กรณีครอบครัวได้ทำพิธีฌาปนกิจศพของ น.ส.กมลรัตน์ อุทัยอ่วม หรือ น้องฝ้าย อายุ 25 ปี สาวเอนเตอร์เทนชงเหล้า ที่เสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนจากตับวาย หลังจากเสพยาเสพติดขณะรับงานลูกค้าที่จ.สุพรรรณบุรี โดยญาติได้จัดพิธีที่วัดไผ่หูช้าง ต.ไผ่หูช้าง อ.บางเลน จ.นครปฐม ของวันที่ 16 พ.ค.64 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปลาม้า ได้สอบปากคำทุกคนที่เกี่ยวข้องไปแล้ว เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.64) ได้แก่ นายเอ อายุ 21 ปี (นามสมมติ) เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ, นายพี (นามสมมติ) ผู้จ้างงานกลุ่มผู้ตาย, นายยักษ์ (นามสมมติ) และนายอาร์ม (นามสมมติ) อายุ 21 ปี รวมทั้งน.ส.อารีย์ แหยมจุ้ย หรือ พิงก์ อายุ 21 ปี และน.ส.สมพร พึ่งล้อม หรือ พลอย อายุ 23 ปี เพื่อนของผู้ตาย
ล่าสุดวันที่ 18 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรนิทร์ ทีวี ได้รับแจ้งว่า พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี จะตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่ สภ.บางปลาม้า ในเวลา 15.00 น. หลังจากมีการออกหมายจับและแจ้งข้อหาแล้ว ทั้งหมด 4 คน ซึ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ดังต่อไปนี้
1.นายเอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ
2.นายพี (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ผู้จ้างงานกลุ่มผู้ตาย
3.นายอาร์ม (นามสมมติ) อายุ 21 ปี
โดยทั้ง 3 คนถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ประเภทที่ 2 (มอร์ฟีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขายและขายโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วน น.ส.อารีย์ แหยมจุ้ย หรือ พิงก์ อายุ 21 ปี น.ส.สมพร พึ่งล้อม หรือ พลอย อายุ 23 ปี จะถูกแจ้งข้อหา 1.ร่วมกันมั่วสุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค 2.ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ 3.ร่วมกันเสพวัตถุออกฤธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยผิดกฎหมาย
4.น.ส.ธัญญาพร สุขคง หรือ ฟร๊องซ์ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางไปรับผู้ตายและกลุ่มเพื่อน พร้อมกับน.ส.วรรณิษา นรสิงห์ หรือ แนต อายุ 31 ปี
โดยสื่อมวลชนเพิ่งจะทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเพื่อนของผู้ตายและน.ส.วรรณิษา ไม่เคยพูดถึงน.ส.ธัญญาพร ให้ฟังมาก่อน โดยน.ส.ธัญญาพร ถูกจับในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
อีกทั้ง เมื่อทีมข่าวได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กของน.ส.ธัญญาพร และน.ส.วรรณิษา จึงทราบว่า แท้จริงแล้วทั้ง 2 คน คือ คนที่หางานและรับงานให้กับผู้ตาย นอกจากนี้ แชตเฟซบุ๊กที่ประกาศหางาน ที่อมรินทร์ ทีวี นำเสนอไปวันที่ 16 พ.ค.64 หากเปิดรายชื่อจะพบว่ามี น.ส.ธัญญาพร น.ส.วรรณิษา และน.ส.สมพร สนทนากันอยู่ภายในห้องแชต
เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ได้แถลงความคืบหน้าทางคดีต่อสื่อมวลชน ระบุว่า ในวันที่ 8 พ.ค.64 เวลาประมาณ 20.00 น. นายเอ (นามสมมติ) นายพี (นามสมมติ) นายอาร์ม (นามสมมติ) และนายยักษ์ (นามสมมติ) ได้นั่งดื่มสังสรรค์กันอยู่ภายในบ้านของนายเอ
