กฟน. จัดพิธีลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการสายไฟฟ้าใต้ดินพระราม 3

20 พ.ค. 60

เมื่อวันนี้ 19 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในฐานะผู้แทนหน่วยงาน ได้ร่วมพิธีลงนามสัญญาโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการพระราม 3 ร่วมกับกิจการค้าร่วม บริษัท ซิโนไฮโดรคอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท เทด้า จำกัด ณ อาคารสำนักงานใหญ่เพลินจิต การไฟฟ้านครหลวง

ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า กฟน. ในฐานะองค์กรชั้นนำด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้าในระดับสากล ได้ดำเนินการโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง และช่วยปรับทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครให้สวยงาม  มีความปลอดภัยและพร้อมสู่การเป็นมหานครแห่งอาเซียน ซึ่งการร่วมลงนามในครั้งนี้นับเป็นการแสดงเจตจำนงระหว่าง กฟน. และบริษัทผู้รับจ้างในการดำเนินการก่อสร้างงานด้านโยธา จัดหาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟฟ้าใต้ดินโครงการพระราม 3 ระยะที่ 1 ช่วงสะพานพระราม 9 ถึงบริเวณเลียบทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดยมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,520ล้านบาท และภายหลังจากการดำเนินโครงการฯ ครั้งนี้ กฟน. ยังมีแผนดำเนินการโครงการพระราม 3 ระยะที่ 2 คือ การก่อสร้างส่วนต่อขยายจากช่วงสะพานพระราม 9 ถึงบริเวณสะพานกรุงเทพ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ ครม. มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่31 มกราคม 2560 อนุมัติวงเงินลงทุนเพิ่ม 3 โครงการ  ได้แก่ 1) โครงการปทุมวัน จิตรลดา พญาไท (เพิ่มเติม) 2) โครงการนนทรี และ3) โครงการพระราม 3 เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่มีแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กฟน. ได้ดำเนินการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด จำนวน 7 โครงการ ได้แก่โครงการสีลม โครงการปทุมวัน โครงการจิตรลดา โครงพญาไท โครงการพหลโยธิน โครงการสุขุมวิท และโครงการปทุมวัน จิตรลดาและพญาไท (เพิ่มเติม) ในถนนราชวิถี รวมระยะทาง 41.9 กิโลเมตร ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่  โครงการปทุมวันจิตรลดา และพญาไท (เพิ่มเติม) ในถนนศรีอยุธยา ถนนโยธี ถนนเพชรบุรี ถนนราชปรารภ และถนนพระรามที่ 1 โครงการนนทรีโครงการพระราม 3 โครงการรัชดาภิเษก – พระราม 9 และโครงการรัชดาภิเษก - อโศก รวมระยะทาง 45.4 กิโลเมตร และโครงการมหานคร-แห่งอาเซียน เป็นระยะทาง 127.3 กิโลเมตร รวมเป็นระยะทางทั้งสิ้น 214.6 กิโลเมตร ซึ่ง กฟน.จะบูรณาการแผนงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดปัญหาที่ประชาชนจะได้รับ เช่น การปรับแผนการดำเนินโครงการในพื้นที่ที่ทับซ้อนกับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) การประปานครหลวง (กปน.) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (TOT) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (CAT) เพื่อให้แผนดำเนินการมีความสอดคล้อง และลดปัญหาที่ประชาชนจะได้รับอันเนื่องจากการก่อสร้าง ตลอดจนการประสานงานกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในการติดตามแผนงานนำสายสื่อสารของผู้ประกอบการทั้งหมดลงดินได้ทั้งหมดอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ กฟน. ได้มีการวางแผนการบริหารจัดการจราจรร่วมกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เช่น กรุงเทพมหานคร นนทบุรีสมุทรปราการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อบริหารจัดการการปิดพื้นที่เพื่อเร่งรัดการทำงานให้เสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อจะได้บริหารจัดการการจราจรให้สอดคล้องและส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด ซึ่ง กฟน. ได้มีการจัดทำแผนงานประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินโครงการตลอดระยะเวลาดำเนินการ โดยจะมีการลงพื้นที่เพื่อให้ข้อมูลของแผนงานกับประชาชนในพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างหรือใกล้เคียงให้ได้รับทราบก่อนดำเนินการก่อสร้าง โดยหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center โทร 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อมูลจาก : การไฟฟ้านครหลวง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