบม) ในวันนี้ได้ยื่นคัดค้านประกันตัวในชั้นสอบสวน ส่วนการยื่นคัดค้านประกันตัวในชั้นศาล ตนจะยื่นอีกครั้งในวันที่ 4 มิ.ย.64
