จากกรณีนายอำนาจ แซ่ตั้ง อายุ 53 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนางสาวกนกภัทร หรือ น้ำฝน อายุ 19 ปี อ้างว่าเป็นแฟนสาว 7 นัด เสียชีวิตบนรถเเท็กซี่ เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 26 พ.ค.64 บริเวณริมถนนพระราม 2 ใกล้หน้าห้างบิ๊กซี สาขาพระราม 2 เขตบางขุนเทียน หลังก่อเหตุนายอำนาจถูกตำรวจรวบตัวได้ รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุอ้างว่าโมโหที่ฝ่ายหญิงตีตัวออกห่าง หลังคบกันมานานถึง 7 ปีนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ลุงยิงหมดแม็กสังหารโหดสาวรุ่นลูก แค้นคบ 7 ปีหักดิบขอเลิก เปิดวงจรปิดเดินหนีสุดใจเย็น
ล่าสุด วันที่ 27 พ.ค. 64 ครอบครัวประกอบด้วยพ่อและแม่ของน้องน้ำฝนเข้ารับศพลูกสาว ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เพื่อนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดบางบอน บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นายวิโรจน์ พ่อของผู้เสียชีวิต บอกว่าเมื่อวานก่อนเกิดเหตุ เวลา 07.30 น. ตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ไปส่งลูกสาวขึ้นรถเมล์บริเวณถนนพระราม 2 ซอย 98 เพื่อเดินทางไปยังมหาวิทยาลัย ปกติเเล้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง โดยทุกครั้งเมื่อเดินทางถึงลูกสาวจะโทรมาบอก แต่ในวันดังกล่าวตนรอจนถึงเวลา 08.40 น. ลูกสาวยังไม่โทรมา จึงตัดสินใจโทรหา ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่รับสาย แจ้งว่าลูกสาวถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ตนรีบเดินทางไปก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นตนยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตนเองยังทำใจไม่ได้ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา 3 คน พ่อแม่ลูกจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ตนเองจะมีหน้าที่ดูแลไปรับ-ไปส่งลูกสาวที่โรงเรียน ตั้งเเต่ชั้นประถม มัธยม จนถึงมหาวิทยาลัย แม้เเต่เมื่อวานก่อนเกิดเหตุตนก็เพิ่งขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งลูกสาวขึ้นรถเมล์ ลูกสาวอยู่ในสายตาตลอดเวลา
แต่ผู้ต้องหากลับอ้างว่ารู้จักกับลูกสาวมานานกว่า 7 ปี ตนเองจึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะขณะนั้นลูกสาวอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น อยู่ในความดูเเลของครอบครัวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งผลการเรียนก็ไม่ได้ตกต่ำ น้องจะได้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.70 ได้ทุนการศึกษาเรียนดีในระดับมหาวิทยาลัย เป็นไปไม่ได้ที่จะนอกลู่นอกทาง
