เปิดใจรปภ.ฝันเป็นตำรวจติดยศผู้กองเก๊ยิงขู่ เพื่อนบ้านงงใส่คอมแบตเหน็บปืน 14 ปี (คลิป)

ความคืบหน้าคลิปหนุ่มใหญ่ใส่เครื่องแบบคล้ายตำรวจขี่รถจักรยานยนต์ ทะเบียนโล่ตำรวจ ยิงปืนขึ้นฟ้า ในพื้นที่สามแยกประชาอุทิศ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

ล่าสุด จับชายรายดังกล่าวได้แล้ว มีอาชีพเป็น รปภ. ก่อนหน้านี้เป็นลูกจ้างร้านอาหาร พร้อมตรวจยึดของกลางปืนที่ใช้ก่อเหตุ เครื่องแต่งกายคล้ายชุดตำรวจ และรถจักรยานยนต์ ทะเบียนรถด้วยนั้น

ต่อมาวันที่ 26 พ.ค.64 เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ได้ติดตามชายคนดังกล่าวในเส้นทางที่มีกล้องวงจรปิดตามโครงการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จนกระทั่ง ทราบว่าชายคนดังกล่าวได้ขับขี่มุ่งหน้าเข้าเคหะดอนเมือง ซ.ช่างอากาศอุทิศ 15 แขวง/เขตดอนเมือง กทม. ทราบตัวผู้ก่อเหตุคือ นายธเนศพลฯ อายุ 57 ปี จึงประสานกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมตัวพร้อมของกลาง ประกอบด้วย

อาวุธปืนบีบีกัน จำนวน 3 กระบอก เครื่องกระสุนปืนบีบีกัน 20 นัด เครื่องแบบยศร้อยตำรวจเอก (ติดอาร์มกองปราบปราม) จำนวน 1 ชุด วิทยุสื่อสาร จำนวน 3 เครื่อง ชุดเสื้อผ้าที่ใช้วันก่อเหตุ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีขาว ทะเบียนตราโล่ 94156 จำนวน 1 คัน

ล่าสุด วันที่ 27 พ.ค. 64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลตั้งโต๊ะแถลงการจับกุม นายธเนศพล ชูประยูร ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า นำโดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวว่า จากการสอบถามเบื้องต้น นายธเนศพล ให้การว่าไม่ได้เป็นตำรวจแต่อย่างใด ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างร้านอาหาร

ส่วนรถจักรยานยนต์เป็นรถส่วนตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนว่าทะเบียนโล่ดังกล่าวนั้นเป็นทะเบียนโล่ของทางราชการจริง ซึ่งเลขทะเบียนคือเลขทะเบียนที่ได้มีการแจ้งการสูญหายมาก่อนหน้า จะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่านายธเนศพลได้มาได้อย่างไร

ส่วนสาเหตุที่ได้ทำการยิงปืนนั้น เนื่องจากเกิดเหตุทะเลาะมีปัญหาเรื่องการขับขับขี่รถบนท้องถนน จึงนำอาวุธปืนยิงเพื่อขู่ให้ตกใจกลัว เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน, พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม นำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในส่วนเครื่องแบบตำรวจ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่าเคยมีการแต่งกาย เครื่องแบบตำรวจ ในการกระทำอื่นที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนหรือไม่นั้น ขณะนี้จะได้ทำการตรวจสอบและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป โดยผู้ต้องหาให้การสารภาพเพิ่มเติมว่าชื่นชอบชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจอยากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงหาเครื่องแบบตำรวจและอุปกรณ์ต่าง ๆ มีไว้ครอบครอง และแต่งกาย โดยขณะนี้กำลังจะขยายผลเพิ่มเติมถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงต่อไป

วันที่ 27 พ.ค. 64 ช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง คุมตัวนายธเนศพล สุขประยูร อายุ 57 ปี ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ บริเวณสามแยกประชาอุทิศม่วงมณีร่วมใจ ซอยประชาอุทิศ 1 เขตดอนเมือง โดยจุดแรกเมื่อไปถึง เป็นสามแยกที่นายธเนศพลขี่รถจักรยานยนต์กำลังมุ่งหน้าไปทางแยกศิริสุข แต่ในขณะที่ผ่านสามแยกประชาอุทิศม่วงมณีร่วมใจ ปรากฏฎว่ามีรถยนต์ของคู่กรณีขับออกมาจากแยกทางซ้ายแล้วปาดหน้า ทำให้นายธเนศพลที่ขี่รถจักรยานยนต์มาทางตรงอยู่เสียหลักเซ จึงเกิดความไม่พอใจ จึงขี่รถจักรยานยนต์ต่อไปยังทางแยกศิริสุขนำหน้ารถคู่กรณีแบบช้า ๆ