ขณะนั้นทุกคนมีความเห็นว่าต้องการจ้างหญิงสาวมาเอนเตอร์เทนชงเหล้า นายยักษ์ (นามสมมติ) จึงได้ติดต่อไปหาผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก เนื่องจากเพื่อนของนายยักษ์ (นามสมมติ) เคยเรียกใช้บริการผู้ตายมาก่อน โดยกลุ่มฝ่ายชายได้บอกให้ผู้ตายหาเพื่อนมาร่วมงานอีก 2 คน โดยจะให้ค่าจ้าง 1,500 บาท ต่อคน
จากนั้นผู้ตาย จึงได้บอกกับน.ส.ธัญญาพร และน.ส.วรรณิศา เพื่อให้กระจายงาน สรุปแล้ว น.ส.อารีย์ หรือ พิงก์ และ น.ส.สมพร หรือ พลอย ก็ได้ตกลงรับงาน ซึ่งทุกคนได้ออกมารอที่บริเวณใต้สะพานเลี่ยงเมือง (วัดราษฎร์สามัคคี) ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ในเวลา 23.00 น. จากนั้นกลุ่มฝ่ายชายก็ได้เดินทางมารับกลุ่มฝ่ายหญิง โดยใช้รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี ทะเบียน วล-9546 กรุงเทพมหานคร ของเอ (นามสมมติ)
โดยในเวลาประมาณ 01.00 น. กลุ่มฝ่ายหญิงก็ได้โทรศัพท์ตามน.ส.ธัญญาพร หรือ ฟร๊องซ์ และ น.ส.วรรณิศา หรือ แนต มาร่วมงานปาร์ตี้ด้วย ซึ่งขณะนั้นภายในงานปาร์ตี้ได้มีการเสพยาเสพติดหลายชนิด กระทั่งผู้ตายวูบหมอสติ ทำให้ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. น.ส.ธัญญาพร หรือ ฟร๊องซ์ และ น.ส.วรรณิศา หรือ แนต จึงได้พากลุ่มฝ่ายหญิงทุกคน ขึ้นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา กลับที่พักในตัวเมือง จ.สุพรรณบุรี
เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 9 พ.ค.64 ผู้ตายมีอาการไม่ดีขึ้นจากการวูบหมดสติ กลุ่มเพื่อนจึงได้เรียกรถกู้ภัยให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายผู้ตายก็เสียชีวิตในเวลา 23.00 น. ของวันที่ 12 พ.ค.64 ทั้งนี้ในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 18 พ.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ออกหมายจับทั้ง 4 คนข้างต้น
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายจรินฐ์ อายุ 62 ปี พ่อของน.ส.ธัญญาพร บอกว่า ลูกสาวตนเคยเป็นเด็กเอนเตอร์เทนเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน แต่ตอนนี้ได้เลิกทำงานแล้ว และหันกลับมาขายเนื้อหมูซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว
โดยตนและทางครอบครัวไม่ทราบมาก่อนว่า ลูกสาวมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ตายและเพื่อนของผู้ตาย เนื่องจากลูกสาวไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง และตนก็ไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มาก่อน ตนและทางครอบครัวทราบมาก่อนหน้านี้ว่า ลูกสาวของตนเสพยาเสพติด เคยห้ามปราม แต่เจ้าตัวไม่ฟัง ซึ่งลูกสาวของตนถูกเรียกตัวมาให้ปากคำที่สภ.บางปลาม้า ตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ (17 พ.ค.64) และถูกควบคุมตัวไว้ไม่ได้กลับบ้าน
กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ (18 พ.ค.64) ตนเพิ่งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เดินทางมายัง สภ.บางปลาม้า เบื้องต้นตนเชื่อว่ากลุ่มฝ่ายชายได้โยนความผิดเกี่ยวกับการขายยาเสพติดให้กับลูกสาวตน โดยพรุ่งนี้ (19 พ.ค.64) เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวลูกสาวตนไปส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งหากตนจะขอศาลประกันตัว คาดว่าน่าจะต้องใช้เงินหลักแสนบาท
ทีมข่าวได้พบกับนายยักษ์ (นามสมมติ) ที่กำลังนั่งรอเจ้าหน้าที่อยู่หน้าห้องธุรการสอบสวน แต่เมื่อทีมข่าวเข้าไปพูดคุย เจ้าตัวได้เดินหนี ไม่ตอบคำถามใด ๆ กับทีมข่าวแม้แต่คำเดียว
