จากกรณีนายปารเมษฐ์ ภัชกุล อายุ 49 ปี ถูกนางธัญชนิต ภัชกุล อายุ 40 ปี ภรรยา ใช้อาวุธมีดพับแทงตามร่างกายผู้ตาย 9 แผล เสียชีวิตบริเวณลานจอดรถหน้าแฟลตเอื้ออาทร 104 ภายในโครงการบ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม ซอยเสรีไทย 41 ถนนเสรีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ หลังจากผู้ตายกล่าวหาผู้ก่อเหตุว่าคบซ้อน ก่อนพยายามทำร้ายร่างกายผู้ก่อเหตุ
วันที่ 14 พ.ค. 64 ทีมข่าวมาพื้นที่เกิดเหตุในโครงการบ้านเอื้อาทรบึงกุ่ม จุดเกิดเหตุอยู่ถนนระหว่างอาคาร 104 และ 107 พบเป็นลานจอดรถ ผู้ตายถูกแทงบริเวณหน้ารถกระบะสีน้ำเงิน ชาวบ้านได้ล้างเลือดออกไปแล้ว
ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ ช่วงเวลา 00.38 น. ที่นางธัญชนิตมีปากเสียงกับนายการเมษฐ์ ลักษณะนายปารเมษฐ์วิ่งตามนางธัญชนิต ก่อนจะเข้าไปจิกหัว และใช้มือต่อยฝ่ายหญิงจนล้มลงกับพื้น มีการใช้หัวเข่ากระแทกที่ใบหน้าฝ่ายหญิง พร้อมชกที่ใบหน้าซ้ำอีกหลายหมัด มือซ้ายของผู้ตายยังจิกหัวภรรยาอยู่ นายปารเมษฐ์ใช้มือจิกหัวลากนางธัญชนิตมากลางถนน และชกต่อยซ้ำอีก
จากนั้น นายปารเมษฐ์ลากหัวนางธัญชนิตเป็นจังหวะนางธัญชนิตควักมีดและแทงไปตามร่างกายของผู้ตาย เมื่อผู้ตายถูกแทงยังใช้หมัดกระทุ้งหน้าภรรยาอีก 1 ครั้ง และมือก็ยังจิกหัวภรรยาอยู่ จนล้มอยู่หน้ารถกระบะ จังหวะนี้นางธัญชนิตใช้มีดแทงผู้ตายอีก จนผู้ตายยอมปล่อย แต่นางธัญชนิตยังแทงอีก 2-3 ครั้ง ก่อนทั้งคู่จะแยกกัน ที่เสื้อผู้ตายเริ่มเห็นเลือด ผู้ตายถกเสื้อขึ้นดูบาดแผลก่อนจะเดินไปเกาะหน้ารถกระบะ และล้มลงที่พื้น
นางสมคิด อาษา เพื่อนร่วมวงสุรากับผู้ตายและผู้ก่อเหตุ เป็นคนที่อยู่ในคลิปวงจรปิดช่วงทายที่วิ่งเข้ามา เปิดเผยว่า ตนไม่แน่ใจว่าผู้ตายและผู้ก่อเหตุมากินสุราตอนไหน แต่ปกติไม่เคยมากินกับตน เพิ่งจากมาเมื่อคืนที่ผ่านมา เท่าที่ทราบ 2 สามีภรรยามานั่งดื่มกันที่ร้านค้าที่หน้าตึก 104 ก่อนจะย้ายมาที่หน้าตึก 107 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และตนก็นั่งอยู่กับสามี
ช่วงก่อเกิดเหตุ นายปารเมษฐ์ได้บอกให้นางธัญชนิตกลับไปที่ห้องพัก เพื่อไปหาข้าวให้ลูกกิน ตอนนั้นนางธัญชนิตก็กลับไป ทั้งคู่ยังปกติ จนผ่านไปราว 2 ชั่วโมง นายปารเมษฐ์โทรศัพท์เรียกนางธัญชนิตให้มาตรงที่ดื่มเหล้า เมื่อนางธัญชนิตมาถึงก็มานั่งดื่มกัน ซึ่งช่วงนี้สามีตนกลับขึ้นห้องพักไปแล้ว ทำให้ในวงเหลือ 3 คน
จากนั้น นายปารเมษฐ์เริ่มถามนางธัญชนิตว่านอกใจไปมีชายอื่นหรือไม่ ซึ่งนางธัญชนิตก็ยอมรับผิด และขอโทษผู้ตาย โดยกราบไปที่หน้าขา 1 ครั้ง แต่ผู้ตายไม่พอใจ ใช้เท้าถีบนางธัญชนิต ก่อนจะด่ากันราว 30 นาที นายปารเมษฐ์ได้ลุกขึ้นจับนางธัญชนิตเหวี่ยงไปกับถนน คล้ายจะเอาอาวุธปืนจากกระเป๋าคาดอกออกมา ตนเองจึงไปจับฝ่ายชายไว้ และดึงกระเป๋าคาดอก
ระหว่างนี้ตนบอกให้ฝ่ายหญิงกลับห้องไป แต่ผู้ตายไม่หยุด ส่วนตัวไม่ได้ตามไปเพราะกลัวลูกหลง หลังจากนายปารเมษฐ์ถูกแทง นางธัญชนิตร้องให้ช่วยด้วย ๆ เพราะขณะนั้นนางธัญชนิตถูกนายปารเมษฐ์ถูกบีบคอ หลังจากทั้งคู่แยกกันมีการพูดกับนางธัญชนิตว่า "มึงทำกูงี้หรอ" ก่อนจะล้มลงและเสียชีวิต