จุดที่ 2 มุ่งหน้าตรงมาประมาณ 30 เมตร จากสามแยกประชาอุทิศม่วงมณีร่วมใจ และหยิบปืนขึ้นยิง 1 นัด และขับตรงต่อไปอีกอย่างช้า ๆ ประมาณ 50 เมตร หยิบปืนขึ้นมายิงนัดที่ 2 ในจุดที่ 3 รถคันดันกล่าวพยายามจะเบี่ยงหนี โดยผู้ต้องหาก็ขับพยายามขวางหน้ารถตรงมาอีก 50 เมตร ก่อนถึงทางสามแยกช่วงบริเวณต้นกล้วย ได้ยิงปืนเป็นนัดที่ 3 โดยตลอดระยะทางประมาณ 200 เมตรก่อนถึงแยกศิริสุข นายธเนศพลได้ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าจำนวน 3 นัด จากนั้นรถคู่กรณีได้เลี้ยวขวาก่อนถึงแยกศิริสุข นายธเนศพลยืนยันไม่ได้ยิงตามรถคู่กรณีแต่อย่างใด

นายธเนศพล ผู้ต้องหา บอกว่า สาเหตุที่ทำลงไปเพราะตนถูกขับรถปาดหน้า ทำให้ต้องเบรกกะทันหัน แล้วเสียหลักเกือบจะล้มตกร่อง เลยหงุดหงิดโมโห เพราะเพิ่งจะออกเวรมาด้วย จึงใช้ปืนหยิบมายิงขู่ประมาณ 2-3 นัด ส่วนตัวทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย และมีความชื่นชอบรักอาชีพตำรวจมาก จึงเก็บสะสมเครื่องแบบตำรวจมาตลอด โดยเฉพาะเครื่องแบบตำรวจที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า และจะชอบเอาออกมานั่งดูด้วยความภาคภูมิใจ และใส่เฉพาะเวลาอยู่ภายในบ้าน ยืนยันว่าไม่ได้ใช้เครื่องแบบตำรวจไปขู่หรือรีดไถใคร

ในส่วนเรื่องของทะเบียนโล่ตำรวจนั้น นายธเนศพล ให้ข้อมูลว่าตนเก็บมาได้ เนื่องจากเมื่อ 2-3 ปีก่อน เห็นว่าทะเบียนดังกล่าวหล่นอยู่บนพื้นถนน บริเวณถนนวิภาวดี หน้าทหารผ่านศึก จึงเก็บเอาไว้โดยไม่ได้แจ้งใคร เพราะไม่ได้คิดอะไร ทั้งนี้ ตนอยากขอโทษสังคมและทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับการกระทำดังกล่าว ยอมรับว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับสังคม

ป๋าแอ๊ด วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างใกล้เคียง กล่าวว่า ตนเคยเห็นนายธเนศพล แต่ตนไม่ทราบชื่อของชายคนดังกล่าว  เห็นมานานประมาณ 14 ปีตั้งแต่ตนมาเป็นวินมอเตอร์ไซค์ที่นี่ เห็นพักอาศัยยังตึกตัวคนเดียว และเคยพบเห็นสวมใส่ชุดตำรวจครึ่งท่อน กางเกงสีกากี เสื้อแจ็กเก็ตสีดำ รองเท้าหนังมันวาวที่เป็นเหมือนของรองเท้าตำรวจ อีกทั้งยังพกปืนติดตัวด้วย 1 กระบอก

ตนเห็นชายคนดังกล่าวเดินไปเดินมาซื้อของขับรถคันสีขาวป้ายทะเบียนตำรวจอยู่ทุกวัน ก็คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง แต่เมื่อมาทราบในช่วงเช้าที่ผ่านมาจากการดูข่าวอมรินทร์ทีวี ระบุว่าไม่ใช่ตำรวจจริง ตนก็แปลกใจเพราะคงคิดว่าเป็นคนสติไม่ดี เพราะผู้คนสติดีคงไม่นำเครื่องแบบตำรวจมาสวมใส่เดินเล่นแน่นอน

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่านายธเนศพลไม่เคยพูกคุยกับตน และไม่เคยสวมชุดตำรวจมาใช้อำนาจหรือเก็บค่าเช่าที่หรือมาก่อความเดือดร้อนให้ตนแต่อย่างใด

จากการสอบถามเพื่อนบ้าน ผู้พักอาศัยตึกเดียวกันกับนายธเนศพล เล่าว่า คนแถวนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่านายธเนศพลไม่ได้มีอาชีพเป็นตำรวจจริง ส่วนสาเหตุที่สวมใส่ชุดตำรวจนั้นก็ไเพราะคนเขาชื่นชอบในอาชีพตำรวจ และพ่อของผู้ต้องหาเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเสียชีวิตไปนานแล้ว ตนเห็นนายธเนศพลสวมใส่ชุดตำรวจทุกวัน แต่ไม่เคยมาข่มขู่ชาวบ้านหรือใคร ๆ ในชุมชนเลย แต่เมื่อปีที่ผ่านมา นายธเนศพลเคยนึกอยากยิงปืน ก็ยิงข้ามฝั่งไปยังฝั่งตึกตรงข้ามที่อยู่ห่างกันประมาณ 15 เมตร ตนไม่มีกล้าเข้าไปยุ่งหรือพูดคุยกับเขา