โต้งออกทีวีเสกกระดูกหลวงปู่มั่น-ปู่แหวน สื่อค้นวุฒิ "ศาสตราจารย์" สถาบันโดนปิด (คลิป)

กรณีเพจเฟซบุ๊ก "แม่ทัพลิง 2/1 airline" ลงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติอาจารย์โต้ง พร้อมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับการถวายพระพุทธรูปทองคำ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นทองจริงหรือไม่ รวมทั้งการเสกพระธาตุกลางอากาศ เสกของจากพญานาคใต้น้ำทะเล และฝังเหล็กไหลลงในศีรษะมนุษย์ได้นั้น

ก่อนหน้านี้ อ.โต้ง ชี้แจงว่า กรณีมีคนตั้งข้อสังเกตว่าตนเป็น ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์จริงหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าตนเรียนจบปริญญาเอก พุทธบริหารการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่จำปีจบไม่ได้ ส่วนเรื่องการเป็นทูตทหารนั้น ตนก็เรียนจบนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ยศพันเอก ในปี 2533 และได้ไปเป็นทูตทหารที่ประเทศฝรั่งเศส และประเทศอังกฤษ แต่จำช่วงปีวาระไม่ได้ แต่ต้องออกจากราชการเพราะตนเสียชีวิตเส้นเลือดสมองแตกในปี 2546 แต่ฟื้นกลับมาได้ภายใน 3 วันนั้น

ซึ่งจากการตรวจสอบ ผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงตรวจสถาบันการศึกษาพุทธบริหารหารศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ที่ถูกอ้างถึง และ ม.สันติภาพโลก จ.สมุทรปราการ ก็พบว่าปิดไปแล้วนั้น พบว่าจัดตั้งไม่ถูกต้องในปี 2560 อีกทั้งตรวจไม่พบในประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวจึงได้มีการตรวจสอบพบว่าช่วงปี 2560 นายต้อมในขณะนั้น อ้างว่าเป็นพี่ชายของตำรวจยศ พ.ต.อ. แต่ปัจจุบันทีมข่าวได้มีการตรวจสอบบุคคลดังกล่าว พบว่ามียศเป็น พล.ต.ต.

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ตรวจสอบไปยังกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง ทราบข้อมูลยืนยันล่าสุดว่า อาจารย์โต้ง หรือ นายต้อม ชื่อเดิม พ.ต.วิทยา คำชำนาญ สังกัด กองพลทหารม้าที่ 2 สนามเป้า แต่ได้มีการลาออกจากราชการเมื่อปี 2546 และพบการกระทำในช่วงระยะหลังแอบอ้างว่าเป็นข้าราชการทหารยศ "เสธ" ซึ่งถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะหลังลาออกจากราชการทหารแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะแอบอ้างหรือแต่งกายชุดเครื่องแบบทหารได้อีก

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังของอาจารย์โต้ง หรือ ศ.ดร.ณธีพนธ์รัตน์ ชัชพนธ์รัตน์ เมื่อช่วงปี 2658-2560 เคยถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง และแสดงตนเป็นผู้อื่น อ้างเป็นอดีตกองพลทหารม้าที่ 2 สนามเป้า อ้างว่าเป็นคนสนิทของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งในขณะถูกจับกุมใช้ชื่อว่า นายปณต อดิศักดิ์ธาดา หรือ ต้อม (ชื่อเดิมนายวิทยา คำชำนาญ) โดยมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 และยังมี พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.สามเสน ในขณะนั้นเป็นผู้ตั้งโต๊ะแถลงดำเนินการจับกุม

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โต้งหน้าชาเจอ อ.อ๊อด จับพระธาตุเข้าแล็บดันเก๊ "พระสุธรรม" ชี้บาปหนักหากินผิดศีล
- อ.โต้งซูมง่ามนิ้วสู้ ขู่อมรินทร์ลบคลิป เจอแฉเสกเหล็กไหลลงหัวกลหลอกเด็ก
- อ.โต้งฉะสื่อแฉเหน็บพระธาตุตัดต่อ เจออีกพญานาคสิงช้อปปี้ "พุทธ - ฟิลิป" เสกโชว์ในเวหา
- บุกสำนักเสกพระธาตุ - ทรัพย์พญานาค เจอจัง ๆ ง่ามนิ้วเหนียว "พระ - ปลา - ฟิลิป" ยิ้มอ่อน
- ฟิลิปแฉยับ! เสกเพชรจากฟ้าตอกหน้า "อ.โต้ง" - วัดบ้านตาดจี้หยุดอ้างชื่อขอเงิน