จากนั้นทีมข่าวได้พบกับพ่อของนายยักษ์ บอกว่า เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.64) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปลาม้า สอบปากคำลูกของตนและเพื่อนของลูกชาย จนถึงเวลาประมาณ 01.00 น. โดยผลตรวจปัสสาวะของลูกชายตนไม่มีสารเสพติด ซึ่งลูกชายยืนยันว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอตรวจเลือดลูกชายของตนด้วย ซึ่งตนก็ยินดีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
หากลูกชายตนจะถูกแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการเสพยาเสพติด และพ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตนก็ต้องทำใจ และช่วยกันหาทางออก ส่วนการเจรจากับครอบครัวผู้ตาย แม่ของผู้ตายเรียกเงินจากกลุ่มผู้ชาย คนละ 200,000 บาท แต่ตนรู้สึกว่าเงินจำนวนดังกล่าวมากเกินไป อีกทั้งตนยังเป็นเพียงชาวนา ไม่มีเงินทองมากมาย ตนจึงอยากให้แต่ละฝ่ายพูดคุยกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่คุยกันเฉพาะตัวเงิน เนื่องจากตนคิดว่าลูกชายของตนไม่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้ตาย
น.ส.อารีย์ แหยมจุ้ย หรือ พิงก์ อายุ 21 ปี นางสาวสมพร พึ่งล้อม หรือ พลอย อายุ 23 ปี และ น.ส.วรรณิศา นรสิงห์ หรือ แนต อายุ 31 ปี เพื่อนของผู้ตาย ต่างอยู่ในอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย เนื่องจากทุกคนต่างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.64) จนถึงช่วงเช้ามืดวันนี้ (18 พ.ค.64)
โดยน.ส.อารีย์ และน.ส.สมพร ถูกสอบปากคำตั้งแต่เวลาประมาณ 10.30 น. จนถึงเวลา 04.00 น. ส่วนน.ส.วรรณิศา ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกมาสอบปากคำตั้งแต่เวลาประมาณ 12.00 น. ไปจนถึงช่วงเวลาประมาณ 04.00 น.
ทีมข่าวได้พยายามเข้าไปสอบถามพูดคุยกับทั้ง 3 คน แต่ทั้ง 3 คน ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ เนื่องจากขณะนี้ถูกสังคมโจมตี ทีมข่าวได้เข้าไปตรวจสอบเฟซบุ๊กของทั้ง 3 ราย พบว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ (18 พ.ค.64) ทั้ง 3 คน ได้โพสต์ข้อความบางอย่าง หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ
น.ส.อารีย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “เห้อชีวิตซวย__ให้พอ” พร้อมใส่อิโมจิเหงื่อตก
น.ส.วรรณิศ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “เหี้_แน่ ๆ” พร้อมใส่อิโมจิ โชว์นิ้วกลาง
น.ส.สมพร ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ดูแต่คนอื่นเขาเล่นมาตั้งนาน วันนี้เพิ่งได้มาลองมาเล่นเองก็ได้จริงอย่างที่เขาว่าอยู่นะ ไม่ต้องมาเชื่อต้องไปลองดูเองก่อน แถมแนะนำเพื่อนได้เดือนละ 100,000” พร้อมลงรูปเงินและแปะลิงค์เว็บพนันออนไลน์
ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลจาก น.ส.วรรณิศา บอกว่า ที่ตนถูกแจ้งเพียงข้อหา ร่วมกันมั่วสุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค และร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ เพราะตนได้เข้าไปงานปาร์ตี้ แล้วเดินเข้าเดินออกภายในห้องอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เสพยาเสพติด
ด้านน.ส.อารีย์ และ น.ส.สมพร บอกว่า ที่พวกตนบอกว่ามียาเสพติดติดตัวไปงานปาร์ตี้ก่อนหน้านี้ จริง ๆ แล้วเป็นยาเสพติดของน.ส.ธัญญาพร นำติดตัวมาแล้วนำมาเสพในงานปาร์ตี้
