เซ่นพิษโควิด-19 โชเฟอร์แท็กซี่โทรลาตายคนใกล้ชิด สั่งเสียคำสุดท้ายก่อนดิ่งเจ้าพระยา (คลิป)

1 มิ.ย. 64

กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "survive สายไหมต้องรอด" ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า "แท็กซี่​ โดดเจ้าพระยา​ดับ! ทิ้งไว้เพียงรองเท้าต่างหน้า พร้อมกับคำพูดที่บอกว่า "ผมสู้ชีวิตไม่ไหวแล้ว ให้เจ้าของอู่รถแท็กซี่ มาเอารถคืนที่กลางสะพานพระราม 7" ก่อนจะโดดลงน้ำเจ้าพระยาและจมหายไป 02.10 น. สภ.บางกรวย รับแจ้งมีผู้พยายามจะกระโดดจากสะพานพระราม 7 อาสาสมัครหลายสายเร่งรัดตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือแต่ไม่ทัน ศพลอยติดเทียบท่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตบางกรวย"

585857

ล่าสุดวันที่ 1 มิ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังอู่แท็กซี่ที่ผู้เสียชีวิตทำงาน บริเวณ สตรีวิทยา 2 ซอย 29 เขตลาดพร้าว แขวงลาดพร้าว กรุงเทพฯ 

178457

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางพนิดา เสงี่ยมพันธ์ อายุ 65 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สามีของตนที่เสียชีวิต คือ นายนามเดช เสงี่ยมพันธ์ อายุ 63 ปี คบหาดูใจกันมานาน 40 กว่าปี ปกติสามีเป็นคนที่นิสัยดี รักตนมาก ขยันทำมาหากิน ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ กระทั่งช่วงหลังมานี้มีสถานการณ์โควิด-19 สามีก็เกิดความเครียด และมักจะมาบ่นให้ตนฟังอยู่บ่อยครั้งว่า "เครียดหาเงินได้น้อยเงินไม่พอใช้จ่ายในแต่ละวัน" ซึ่งตนก็จะเป็นคนที่คอยให้กำลังใจสามีเสมอ 

156884

กระทั่งวันเกิดเหตุ (30 พ.ค.64) ช่วงเวลา 22.00 น. ก่อนที่สามีจะออกไปขับรถแท็กซี่ สามีได้บ่นกับตนอีกครั้งว่า "อยากตาย จะไปกระโดดน้ำตาย" เมื่อตนได้ยินก็คอยปลอบเหมือนทุก ๆ ครั้ง โดยที่ไม่คิดว่าสามีจะไปก่อเหตุจริง ๆ  จนเวลาผ่านไป 01.00-02.00 น. เจ้าของอู่แท็กซี่ และเพื่อนคนขับแท็กซี่ของสามีได้โทรศัพท์มาบอกกับตนว่า นายนามเดช ไปก่อเหตุกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยา แถวสะพานพระราม 7 จนเสียชีวิต

180657

โดยก่อนจะกระโดด สามีได้โทรศัพท์ไปบอกเจ้าของอู่แท็กซี่ว่า ให้มารับรถแท็กซี่คืนที่กลางสะพานพระราม 7 โดยสามีได้ถอดรองเท้าทิ้งไว้ ริมสะพานก่อนกระโดดน้ำ ศพของสามีลอยเหนือน้ำไปติดอยู่บริเวณท่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตบางกรวย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางกรวย พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย จึงนำศพส่งชันสูตรก่อนจะนำศพไปทำพิธีที่วัดโพธิ์บางโอ ต.บางกรวย จ.นนทบุรี

873499

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็รู้สึกเสียใจและยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของสามีอย่างกะทันหัน ถ้ามีโอกาสได้พูดกับสามีตนก็อยากจะบอกว่า "ไม่น่าทำแบบนี้เลย" ส่วนสาเหตุตนเชื่อว่า มาจากปัญหาความเครียดเรื่องขาดรายได้ช่วงโควิด-19 ทำให้สามีคิดสั้นฆ่าตัวตาย ทั้งนี้ตนอยากจะให้เคสนี้เป็นเคสอุทาหรณ์เตือนภัยกับคนในสังคมว่า อยากจะให้บุคคลที่คิดในลักษณะนี้ นึกถึงคนข้างหลังให้มาก หากตัดสินใจทำลงไปแล้วจะได้รับผลกระทบอย่างไรกับคนข้างหลังบ้าง หลังจากนี้ตนก็จะต้องสู้ชีวิตต่อไป แต่โชคดีที่หลังจากสามีเสียชีวิต เจ้าของอู่ก็ได้ร่วมสมทบทุนมอบเงินให้ตนไว้ติดตัว ประมาณ 10,000 บาท

