จากกรณีภรรยาของนายโกศล ผู้สูญหาย ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่สามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นกำลังนอนหลับ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้า แต่ไม่พบตัวสามี ซึ่งในวันดังกล่าวสามีได้สวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือหนัก 10 บาทออกไปด้วย ต่อมาตำรวจออกหมายจับ 8 รายแล้วนั้น
วันที่ 18 พ.ค. 64 ล่าสุดได้รับรายงานจากชุดสืบสวนจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการตรวจยึดรถที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ และเกี่ยวข้องในคดีอุ้มฆ่า รวมทั้งสิ้น 4 คัน ประกอบด้วย
รถเก๋งฮอนด้า สีดำ ทะเบียน 9ศ 9494 กรุงเทพมหานคร มีนายสุรัตน์ เศวตศิลป์ อายุ 43 ปี ในฐานะสั่งการและมือยิง เป็นผู้ครอบครองรถ หลังจากเจ้าตัวหลบหนี ตำรวจได้มีการตรวจยึดรถเพื่อทำการตรวจสอบ พบว่ารถคันดังกล่าวบริเวณภายในรถมีทะเบียนเพื่อใช้สำหรับสับเปลี่ยนมากกว่า 2 ชุด เบื้องต้นจากการตรวจสอบทะเบียนที่ติดอยู่ ไม่ตรงกับรถ
รถกะบะวีโก้ สีดำ 2 ประตู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ลักษณะพับยับเสียหายบริเวณฝั่งซ้าย มีรอยบริเวณล้อหลังและกระจกมองข้างซ้ายหลุดเสียหาย มีนายจิรายุทธ หรือ โจ้ เศวตศิลป์ อายุ 24 ปี เป็นผู้ใช้รถ โดยมีการหยิบยืมมาจากเพื่อนสนิทในพื้นที่บ้านดอน
รถกระบะอีซูซุ สีขาว ทะเบียน ผต 1549 สุราษฎร์ธานี ด้านหลังดัดแปลงเป็นตู้ทึบ มีนายสุรชัย หรือ ตาชัย คงสุข อายุ 39 ปี เป็นผู้ครอบครอง ตำรวจตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้สำหรับขนส่งอุปกรณ์อุ้มฆ่าและขนส่งคนจากบ้านที่เกิดเหตุเข้าออกท่าเรือ
รถฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กล 2956 สุราษฎร์ธานี ลักษณะสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของความเสียหาย มีนายทิวากร หรือ บี เลื่องสุนทร อายุ 33 ปี เป็นผู้ใช้รถ และเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว ตำรวจสามารถตรวจยึดได้ที่เกาะพะงัน เจ้าตัวไหวตัวหลบหนีได้ในขณะบุกเข้าจับกุม
รายงานเพิ่มเติมจากชุดสืบสวนตำรวจภูธรสุราษฎร์ธานี ช่วงที่มีการตรวจค้นพื้นที่บริเวณบ่อทรายของนายสุรัตน์ ระหว่างวันที่ 4-8พ.ค. 64 พบจอบ 2 ด้ามถูกทิ้งและซุกซ่อนเอาไว้อยู่ไม่ไกลจากจุดฝังศพบริเวณบ่อทราย คาดการณ์ว่าหลังจากมีการขุดนำร่างของเสี่ยโกศลขึ้นมาเพื่อนำไปลงเรือทิ้งทะเล เก็บรวบรวมอุปกรณ์ออกไปจากพื้นที่ไม่หมด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจหาดีเอ็นเอและรอยนิ้วมือแล้ว เชื่อมโยงกับการก่อเหตุ มีการตรวจยึดเพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดี
ส่วนที่นายนัด พยาน ที่ถูกควบคุมตัวในการสอบปากคำก่อนหน้านี้ ให้การว่าจอบที่ใช้ก่อเหตุมีจำนวน 3 ด้าม แต่ได้มีการขนขึ้นเรือ เพื่อนำไปโยนทิ้งทะเลพร้อมกับร่างเสี่ยกุศลแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด เชื่อว่าอาจมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องจะออกหมายจับเพิ่มเติม
ชาวบ้านที่พาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบจอบ ให้ข้อมูลว่า ตนเองเป็นชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เข้าไปเพื่อจะลงไปหาปลาที่คลองพุมเรียง เดินลัดเลาะเขตป่าหลังบ่อทรายฝั่งศพ พบจอบถูกทิ้งเอาไว้ใต้ต้นไม้ มีใบไม้ทับถมอยู่ห่างกันไม่ไกลประมาณ 3 เมตร จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการตรวจสอบ ส่วนตัวในฐานะชาวบ้านในพื้นที่ ยืนยันว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่จะไม่ทิ้งอุปกรณ์ส่วนตัวเอาไว้ เช่นจอบ เบ็ด อวน ในเมื่อมีการนำอุปกรณ์ติดติดตัวมาหาปลาก็จะต้องนำกลับไปบ้านด้วยทุกครั้ง ที่สำคัญชาวบ้านไม่มีความจำเป็นที่จะพกจอบเข้ามาในพื้นที่ เพราะไม่สามารถนำมาขุดหาของป่าหรือหาหอยได้ เพราะคลองเชื่อมทะเล จึงต้องใช้อวนหรือเบ็ดในการจับปลาเท่านั้น
เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฏร์ธานี ลงพื้นที่อำเภอไชยา ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่าเสี่ยโกศล มีคณะทำงานจากชุดจังหวัดและ สภ.ไชยา ร่วมประชุมสรุปความคืบหน้าของคดี โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง หลังการประชุม เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนเดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางด้านคดี
ส่วนที่ 1 การสอบสวน ตำรวจได้สอบปากคำพยานไปถึง 50 กว่าปาก
ส่วนที่ 2 การติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ตำรวจได้แบ่งชุดตำรวจกระจายออกเป็นหลายหน่วย
ส่วนที่ 3 การรักษาความสงบในพื้นที่ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่ค่อนข้างจะเกี่ยวข้องกับหลายบุคล
ส่วนที่ 4 เจ้าหน้าที่จะต้องรอผลพิสูจน์วัตถุพยาน พยานหลักฐาน ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์เทคนิคเพิ่มเติม สำนวนคดีคืบหน้าไปถึง 70-80%
ส่วนจอบที่ผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุนั้น ตำรวจต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ก่อนว่าจอบอันไหนมีความเกี่ยวข้องบ้าง ตอนนี้มีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับคดีค่อนข้างเยอะ รวมวัตถุพยานทั้งหมดกว่า 100 ชิ้น ที่อยู่ในระหว่างตรวจสอบ
ส่วนกรณีรถผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุนั้น ยังไม่มีการขยายผลต่อในเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่ได้สิ้นสุดการค้นหายานพาหนะที่เกี่ยวข้อง รวมถึงยานพาหนะที่คนร้ายใช้หลบหนี เร่งดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่อง