ทั้งนี้ทั้ง 3 คน ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับในข้อหาที่ตัวเองถูกแจ้ง ซึ่งพ.ต.อ.ธีระศักดิ์ เจริญศรี ผกก.สภ.บางปลาม้า แจ้งว่าค่าปรับของทั้ง 3 ราย รวมถึงนายยักษ์ (นามสมมติ) จะต้องให้ศาลแขวงสุพรรณบุรี เป็นฝ่ายพิจารณา โดยเจ้าหน้าที่จะส่งตัวทั้ง 4 คน ไปยังศาลแขวงสุพรรณบุรีในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.64)
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพากลุ่มฝ่ายชายไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ทีมข่าวก็ได้เดินทางย้อนไปยังบ้านฟาร์มไก่ ของนายเอ (นามสมมติ) ต.ไผ่กองดิน อ.บางปลาม้า ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ แต่ปรากฏว่าไม่พบใครอยู่ภายในบ้าน พบเพียงคนงานของฟาร์มอยู่ภายใน ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า ผู้ปกครองของนายเอ (นามสมมติ) ออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้า ไม่ทราบว่าไปที่ใด
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนายพี (นามสมมติ) ซึ่งบ้านพักตั้งอยู่ถัดจากบ้านที่จัดปาร์ตี้ไม่กี่หลังคาเรือน พบพี่สาวของนายพี (นามสมมติ) อยู่ภายในบ้าน บอกว่า ตนและครอบครัวทราบเพียงว่าน้องชายถูกเรียกตัวไปสอบปากคำตลอดทั้งคืน แต่ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าน้องชายถูกแจ้งข้อหา เมื่อรูปคดีออกมาทิศทางแบบนี้ ทางครอบครัวคงจะต้องปรึกษากันเกี่ยวกับการประกันตัว และการปรึกษากันถึงเรื่องเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าที่น้องชายต้องประสบเหตุการณ์เช่นนี้ นอกจากดวงซวยแล้วคงเป็นเพราะการคบเพื่อน ซึ่งตนเคยเตือนน้องชายไปแล้วหลายครั้ง โดยตนไม่เคยทราบว่าน้องชายมีพฤติกรรมในการเรียกเด็กเอนเตอร์เทน ที่ผ่านมาน้องชายยังไม่เคยมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ทั้งนี้ ทีมข่าวยังได้ย้อนไปตรวจสอบเฟซบุ๊กของ น.ส.กมลรัตน์ อุทัยอ่วม หรือ ฝ้าย ผู้เสียชีวิต พบว่าในวันที่ 7 พ.ค.64 ผู้ตายได้โพสต์คลิปเต้นเป็นเงาสีดำ พร้อมสวมใส่ที่คาดผมเขาปีศาจ ไม่ทราบว่าอาจเป็นลางหรือไม่ เพราะในวันต่อมา (8 พ.ค.64) ผู้ตายก็ถูกจ้างไปงานเอนเตอร์เทนชงเหล้า แต่มีการเสพสารเสพติดจำนวนมาก จนเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนจากตับวาย ในวันที่ 12 พ.ค.64
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จากการสอบถาม น.ส.กัญญาภัทร เกษมวงศ์ อายุ 46 ปี แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนยังไม่ค่อยรู้เรื่องสำนวนคดีความ เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.64) ตนได้มีโอกาสเจอกันกับผู้ปกครองของฝ่ายชาย ซึ่งก็ได้เข้ามากล่าวขอโทษแล้ว แต่ในส่วนของกลุ่มเด็กผู้ชาย ตนมีโอกาสได้คุยกับนายพี เพียงคนเดียว ซึ่งนายพี บอกว่า อยากจะมาขอขมาศพ แต่เกรงว่าทางครอบครัวจะยังโกรธ และกลัวการกระทบกระทั่ง
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนต้องการให้ฝ่ายชายเข้ามารับผิดชอบ เพราะตนยังไม่ได้เรียกเงินเป็นเรื่องเป็นราว และเงินที่ตนเรียกไม่ได้จำนวนมากเหมือนที่ออกข่าวไป ทั้งนี้หากฝ่ายชายต้องการที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องเงิน ตนก็พร้อมที่จะพูดคุยเสมอ
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ตนยังคงทำงานตามปกติ แต่ภาระที่ต้องเลี้ยงดูนั้นมากกว่าเดิม เพราะปกติแล้วลูกสาวจะเป็นคนส่งเงินให้เสมอ นอกจากนี้ ลูกชาย อายุ 4 ปี ก็ยังถามหาผู้ตายทำนองว่า "ฝ้ายอยู่ไหน คิดถึงฝ้าย" หลังจากเสร็จสิ้นพิธีลอยอังคาร ทางครอบครัวจะจัดพิธีทำบุญ 100 วันอีกครั้ง หากฝ่ายชายจะเข้ามาร่วมงาน ตนก็ยินดี
