เจ้าของรีสอร์ต เผยจับพิรุธหนุ่มกุเรื่องถูกแอบถ่าย โทรลวงขอให้รับผิดชอบ รู้ทันโร่แจ้งความก่อน

15 ส.ค. 61
จากกรณีนายณรงค์ฤทธิ์ หรือ ต้น อายุ 34 ปี พนักงานธนาคาร แจ้งความร้องเรียนว่าถูกแอบถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์กับแฟน ในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง แต่หลังจากตรวจสอบแล้ว เจ้าตัวรับสารภาพว่า ตัวเองกุเรื่องขึ้นมาเอง ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหาคือ แจ้งความอันเป็นเท็จต่อพนักงานตาม ป.อาญา มาตรา 137, รู้ว่ามิได้มีความผิดอาญาเกิดขึ้น แจ้งข้อความต่อเจ้าพนักงานสอบสวน หรือพนักงานผู้มีอำนาจว่าได้มีการกระทำความผิด และพยายามกรรโชกทรัพย์ พร้อมควบคุมตัวไว้ที่ห้องควบคุม สภ.เมืองเพชรบูรณ์ กระทั่งญาติขอยื่นประกันตัวในช่วงค่ำวานที่ผ่านมา (14 ส.ค. 61) ด้วยหลักทรัพย์ 10,000 บาท นอกจากนี้ มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องหาเกิดความเครียด ใช้หัวโขกกับผนังห้องด้วยนั้น
พ.ต.ท.ภูเบศ แสงอร่าม รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์
วันที่ 15 ส.ค. 61 เวลา 15.00 น. พ.ต.ท.ภูเบศ แสงอร่าม รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า กรณีผู้ต้องหาใช้หัวโขกกับผนังห้องขังนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งขณะนั้น คาดว่าผู้ต้องหาเกิดความเครียด และบ่นคิดถึงลูก เดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องขัง โดยใช้มือ 2 ข้าง ยันไว้กับกำแพงแล้วโยกตัวไปมาเท่านั้น ไม่ได้มีการทำร้ายตัวเองแต่อย่างใด นอกจากนี้ ภายในห้องคุมขังยังได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ เพื่อดูความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาตลอด 24 ชม. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสิบเวรปฏิบัติหน้าที่ดูแลห้องคุมขัง หากพบว่ามีเหตุผิดปกติจะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที ส่วนคลิปที่ผู้ต้องหานำมาให้ตรวจสอบนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พิจารณาอย่างละเอียด พร้อมทั้งสอบสวนนานหลายชั่วโมง ผู้ต้องหาก็ไม่สามารถมายืนยันตำหนิของตัวเองกับแฟนสาวได้ อีกทั้งในคลิปก็ไม่ปรากฏหน้าตาที่เห็นชัดเจน กระทั่งผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นการกุเรื่องอ้างขึ้นมา ส่วนจุดประสงค์ของการกระทำนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสอบสวนจะได้ทำการสอบสวน และส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีต่อไป
น.ส.อินชริตา พงษ์วราพัฒน์ ลูกสาวเจ้าของรีสอร์ต
ด้านน.ส.อินชริตา พงษ์วราพัฒน์ ลูกสาวเจ้าของรีสอร์ต ซึ่งเป็นผู้รับโทรศัพท์ครั้งแรกจากนายณรงค์ฤทธิ์ เปิดเผยว่า ตนไม่รู้จักกับผู้ต้องหามาก่อน โดยในวันที่แรกที่นายณรงค์ฤทธิ์โทรมาแจ้งว่ามีคลิปของตัวเองกับแฟนสาว ถูกแอบถ่ายจากรีสอร์ตของตน แล้วถามตนว่าทางรีสอร์ตจะรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ซึ่งขณะนั้นตนคิดในใจว่าผู้ต้องหาเป็นมิจฉาชีพแน่นอน เพราะรีสอร์ตตนไม่ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ต่อมานายณรงค์ฤทธิ์ โทรศัพท์มาอีกครั้ง โดยแจ้งว่า ทนายความบอกว่าห้ามให้ทางรีสอร์ตมีการเคลื่อนย้ายสิ่งของใด ๆ ภายในห้อง แล้วรอจนกว่ารีสอร์ตจะรับผิดชอบ หากไม่รับผิดชอบทางนายณรงค์ฤทธิ์ก็จะไปแจ้งความ ตนมองว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าหากมีการแอบถ่ายลูกค้าจริง ซึ่งจะมีผลกระทบกับรีสอร์ตตนด้วยอย่างแน่นอน ตนจึงได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ จนกระทั่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพเอง
นายณรงค์ฤทธิ์ หรือ ต้น พนักงานธนาคาร ผู้ต้องหา

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