ลูกสุชาติเผยบังฟิตฆ่าพ่อแค้นถูกขู่แจ้งจับค้ายา ราดน้ำกรดศพเร่งหนอนย่อยร่าง (คลิป)

ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ลำทับ จ.กระบี่ บันทึกภาพขณะ นายสุขาติ ขาวล้วน อายุ 54 ปี ขับรถยนต์ เก๋งสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน กน 6552 กระบี่ เข้ามาจอดที่หน้าอู่ เพื่อมารับเพื่อนไปทำธุระด้วยกัน แต่เพื่อนไม่อยู่ที่อู่ จากนั้นนายสุชาติได้หายตัวไปอย่างปริศนา ติดต่อไม่ได้นานกว่า 1 สัปดาห์

ล่าสุด วันที่ 13 พ.ค. 64 เจ้าหน้าที่พบศพนายสุชาติ ถูกฆาตกรรมน้ำกรดราดร่างฝังดิน และรถยนต์ที่ถูกผู้ก่อเหตุฝังไว้จริง บริเวณพื้นที่ใกล้บ้านบังฟิตแล้ว ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งตามตัวบังฟิต หลังเกิดเหตุหายตัวไปนั้น

วันที่ 14 พ.ค. 64 นายเกย์ อายุ 32 ปี น.ส.เบญ อายุ 30 ปี นายเบียร์ อายุ 23 ปี ลูกของนายสุชาติ เปิดเผยว่า นายสุชาติมีลูกทั้งหมด 4 คน เป็นลูกคนละแม่ นางอารักษ์ หรือ กวาง อายุ 34 ปี, นายเกย์ อายุ 32 ปี, น.ส.เบญ อายุ 30 ปี และนายเบียร์ อายุ 23 ปี ขณะนี้คนในครอบครัวก็ต้องใช้เวลาทำใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป รู้ตัวอีกทีพ่อก็มาเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม ทั้งที่ขณะนี้กลุ่มของผู้ก่อเหตุก็ยังหลบหนีอยู่

แต่ในส่วนนี้ตนก็มีความเชื่อมั่นว่าตำรวจจะสามารถเร่งติดตามจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าวได้ และให้ดำเนินคดีความตามขั้นตอนของกฎหมาย หากเลือกได้ก็อยากจะให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อย่างน้อยในตอนนี้ครอบครัวก็ยังเบาใจขึ้นบ้างหลังเจอพ่อแล้ว ตามจุดมุ่งหมายที่อยากขอให้เจอพ่อ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพเป็นหรือตาย

กรณีของผู้ก่อเหตุนั้น ครอบครัวมีความมั่นใจมากว่าบังฟิตจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพ่อ เนื่องจากก่อนหน้าที่พ่อจะเสียชีวิตได้ไปขู่บังฟิตและคนในครอบครัวไว้ว่าหากเจ้าตัวไม่ยอมคืนหนี้ที่ติดไว้ ก็จะแจ้งเจ้าที่ตำรวจมาจับ เพราะพ่อรู้เบื้องลึกหนาบางว่าบางฟิตทำธุรกิจผิดกฎหมาย อาจเป็นปมเหตุที่บังฟิตเกิดความโมโหลงมือก่อเหตุดังกล่าว ในส่วนนี้ตนมั่นใจว่าไม่ช้าก็เร็ว ผู้ที่ก่อเหตุกับพ่อของตนต้องได้รับกรรม

ตอนนี้สภาพจิตใจของลูก ๆ แย่มาก ตั้งแต่รู้ว่าพ่อหายตัวไปอย่างปริศนา ก็ต่างเฝ้ารอให้พ่อเดินทางกลับบ้านมาในรูปแบบที่ยังมีชีวิตซึ่งก็ไม่ได้เตรียมใจว่าพ่อจะถูกฆาตกรรม อีกทั้งหลังจากพ่อของตนหายไปก็ได้พูดกับวิญญาณของพ่อเสมอว่า หากพ่อเสียชีวิตแล้วก็ให้มาเข้าฝันลูกบ้าง แต่พ่อก็ไม่มาแสดงให้เห็นหรือทำให้รู้สึก กระทั่งมาพบร่างของพ่อถูกฝังดิน

หลังจากที่พ่อเสียชีวิตแล้ว พ่อก็ได้มาเข้าฝันนางน้ำค้าง ภรรยา เห็นว่าพ่อยังคงนั่งอยู่ที่จุดเกิดเหตุ ก่อนจะพูดว่าพ่อกลับบ้านไม่ได้ เสมือนว่าขณะนี้คนในครอบครัวยังไม่ได้เดินทางไปทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณพ่อกลับบ้านให้ถูกต้อง ส่วนนี้ทางคนในครอบครัวก็จะต้องปรึกษากันอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร แต่คาดว่าน่าจะหลังเสร็จเรื่องคดีความ อย่างไรก็ตาม คนในครอบครัวก็เหลือเพียงของต่างหน้าไว้ดูยามคิดถึงคือ รูปถ่าย ไม้ตะพด และดาบโบราณ เสมือนเป็นของรักของพ่อ เวลาคนในครอบครัวได้เห็นก็จะนึกถึงพ่อทุกครั้ง