665431

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางพันจิรา ธนศักดิ์เมธิน อายุ 62 ปี เจ้าของอู่แท็กซี่ เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตได้เข้ามาทำงานอยู่ในอู่ของตนได้เกือบ 2 ปีแล้ว ปกติเขาเป็นคนนิสัยดี ชอบช่วยเหลือเพื่อน ๆ คนขับแท็กซี่ ยกตัวอย่างเช่นเวลากินข้าวเสร็จ ก็มักจะเป็นคนช่วยเก็บกวาดเช็ดถูหรือล้างจานให้กับเพื่อน ๆ ซึ่งตนมองว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง

896574

กระทั่งช่วงหลังมานี้ที่มีสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด เขาก็เริ่มมีความเครียด และเคยมาพูดปรึกษาตนเรื่องรายได้ลดลง ตนจึงปรับเปลี่ยนช่วยเหลือลูกน้องในส่วนของค่าเช่ารถ จากปกติอยู่ในราคา 700 บาท ก็เหลือเพียง 400 บาท นอกจากนั้นผู้เสียชีวิตเคยมาขอข้าวสารจากอู่ เพื่อนำกลับไปทำกินกับภรรยาที่บ้าน เนื่องจากไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ตนก็ยังเคยแบ่งปันให้ เนื่องจากเห็นใจในเศรษฐกิจยุคนี้ กระทั่งก่อนเสียชีวิต ช่วงเวลา 01.00 น. ผู้เสียชีวิตได้โทรศัพท์มาบอกกับตนว่า "ขอให้แม่มีแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต หลังจากนี้ผมจะกระโดดน้ำตาย เนื่องจากทนไม่ไหว จะจอดรถแท็กซี่ไว้ที่กลางสะพานพระราม 7 และให้แม่มารับรถแท็กซี่คืน" ก่อนจะตัดสายไป

739683

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตนจึงรีบประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้าช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว หลังเกิดเหตุตนก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนพูดอะไรไม่ออก แต่ตนและเพื่อน ๆ คนขับแท็กซี่ ได้รวบรวมเงินเพื่อเป็นทุนไว้ให้ภรรยาของผู้เสียชีวิต เป็นจำนวนเงิน 7,640 บาท

776568

นายพันเดช มีอยู่ อายุ 41 ปี เพื่อนสนิทผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ปกติแล้วผู้เสียชีวิตเป็นคนนิสัยดี ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร เพื่อนฝูงรักใคร่ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยบ่นน้อยใจอะไร

775314

กระทั่งหลังจากมีสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ผู้เสียชีวิตก็มาบ่นให้ตนฟังอยู่บ่อยครั้งว่า "ช่วงนี้หาเงินลำบากมากขึ้น ทำให้ชีวิตลำบาก" เมื่อตนได้ยินตนก็คอยปลอบผเหมือนทุก ๆ ครั้ง เสมือนเป็นการให้กำลังใจ

โดยวันเกิดเหตุ ช่วงเวลาเที่ยงคืนขณะที่ตนขับแท็กซี่รับส่งผู้โดยสาร ตนไปพบรถของผู้เสียชีวิตชนท้ายกับรถแท็กซี่อีกคันหนึ่ง บริเวณสี่แยกวังหิน ทำให้รถแท็กซี่ของผู้เสียชีวิตที่เป็นฝ่ายชนท้าย ได้รับความเสียหายบริเวณไฟหน้าแตก กระจังหน้ามุมขวาแตก สีข้างด้านขวาเป็นรอยถลอก ตนก็พยามสอบถามว่าขับรถมาทำอะไรบริเวณนี้ จึงได้คำตอบว่า "กูจะไปกระโดดน้ำตาย ช่วงนี้แย่เงินมันหายาก" ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าเพื่อนจะไปกระโดดน้ำตายจริง ๆ กระทั่งมาทราบข่าวก็รู้สึกตกใจ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันมาก ๆ 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส