น้องบังฟิตโวยหน้าสื่อถูกซ้อมให้รับฆ่าเสี่ยสุชาติ ระทึกปิดเขาค้นบ้าน เจอพ่อบอกลูกดี (คลิป)

จากกรณีนายสุชาติ ขาวล้วน อายุ 54 ปี หายตัวปริศนาออกจากบ้านนาน 10 วัน หลังออกไปทวงหนี้กับบังฟิต เพื่อนสนิท กระทั่ง เจ้าหน้าที่พบเป็นศพถูกยิงราดน้ำกรดฆ่ายาง ร่างฝังดินในสวนยางพารา ม.1 บ้านหนองแบก ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ และพบรถยนต์ถูกฝังดินในสวนปาล์มห่างกันประมาณ 650 เมตร เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 64

ช่วงเย็นวันที่ 14 พ.ค. 64 พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง ได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดกระบี่ เพื่อติดตามผู้ต้องสงสัย ประกอบด้วย นายสุริยา เริงสมุทร หรือ บังฟิต อายุ 32 ปี ลูกหนี้นายสุชาติ, นายสุวิทย์ เริงสมุทร อายุ 26 ปี ลูกพี่ลูกน้องของบังฟิต, นายสุรชัย เริงสมุทร หรือ กิบหลี อายุ 38 ปี พี่ชายบังฟิต และอีก 1 รายคือบังหนี ที่ถูกซัดทอด

วันที่ 15 พ.ค. 64 เวลา 12.45 น. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้คุมตัวนายสุวิทย์ เริงสมุทร ผู้ต้องหาแก๊งฆ่าฝังดินเสี่ยสุชาติ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับบังฟิตและกิบหลี ไปชี้จุดที่บังฟิตทิ้งปืนใกล้กับจุดฝังศพ ภายในสวนปาล์ม พื้นที่บ้านหนองแบก ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่

นายสุวิทย์ เริงสมุทร หรือ บังเลาะ อายุ 26 ปี กล่าวเป็นระยะ ๆ ขณะทำการชี้จุดว่า ตนมีหน้าที่ช่วยขุดหลุมฝั่งศพเพียงอย่างเดียว
ในวันเกิดเหตุ 3 พ.ค. ช่วงกลางดึก โดยมีบังฟิต กิบหลี และพวกอีก 2 คน ได้ขับรถกระบะมาชวนตนที่บ้าน ในตอนแรกตนก็เข้าใจว่า จะพาไปเที่ยว แต่ดันพาตนขึ้นมาบนเขาพร้อมกับนายสุชาติ บังฟิตขับรถ ตนนั่งซ้าย กิบหลีกับพวก รวม 3 คนนั่งคุมตัวนายสุชาติอยู่ที่เบาะหลัง

กระทั่งมาถึงจุดพบปลอกกระสุน ทุกคนก็ลงมาจากรถ โดยที่ตนลงมายืนอยู่ฝั่งด้านคนขับเพียงคนเดียว ส่วนที่เหลือไปอยู่ที่ด้านซ้ายของตัวรถ ก่อนตนจะได้ยินเสียงทั้งหมดพูดคุยกัน เสียงปืนก็ดังสนั่นขึ้น 3 นัด

หลังตนได้ยินเสียงปืนตนจึงหันไปดู เห็นร่างของนายสุชาติถูกยิงเสียชีวิตแล้ว บังฟิตเป็นคนยิง จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันยกศพไปโยนใส่หลุมที่ตนเป็นคนขุด จากนั้นบังฟิตก็ถือปืนไปทิ้งภายในพื้นที่ แต่ไม่รู้ว่าทิ้งบริเวณไหน เนื่องจากมืด

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังกว่า 30 นาย ทำการค้นหาปืนเกือบ 2 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่พบ พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. เพิ่มอีกจำนวน 1 ปลอก จากตอนแรกที่พบแล้ว 2 ปลอก บริเวณเดียวกันกับจุดพบปลอกกระสุนปืนในครั้งแรก จึงทำการยุติการค้นหา และนำตัวนายสุวิทย์กลับโรงพักเพื่อทำการสอบสวนใหม่อีกครั้ง

โดยขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังคุมตัว นายสุวิทย์ เดินไปขึ้นรถตำรวจ นายสุวิทย์ได้หันหน้ากลับมามองทีมข่าว เสมือนอยากจะพูด ก่อนจะตะโกนว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพูดไปในตอนแรก ผมไม่ได้ทำ ที่ผมเดินทางเข้ามอบตัว เพราะผมอยากได้รับความบริสุทธิ์ แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับบังคับจิตใจผม บังคับให้ผมพูดสารภาพพร้อมถ่ายคลิป และซ้อมผม ผมเป็นแพะรับบาป นักข่าวช่วยอะไรผมได้มั่งไหมครับ ผมยืนยันว่าที่ผมสารภาพไปทั้งหมด เป็นเพราะผมถูกตบถูกเตะ

ผมยืนยันว่าผมไม่เคยได้เข้ามาในบริเวณนี้เลย ผมก็เลยพูดให้การอะไรไม่ถูกว่าใครทำอะไรอยู่ตรงจุดไหน อะไรยังไงบ้าง ถ้านักข่าวได้ฟังที่ผมพูดก็น่าจะรู้ ช่วยผมด้วยนะครับ วันที่ 3 พ.ค. วันเกิดเหตุผมทำงานอยู่ในบริษัทที่ จ.กระบี่ ที่นั่นมีกล้องวงจรปิด มีหลักฐานลายนิ้วมือสแกนเข้าทำงาน"

จากนั้น เจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถกลับไปสอบสวนต่อที่ สภ.อ่าวนาง

เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ชุดสืบสวนคลี่คลายคดี นำโดย พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล รอง ผบก.ภ.จ.กระบี่, พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม ผกก.ปพ.ภ.8, พ.ต.อ.อภิชาติ จินาเพ็ญ ผกก.สภ.อ่าวนาง, พ.ต.ท.สมพร ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.สส.อ่าวนาง นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.สส.ภ.8 ตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.กระบี่ ชุดสืบสวน สภ.อ่าวนาง ร่วม 30 นาย พร้อมหมายค้น 4 จุดเป้าหมายในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.นองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ของกลุ่มผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัย

จุดที่ 1 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านปูนชั้นเดียว ไม่มีเลขที่ของนายสุรชัย เริงสมุทร หรือ กิบหลี ผู้ต้องหา พบว่าบ้านถูกปิดล็อกไว้ ไม่มีผู้อยู่อาศัย ต่อมาตำรวจจึงต้องประสานไปยังกำนันตำบลหนองทะเล ไปเชิญตัวพ่อของกิบหลี มาเป็นพยานในการตรวจค้น ตำรวจได้อ่านรายละเอียดในหมายค้นของศาลจังหวัดกระบี่ให้กับพ่อของกิบหลีฟัง เจ้าตัวยินยอมให้ตำรวจมีการงัดหน้าต่างเพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ พร้อมยึดของกลางบางส่วนอย่าง ของใช้ส่วนตัว ซองปืน พรมปูพื้นรถยนต์ เอกสาร สมุดบัญชีธนาคาร และกล้องวงจรปิดพร้อมเมมโมรี่การ์ดนำกลับไปตรวจสอบ

จุดที่ 2 ทีมสืบสวนได้นำกำลังเข้าตรวจค้นขนำของนายสุริยา เริงสมุทร หรือ บังฟิต ตัวการสำคัญในคดีนี้ ซึ่งเป็นน้องชายของกิบหลี ขนำอยู่ห่างจากบ้านของกิบหลี ประมาณ 50 เมตร พบว่าถูกปิดล็อกไว้เช่นกัน

จุดที่ 3 ชุดปฏิบัติการพิเศษ พร้อมทีมสืบสวน ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านของนายขาว (นามสมมติ) ผู้ต้องสงสัย ห่างจากบ้านของกิบหลี ประมาณ 150 เมตร พบรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ ทะเบียน 9885 กระบี่ ของนายกิบหลี จอดอยู่ แต่ถูกถอดผ้าหุ้มเบาะออกไปตากไว้ข้างบ้าน