ส่วนตัวไม่คิดว่าทั้งคู่จะฆ่ากัน ตนเองก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่วิ่งไปวิ่งมา ตนเองทราบว่าทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อย เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเห็นนางธัญชนิตใส่เฟือกแขนมา เพราะมีอาการแขนหักหลังถูกผู้ตายซ้อม บางครั้งก็มาแบบตาเขียว ส่วนตัวไม่รู้จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพราะร้อยวันพันปีผู้ตายกับผู้ก่อเหตุก็ไม่เคยจะมากินเหล้าแถวนี้ ส่วนจุดที่นั่งดื่มเหล้า ยังพบขวดเหล้าขาววางอยู่ 2 ขวด ซึ่งระบุว่าผู้ตายกินเหล้าไปจนมีอาการเมาก่อนจะมาเกิดเรื่อง ส่วนนางสมคิดดื่มเบียร์เพียงอย่างเดียว
นางดรุณี วันหวัง เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนที่นางธัญชนิตมาขออาศัยอยู่ 2 คืน หลังจากที่ทะเลาะกับสามี โดยช่วง 01.00 น. ของวันที่ 11 พ.ค. นางธัญชนิตมาเคาะห้องตน และบอกว่าขออาศัยอยู่ด้วย ซึ่งตนกับผู้ก่อเหตุรู้จักกันในฐานะเพื่อนบ้าน เคยเจอหน้าเจอตากันมาขอความช่วยเหลือ ตนเองก็ปฏิเสธไม่ได้ และนางธัญชนิตขอว่าตนห้ามบอกใคร
ระหว่างที่นางธัญชนิตมาหาตน เล่าว่าถูกสามีใช้อาวุธปืนจ่อหน้าผากมา บอกว่าอยู่บ้านไม่ได้แล้ว ผัวเอาปืนขู่ ขู่ลูกด้วย ส่วนตัวเคยรู้ว่าฝ่ายหญิงถูกผู้ชายทำร้านหลายครั้ง ปมหึงหวงว่ามีคนอื่น แต่ตอนที่ฝ่ายหญิงมาอยู่กับตน ก็ไม่พบว่ามีติดต่อชายคนไหน ก่อนหน้านี้เคยทราบว่าฝ่ายชายเคยเอาปืนตบหน้าผู้หญิง ฝ่ายหญิงต้องแหกปากร้องขอชีวิตและหนีออกมา ตนเองไม่สนับสนุนให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน ตนไม่รู้ว่าทั้งคู่จะถึงขั้นฆ่ากัน เพราะไม่มีวี่แวว แต่ยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุฝ่ายหญิงมาอยู่กับตนตลอด ช่วงกลางวันฝ่ายหญิงก็อยู่ห้องตน
น.ส.ศศิภัสสร ภัชกุล ลูกสาวคนโต เปิดเผยว่า ตนเองย้ายออกจากบ้านไป และรู้ว่าพ่อมีปัญหาทะเลาะกับแม่ จากนั้นแม่ก็หนีออกจากบ้าน พ่อมีการออกตามหาแม่ วานนี้ตนเองมาที่บ้าน และออกบ้านช่วง 11.00-12.00 น. ได้เจอกับแม่ระหว่างทาง แม่บอกว่ารักลูก ๆ แม่กำลังจะกลับบ้าน
ส่วนตัวมีพี่น้อง 5 คน ตนเป็นคนโต ตนเองต้องดูแลน้อง ๆ ต่อจากนี้ มีน้องสาว 19 ปี น้องชาย 12 ปี และน้องสาวฝาแฝด 7 ขวบ โดยช่วง 22.00 น. แม่โทรหาตนบอกว่า "แม่เหนื่อย ไม่ไหว พ่อทำร้ายแม่" จากนั้นตนก็ได้คุยกับพ่อช่วง 23.00 น. ซึ่งพ่อก็บอกว่ารู้ว่าลูกทุกคนรักพ่อ ส่วนตัวไปเยี่ยมแม่แล้วเมื่อเช้า แม่ไม่พูดอะไร ตนได้แต่จับไหล่แม่และบอกว่า "ไม่เป็นอะไร"
อย่างไรก็ตาม ตนอยากประกันตัวแม่ แต่ติดเรื่องเงิน ตนเองไม่โกรธพ่อแม่ ตนเองเข้าใจ แต่ตนโกรธตำรวจและชาวบ้านที่ไม่มีใครช่วยเหลือ ตนโทรศัพท์แจ้งความตอนพ่อแม่ทะเลาะกัน มักได้คำตอบว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ส่วนตัวหลังรู้เหตุตนจุก น้ำตาไหลไม่ออก เพราะตนสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนตัวยอมรับว่าในบ้านมีปัญหาครอบครัว แม่ทะเลาะกับพ่อ แต่ตนไม่ขอลงรายละเอียด ส่วนคนในบ้านเกือบทุกคนก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพทางจิต ที่เกิดจากปัญหาครอบครัว อย่างตนเคยป่วยซึมเศร้า ตนอยากบอกว่าตนรักพ่อ ถึงแม้ที่ผ่านมาตนจะไม่เคยบอกพ่อก็ตาม ตนไม่เคยเกลียดพ่อ
หลังศพเคลื่อนมาถึงได้มีการให้ญาติ ๆ เข้าไปดูหน้าศพครั้งสุดท้าย น.ส.ศศิภัสสร ได้พาน้อง ๆ เข้าไปดูร่างพ่อ หลังจากนั้นร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ส่วนน้องคนเล็กฝาแฝดได้เข้าไปปลอบพี่สาว และพูดว่า "ไม่เป็นไร ๆ พ่อเราตายแล้ว" ส่วนพ่อของผู้ตาย เข้ามาดูศพ ถึงกับขาอ่อน ร้องไห้และเกือบเป็นลม
