หมอศิริราช ชี้ยอดดับโควิดถึงหลักพัน ปอดอักเสบนับหมื่น ซัดกระจายวัคซีนบิดเบี้ยว-ขอรัฐสื่อสารความจริง

26 พ.ค. 64

นพ.นิธิพัฒน์ หมอศิริราช ชี้ยอดดับโควิดถึงหลักพัน ปอดอักเสบนับหมื่น ซัดกระจายวัคซีนบิดเบี้ยว-ขอรัฐสื่อสารความจริง

วันที่ 25 พ.ค.64 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และนายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย โพสต์ผ่านภาพและข้อความกรณีการระบาดโควิด-19 และผู้ป่วยปอดอักเสบ ระบุ 

ด่วน! ศบค.สั่งชะลอลงทะเบียนผ่าน หมอพร้อม ปรับแผนกระจายวัคซีนใหม่

“โควิดระลอกนี้ได้มีโอกาสพบเห็นลักษณะทางคลินิกและลักษณะทางรังสีวิทยาหลากหลายกว่าสองระลอกแรก เนื่องจากมีผู้ป่วยกว่าแสนคนภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน แน่นอนย่อมมีผู้ป่วยปอดอักเสบเรือนหมื่น และผู้เสียชีวิตน่าจะขึ้นไปถึงหลักพัน

หญิงอายุ 78 ปี มีโรคความดันโลหิตสูงอยู่เดิม วันที่ 16 ของโรคอาการปอดอักเสบดีขึ้น เอกซเรย์ปอดก็ดีขึ้นดังรูป แต่ยังไม่สามารถหยุดออกซิเจนที่ให้เสริมได้ ทำให้สงสัยว่าอาจมีลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดแดงปอด แต่เมื่อส่งทำซีทีสแกนพบว่าหลอดเลือดแดงปอดเป็นปกติ พบแต่ลักษณะฝ้าขาวเป็นวงด้านนอกของปอดทั่วไป และเริ่มมีพังผืดแทนที่ฝ้าขาวแล้วที่ชายปอด ลักษณะเช่นนี้ช่วยสนับสนุนว่าเชื้อไวรัสนี้มีความชื่นชอบเส้นเลือดขนาดเล็กทั่วไปของปอด ทั้งทำให้เกิดความผิดปกติต่อหลอดเลือดทั้งเล็กและใหญ่ ทั้งการทำลายโดยตรงและโดยกระบวนการทางอ้อมอีกหลายอย่างที่ตามมา 

อย่าเพิ่งเบื่อหน่ายกับการเมืองที่ไปสร้างความปั่นป่วนในทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่นโยบายรับมือกับโควิดของรัฐบาล เห็นได้ชัดจากการกระจายตัวของวัคซีนโควิดที่บิดเบี้ยวไปจากหลักการอย่างมาก จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ “เข็มสองนัดแล้วไม่มา” ในหลายพื้นที่

ยิ่งคนที่รับผิดชอบออกมาพูดแก้ตัวแบบไม่ระวังปาก (เป็นเยี่ยงนี้มาตั้งแต่ระลอกแรกยันระลอกสาม) ยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือที่ติดลบไปนานแล้วกลับเป็นลบหนักขึ้นอีก ถ้าเป็นตัวละครหุ่นไม้ต่างประเทศจมูกคงยื่นยาวใกล้จรดพื้นเต็มทีแล้ว พอถึงเวลาที่จะพูดให้คนเขาเชื่อและร่วมมือทำตามก็คงจะเป็นไปได้ยากอย่างแน่แท้

ปอดอักเสบโควิดไม่ง่ายอย่างที่คิด ภาครัฐโปรดสื่อสารความจริงกับประชาชน”

ก่อนหน้านี้ นพ.นิธิพันธ์ ได้มีการกล่าวถึงกรณีข่าว ชายชาวศรีสะเกษวัย 60 ปีเสียชีวิตจากอาการปอดติดเชื้อหลังรักษาโควิด-19 หายแล้ว และมีการนำศพไปเผาทันที โดยระบุว่า อ่านข่าวแล้วไม่สบายใจ ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในต่างจังหวัดคงมีเช่นนี้อีกหลายรายเช่น ที่ผู้บริหารให้ข่าวว่าเสียชีวิตจากเหตุอื่น ที่จริงหมอพวกนี้ถือว่าจงใจปกปิดข้อมูลทำให้ภาพรวมการเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้ภาคความมั่นคงและภาคประชาชนไม่เห็นความสำคัญของปัญหาที่แท้จริง และไม่กวดขันเข้มงวดเพื่อช่วยลดการสูญเสียของการระบาดในวงกว้าง
 
ปัจจุบันแพทย์รุ่นใหม่โดยเฉพาะอายุรแพทย์ จะถูกสอนและเน้นย้ำความสำคัญการลงรหัสโรค การสรุปรายงานผู้ป่วยและการลงสาเหตุการเสียชีวิต ดังตัวอย่างที่ผู้ป่วยเป็นปอดอักเสบโควิดใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นเวลานานจนตรวจไม่พบเชื้อโควิดแล้ว ต่อมาเกิดปอดติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนและเสียชีวิต การสรุปสาเหตุการตายต้องเป็นโรคโควิด-19 โดยมีปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียเป็นภาวะแทรกซ้อน นับเป็นการซุกขยะใต้พรม ตกแต่งตัวเลขให้ดูสวยงาม 

ขณะที่วันนี้ (26 พ.ค.64) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. หยิบยกประเด็นชายชาวศรีสะเกษดังกล่าวมาชี้แจง ระบุว่าว่าชายคนนี้ได้เข้ารักษาโควิด-19 จริงตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ซึ่งแพทย์ได้รักษาหายจนตรวจไม่พบเชื้อแล้ว แต่ยังคงรักษาตัวอยู่ใน รพ. เนื่องจากต่อมาพบการติดเชื้อแบคทีเรียในปอดแทรกซ้อนขึ้นมาทำให้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พ.ค. แพทย์จึงระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เนื่องจากผู้ป่วยมีประวัติติดเชื้อโควิด-19 ในกรณีนี้จึงจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการวิชาการของกรมควบคุมโรคตัดสินว่าจะรายงานสาเหตุการเสียชีวิตว่าโควิด-19 หรือการติดเชื้อจากแบคทีเรีย เพื่อปรับการรายงานให้ถูกต้องต่อไป โดยขอยืนยันว่าไม่มีการปกปิดข้อมูล 

เปิดภาพเอกซเรย์ ผู้ป่วยโควิดหลังรักษาตัวมา 20 วัน ปอดเป็นฝ้าขาวกระจายไปทั่ว

สธ. เผยผลจากการศึกษา ซิโนแวค ลดโอกาสติดเชื้อได้ถึง ร้อยละ 83.3

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