ตำรวจจึงตรวจยึดรถกระบะนำกลับไปตรวจสอบ คาดว่าน่าจะเป็น 1 ในรถคันก่อเหตุที่ผู้ต้องหาอาจจะมีการทำลายหลักฐานด้วยการล้างคราบเลือดหลังก่อเหตุ นอกจากนี้ยังได้ยึดรถจักรยานยนต์วิบากอีก 1 คันด้วย สำหรับบ้านหลังนี้ ตำรวจไม่พบตัวผู้ต้องสงสัยคือ นายขาว อยู่ภายในบ้าน พบเพียงญาติเท่านั้น จึงเชิญมาเป็นพยานในการตรวจค้น

จุดที่ 4 ทีมสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านต้องสงสัยอีกหลัง ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ของกลุ่มผู้ต้องหา พบรถกระบะโตโยต้า ตอนเดียว สีขาว จอดอยู่

ซึ่งจากข้อมูลทางการสืบสวนมีความเชื่อมโยงทางคดี กองพิสูจน์หลักฐานจึงเข้าเก็บลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอโดยรอบและภายในรถอย่างละเอียด ก่อนจะทำการตรวจยึดรถไว้เป็นของกลางในคดี

ล่าสุด เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนกว่า 30 นาย ได้นำกำลังเดินทางเข้าพื้นที่บ้านบังฟิต บ้านหนองแบก ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ เพื่อปิดล้อมเขาลูกไฟ หลังได้รับแจ้งมีเบาะแสจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าบังฟิตและกิบหลีอาจมาหลบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้ เนื่องจากภูเขาดังกล่าวมีสภาพเป็นภูเขาหินลักษณะคล้ายถ้ำอยู่ด้านใน

อีกทั้งจากที่ได้รับข้อมูลจากชาวบ้านทราบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ที่ 2 พี่น้องชอบเดินทางมา ทำการค้นหานาน 2 ชั่วโมงถึงเวลา 18.00 น. จึงเดินทางกลับ เนื่องจากไม่เจอตัวผู้หลบหนี

ด้านนายสุจิน เรืองสมุทร พ่อของบังฟิตและกิบหลี เผยว่า ตามหมายจับที่ตอนนี้ตำรวจได้มาทั้งหมด 3 คน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่าตนไม่รู้เรื่อง และเพิ่งจะมาทราบข่าวหลังจากที่ออกข่าวทางโทรทัศน์ ตนรู้สึกแย่และเครียดมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะหลังเกิดเรื่อง ตนที่เป็นพ่อแท้ ๆ ยังติดต่อใครไม่ได้เลย

โดยปกติแล้วนิสัยใจคอของลูกทั้ง 2 คนจะเป็นคนดีมาก ชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้าน หากมีใครเดือดร้อนก็จะยืนมือช่วยเหลือ ถึงขั้นเพื่อนบ้านไม่สบาย ไม่มีเงินไปหาหมอ ลูกชายของตนก็ยังอาสาพาไป อีกทั้งเป็นเด็กนิสัยใจดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร ตนยืนยันว่า ลูกชายของตนไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพล ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด และมั่นใจว่าลูกชายของตนไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวขัองกับเรื่องนี้แน่นอน

แต่หากถ้าลูกชายของตนเป็นผู้กระทำความผิดจริง ก็จะปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หากมีโอกาสได้พูดกับลูกตนก็อยากจะบอกว่า "อยากให้ลูกชายกลับมามอบตัว หากเป็นผู้กระทำ" หากลูกชายของตนมีส่วนเกี่ยวข้อง ตนก็อยากจะขอโทษทางครอบครัวผู้เสียชีวิตสำหรับการกระทำของลูก

สุดท้ายนี้ ขอยืนยันอีกว่า กรณีของนายสุชาติ ตนไม่เคยพบเห็นหรือรู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อนหน้านี้ และนายสุชาติเองก็ไม่เคยเข้ามาข่มขู่หรือมาทวงเงินที่ลูกของตนติดค้างไว้ ตามที่มีกระแสข่าว ตนไม่มีทางเชื่อด้วยว่าลูกชายของตนที่เลี้ยงมาเองกับมือจะมาก่อเหตุฆ่าคนอื่นเพียงเพราะเงิน 300,000 บาท