ส่วนกิจกรรมยามว่างปกติพ่อก็จะชอบทำสวนอยู่บริเวณรอบบ้าน ทำกับข้าวมานั่งกินกันพร้อมหน้าพร้อมตากัน หลังจากที่พ่อไม่อยู่ทุกอย่างก็เงียบเหงา ไม่ได้ยินคำสอนที่พ่อชอบบอกให้ลูก ๆ เป็นคนขยัน ตั้งใจทำมาหากินอีกแล้ว หากจะมีโอกาสได้พูดกับพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ก็อยากจะบอกว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ลูกทุกคนเอาตัวรอดได้ รักกันดีเสมือนอย่างที่พ่อตั้งใจและเคยสอนไว้ตอนยังมีชีวิต พร้อมทั้งอยากให้พ่อไปอยู่ในภพภูมิที่ดี"

หลังจากนั้นลูกของนายสุชาติ ได้พาทีมข่าวเดินสำรวจบริเวณห้องนอนของนายสุชาติ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ บรรยากาศภายในห้องจะมีที่นอน 6 ฟุต และผ้านวมปูนอนว่าอยู่ข้างกัน เป็นห้องที่นายสุชาตินอนกับนางน้ำค้าง แต่หากว่าเวลาที่นายสุชาติทำงานกลับมาเหนื่อย ๆ ก็จะไม่เข้ามานอนในห้อง แต่จะไปนอนที่บริเวณห้องโถงภายในบ้าน ที่มีผ้านวมปูนอนไว้สำหรับพักผ่อน

นายชัยวัฒน์ เสริมเกียรติวัช กำนัน ต.ไสไทย เผยว่า พื้นที่สวนปาร์มดังกล่าวเป็นพื้นที่สวนปาร์มของตนมีพื้นที่ทั้งหมด 40 ไร่ สมัยเกือบ 30 ปีก่อนที่บริเวณนั้นจะเป็นสวนยางทั้งหมด ตั้งแต่รุ่นพ่อของตน แต่พอตกทอดมาถึงรุ่นของตนช่วง 20 ปีที่ผ่านมาตนจึงทำการเปลี่ยนมาปลูกปาร์ม บริเวณดังกล่าวตนไม่ค่อยได้เข้าไปดูแล มีแต่ลูกน้องที่เข้าไปตัดเฉลี่ยตกเดือนละ 1 ครั้ง บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ชุมชนหนองแบก ไม่มีรั้วกัน มีบ่อน้ำ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นก็จะเข้าไปตกปลากัน แต่ส่วนมากก็จะมีชาวบ้านเอาวัวไปเลี้ยงไว้บ้าง ตนที่เป็นเจ้าของที่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

ส่วนกรณีของบังฟิตนั้น ตนยืนยันว่า เคยเห็นจริง แต่เห็นบังฟิตตั้งแต่สมัยยังตัวเล็ก ๆ หลังจากนั้นตนก็ไม่เห็นอีก เพราะไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวนานหลายปีแล้ว ตนจึงไม่สามารถตอบได้ว่าบังฟิตมีนิสัยใจคออย่างไรเมื่อโตขึ้น เนื่องจากตนก็ไม่ได้มีความสนิทสนมกับเจ้าตัว

กระทั่งวันที่ 13 พ.ค. ทราบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีการนำรถแบ็กโฮมาขุดที่บริเวณพื้นที่สวนปาล์มของตน เนื่องจากสงสัยว่าอาจมีบุคคลนำรถและศพมาฝังไว้ เมื่อทราบเรื่องตนก็อนุญาตให้ขุดหาทันที พร้อมเดินทางไปดูที่จุดเกิดเหตุด้วย เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ปรากฏว่าเจอรถยนต์ถูกฝังอยู่ในพื้นที่สวนปาล์มของตนจริง ตนก็รู้สึกตกใจ แต่โชคดีไม่พบศพ อีกทั้งก็มีความคิดว่า ที่ตั้งกว้างทำไมต้องมาทำในพื้นที่ตน

ส่วนกรณีเรื่องรถแบ็กโฮที่มาขุดในพื้นตน ก่อนหน้าจะเกิดเหตุ ตนก็อยากจะชี้แจงให้ทราบว่ารถคันดังกล่าว ไม่ได้มาขุดในพื้นที่ตน แต่ว่าเป็นคนของเจ้าของที่ที่อยู่แปลงติดกันจ้างมาเพื่อปรับหน้าดินเตรียมปลูกต้นยางพาราใหม่