ส่วนกรณีที่คนร้ายอ้างว่ามีการส่งเสีย ส่งเงินให้ลูกสาวใช้เกือบล้านบาท ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเงินค่าเทอม ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของลูกมาจากพ่อเเม่ อีกทั้งจากการสังเกตลูกสาวก็ไม่มีสัญญาณใดบ่งบอกว่าจะมีเงิน ลูกสาวเป็นคนที่มีความกตัญญูสูง เคยบอกกับตนพ่อว่า "พ่ออดทนหน่อยนะ อีก 3 ปี ถ้าหนูเรียนจบแล้วมีงานทำ ชีวิตเราคงจะดีขึ้น" เป็นคำคำพูดของลูกสาวที่ก้องอยู่ในหัวใจของตนตลอด สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุ ตนยืนยันว่าจะไม่ขออโหสิกรรมให้ เพราะมีความโหดเหี้ยมผิดมนุษย์
สำหรับผู้ตาย มีค่าใช้จ่ายค่าเทอม 37,000 บาท แต่สอบชิงทุนได้ ทำให้ได้ส่วนลดค่าเทอมเหลือ 12,000 บาท ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายประจำวัน พ่อให้เงินวันละ 150 บาท และผู้ตายสอนพิเศษออนไลน์ วิชาคณิตศาสตร์กับชีวศึกษา ได้ชั่วโมงละ 250 บาท
ปกติผู้ตายออกจากบ้านประมาณ 07.30 น. และถ้าไม่ได้กินข้าวจากบ้าน จะออกเวลา 06.30 น. กลับบ้านเวลา 18.30 - 19.00น. ซึ่งเป็นเวลาประจำทุกวันทำให้ผู้ก่อเหตุไปดักรอได้พอดี
ด้านนางพัทยา แม่ของผู้เสียชีวิต ที่ยังอยู่ในอาการเสียใจ ร้องไห้ตลอดเวลา บอกว่า ตนไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน เยืนยันว่าที่ผ่านมาครอบครัวไม่ได้ยากจน ตนดูแลลูกเป็นอย่างดี จึงไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องให้ใครมาส่งเสีย จากคำอ้างของผู้ต้องหานั้นตนเองก็รับไม่ได้ อยากให้เขาพูดความจริง อยากให้ได้รับโทษสูงสุด เพราะพฤติกรรมโหดร้ายเกินไป
กลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิต ตั้งเเต่สมัย ม.1 จนถึงระดับมหาวิทยาลัย ยืนยันว่าผู้ตายเป็นคนนิสัยดี ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ส่วนผู้ก่อเหตุ เพื่อน ๆ ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เพิ่งเห็นครั้งเเรกจากข่าว ก็ไม่ทราบว่ารู้จักกับผู้ตายตั้งเเต่เมื่อไร เเต่ยืนยันว่าช่วงมัธยมผู้ตายไม่มีเเฟน ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่ามีคนตามคุกคาม ถึงขั้นได้ไปเเจ้งความกับตำรวจ แต่ผู้ตายไม่ได้บอกว่าผู้ที่คุกคามเป็นใคร เพื่อนเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ เรื่องดังกล่าวผู้ตายไม่เคยบอกพ่อเเม่หรือคนในครอบครัวเลย จะบอกเฉพาะเพื่อนที่สนิทกัน เนื่องจากนิสัยส่วนตัวของผู้ตายเป็นคนเก็บความรู้สึก ชอบจัดการปัญหาชีวิตเอง เพราะไม่อยากให้พ่อเเม่เป็นห่วง
ทั้งนี้ เพื่อน ๆ ก็ไม่คิดว่าหลังจากนั้นเพื่อนจะถูกยิงเสียชีวิต เชื่อว่าสิ่งที่ผู้ก่อเหตุอ้างนั้นเป็นคำโกหกเพื่อเอาตัวรอด จึงอยากถามผู้ก่อเหตุว่า "คุณรู้ไหมว่าการกระทำเพียงครั้งเดียวของคุณ สร้างความเสียใจให้คนกี่คน ทั้งพ่อเเม่ ครอบครัว เพื่อน คนรอบข้าง ทุกคนยังทำใจไม่ได้ คุณบอกว่าตั้งใจมาเคลียร์ เเล้วพกปืนมาทำไม พฤติกรรมแบบนี้เป็นการจงใจมาฆ่า มองว่าเป็นการใตร่ตรองไว้ก่อน" นอกจากนี้ยังขอฝากถึงโซเชียลขอความเป็นธรรม วอนหยุดโจมตีผู้ตาย เพราะตอนนี้ครอบครัวบอบช้ำมากพอเเล้ว
ส่วนด้านนายอำนาจ แซ่ตั้ง อายุ 53 ปี ผู้ต้องหา ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องคุมขัง ตำรวจเตรียมสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อประกอบสำนวนคดี ก่อนนำตัวไปฝากขังในวันพรุ่งนี้