หลังจากทำการสอบปากคำพยานพบว่า ผู้ต้องหามีส่วนรู้เห็นจากการเสียชีวิตของนายสุชาติ จึงแจ้งข้อหา 3 คน ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, กักขังหน่วงเหนี่ยว, ทำลายซ่อนเร้น วางเพลิงทำให้เสียทรัพย์, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง และพกพาอาวุธปืน

ด้านนายชาญ (นามสมมติ) ญาติบังฟิต เผยว่า ส่วนตัวสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็รู้สึกตกใจ หลังทราบข่าวเพราะตนก็รู้ว่าบังฟิตเองก็ไม่ธรรมดา และมีการยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทางครอบครัวตนถึงไม่ค่อยอย่างจะยุ่งเกี่ยว เพราะตนต่อต้านเรื่องยาเสพติดมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าจะใช้นามสกุลเดียวกันก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมเกินไป ที่ทั้งฆ่าขุดหลุมฝัง แถมยังจุดไฟเผา ใช้น้ำกรดราด ในส่วนนี้ตนจึงมองว่าถ้าเป็นตนเองตายแล้วเกิดใหม่ 2 ครั้ง ตนก็ไม่สามารถทำได้ทั้งที่เป็นมนุษย์แบบเดียวกัน แต่ในส่วนนี้ตนก็รู้มาว่าไม่ว่าจะเป็นพ่อบังฟิตหรือคนในครอบครัวเองก็เครียดพอสมควรหลังเกิดเรื่อง แต่ตนเชื่อว่าที่เจ้าตัวตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวอาจจะเป็นเพราะแรงกดดันบางอย่าง แต่ตนก็ไม่ทราบรายละเอียด

อย่างไรก็ตาม ตนก็รู้สึกสงสารฝั่งของผู้ที่สูญเสีย เพราะคิดว่าผู้เสียชีวิตไม่น่าต้องมาจากไปในสภาพแบบนี้ ตนอยากบอกกับบังฟิตว่า หากเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ก็ขอให้รีบกลับมามอบตัว ยอมรับโทษตามกฎหมาย

ด้านนางจ้ะมาส อายุ 45 ปี เพื่อนบ้านบังฟิต เผยว่า ปกติบังฟิตจะเป็นคนนิสัยดี ไม่เคยมีนิสัยก้าวร้าว หรือพูดจาไม่ดีแล้วทำตัวเป็นอันธพาลกับใคร อีกทั้งยังชอบช่วยเหลือคน ถ้ามีชาวบ้านเดือดร้อนก็จะยื่นมือช่วย ส่วนเรื่องประวัติคดีเก่าคดีฆ่าคนตายเป็นความจริง แต่ก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ตนรู้จักบังฟิตมานาน ถ้าไม่เห็นข่าวว่าตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุ ตนก็คงจะไม่มีทางเชื่อว่าเจ้าตัวจะก่อเหตุดังกล่าวได้ เท่าที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยเห็นผู้เสียชีวิตมาวนเวียนภายในหมู่บ้าน ส่วนตัวบังฟิตเองหลังจากเกิดเหตุ ตนก็ไม่เห็นหน้ามาหลายวัน ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ไหน อีกทั้งกรณีเรื่องที่มีแบ็กโฮมาขุดดินฝังรถและทำการจุดไฟเผานั้น ตนรวมไปถึงคนในหมู่บ้านไม่มีใครได้ยินเสียงจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม หากบางฟิตเป็นผู้กระทำผิดจริง ตนในฐานะเพื่อนบ้านก็อยากจะให้เจ้าตัวกลับมามอบตัว ไม่อยากให้หนี เพราะเกรงว่าหากหลบหนี อาจจะถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการวิสามัญฆาตกรรม แต่หากบังฟิตไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้จริง ๆ ตนก็อยากจะให้กำลังใจ และอยากให้สู้ ๆ พร้อมทั้งให้รีบกลับมาสู้คดี