นางน้ำค้าง อายุ 42 ปี ภรรยาของนายสุชาติ เผยว่า เมื่อวานนี้ตำรวจเรียกตนไปสอบปากคำเพิ่มเติม เวลา 19.00 น. หลังพบศพผู้เสียชีวิต ก็เป็นการสอบคำถามเดิม ส่วนเรื่องเบาะแสความคืบหน้าจากทางเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นพอทราบมาว่าตำรวจน่าจะได้เบาะแสของผู้ที่ก่อเหตุบ้างแล้ว มีการแถลงการณ์พร้อมทั้งพาตัวนางอารักษ์ หรือ กวาง ลูกสาวคนโตมาทำการตรวจ DNA เพื่อนำผลตรวจไปเทียบกับศพผู้เสียชีวิตว่าตรงกันหรือไม่ ส่วนตัวตนมั่นใจว่าน่าจะใช่ศพนายสุชาติ เนื่องจากตนจำลักษณะรูปร่างการแต่งกายของสามีได้

อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังคงทำใจไม่ได้ที่สามีต้องมาจากไปอย่างกะทันหัน มุ่งประเด็นไปที่บังฟิตที่กำลังหลบหนีอยู่ในขณะนี้ หากจับตัวได้ตนก็อยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด อยากให้ประหารชีวิต อยากจะถามว่า "ทำไมถึงทำกับสามีตนได้ขนาดนี้" โดยหลังจากที่สามีตนเสียชีวิต ช่วงดึกคืนที่ผ่านมาฝันเห็นสามีสภาพดี อยู่ที่บริเวณจุดเกิดเหตุพูดกับตนว่า "ยังออกไปไปไหนไม่ได้" ซึ่งตนก็ไม่มั่นใจว่าอาจจะเกี่ยวกับที่ทางครอบครัว ยังไม่ได้ทำการอัญเชิญดวงวิญญาณหรือไม่ ส่วนนี้ก็ต้องรอทางครอบครัวพูดคุยกันอีกครั้งหลังเสร็จเรื่องคดี ขณะนี้ศพก็ยังคงอยู่ที่ รพ.สุราษฎร์ธานี เพื่อรอแพทย์ทำการชันสูตร และรอผลตรวจ ส่วนตนคงทำได้แค่นำเสื้อผ้าของสามีมานอนกอดไว้ทั้งคืน และรอวันที่ผู้ก่อเหตุจะถูกนำตัวมาลงโทษตามขั้นตอนของกฎหมาย

หลังเจ้าหน้าที่ขุดพบศพนายสุชาติถูกน้ำกรดราดฝังดินไว้นั้น ทีมข่าวลองทำการทดลอง โดยใช้เนื้อหมูแทนเนื้อของมนุษย์ และทำการใช้นำกรดหยอดยางพาราสูตรเข้มข้น เทใส่ลงไปที่บริเวณเนื้อหมู ทิ้งไว้ 5-7 นาที ปรากฏว่าเนื้อหมูอาจจะไม่ได้เปื่อยยุ่ยมาก หากเทียบกับศพผู้เสียชีวิตที่ถูกฝังไว้เป็นระยะเวลานาน

แต่จากการสังเกตจากเนื้อหมูสีชมพูหลังถูกน้ำกรดกัด ก็เปลี่ยนเป็นสีขาว ทีมข่าวลองเทน้ำกรดและเนื้อหมูลงพื้นหญ้า ปรากฏว่าเกิดฟองฟูขึ้นที่บริเวณพื้นดิน น้ำกรดดังกล่าวทำปฏิกิริยากัดกร่อนอย่างเห็นได้ชัด

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากกรณีที่พบศพฝังดิน และพบว่ามีขวดน้ำกรดหยอดต้นยางหลายขวดอยู่บริเวณรอบตัวศพนั้น ในน้ำกรดหยอดต้นยาง มีสารซัลฟิวริก มีฤทธิ์กัดกร่อน ถ้าราดไปบนตัวศพด้วยปริมาณจำนวนมากหลายขวด จะเป็นการไปทำลายเนื้อเยื่ย ทำลายอัตลักษณ์บุคคลจนไม่สามารถจดจำใบหน้ารูปร่างหน้าตาได้ เมื่อเนื้อเยื่อเปื่อยยุ่ยก็จะทำให้เชื้อแบคมีเรียเข้ามากัดกินเกิดการเน่าเร็วขึ้น คาดว่าผู้ก่อเหตุคาดหวังที่จะใช้น้ำกรดเพื่อทำลายอัตลักษณ์บุคคล ทำให้ศพเน่าได้เร็วขึ้น