ส่วนกรณีเพจ "อาจารย์โต้ง เสกพระธาตุ" ระบุข้อความว่า "นักข่าวตามล่า เชิญชวนมาทำบุญ" และภายในโพสต์ดังกล่าว ได้มีข้อความและโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนร่วมถวายสมเด็จองค์ปฐมฯ วันอาทิตย์ที่ 9 พ.ค. 64 เวลา 13.00-14.00 น. นั้น

วันที่ 8 พ.ค. 64 ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ สำนักปฎิบัติธรรมกรีบแย้มจันทร์วราราม หนองจอก ซึ่งจะเป็นสำนักปฎิบัติธรรมที่ 2 ที่จะนำพระสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าปางเปิดโลกมาถวายในวันพรุ่งนี้ โดยสำนักปฎิบัติธรรมดังกล่าวตั้งอยู่ห่างออกจากหมู่บ้านกว่า 800 เมตร ทางเข้าเป็นถนนลูกรัง อยู่ใจกลางทุ่งนา ไม่มีบ้านเรือนประชาชนล้อมรอบ ในพื้นที่หนองจอก เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ มีพระจำอยู่ 4 รูป ซึ่งมีศาลาปฏิบัติทำขนาดเล็ก 1 ศาลา และกุฎิสำหรับพระสงฆ์ 3-4 กุฏิ ทางเข้าของสำนักฯ มีคลองล้อมรอบ ต้องเดินผ่านสะพานไม้เข้าไปภายในสำนัก

ผู้ดูแลสำนักฯ ให้ข้อมูลว่า ในช่วงที่มีฝนตกหรือช่วงที่น้ำหลาก จะทำให้พื้นที่ภายในสำนักปฎิบัติธรรมเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ มีน้ำเข้ามาท่วม จึงได้เปิดโอกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาและชาวบ้าน ร่วมกันบริจาคซื้อดินมาถมที่ให้สูงขึ้น

พระสมุพ้อย ปริชาโณ หรือ หลวงตาพ้อย เจ้าสำนักปฎิบัติธรรม กรีบแย้มจันทร์วราราม หนองจอก เปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้รับการติดต่อโดยตรงจากอาจารย์โต้งว่าจะนำพระพุทธรูป แต่ได้รับการติดต่อจากลูกศิษย์ที่ศรัทธาสำนักปฎิบัติธรรม เป็นคนติดต่อนำพระจากอาจารย์โต้งมาถวาย ในฐานะเจ้าสำนักก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือขัดข้อง เมื่อมีคนนำมาถวายก็พร้อมรับเอาไว้ตามจิตศรัทธา แต่ยืนยันว่าสำนักปฎิบัติธรรมไม่ได้รู้จักกับอาจารย์โต้ง ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจารย์โต้งจะโด่งดังในโลกออนไลน์ หรือเป็นกระแสข่าวเรื่องการเสกพระธาตุ และแก้วพญานาค ส่วนตัวไม่รู้ เพราะไม่ได้ติดตามข่าว ไม่รู้ว่าบุคคลดังกล่าวเกี่ยวข้องอะไร เป็นเรื่องส่วนบุคคล

กรณีที่เพจเฟซบุ๊กของอาจารย์โต้ง มีการโพสต์หมายเลขบัญชีของพระธาดา เป็นหมายเลขบัญชีธนาคารกรุงไทยนั้น พระธาดาเป็นพระที่เคยจำอยู่ที่สำนักปฎิบัติธรรมแห่งนี้ แต่ในช่วงนี้ได้ย้ายไปจำพรรษาที่อื่น เพราะเป็นช่วงปฎิบัติธรรม แต่ก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่มีการโพสต์แล้ว มีคนร่วมสมทบทุนในการซื้อดินมาถมที่สำนักปฎิบัติธรรม เงินดังกล่าวจะถูกโอนหรือนำมามอบให้กับสำนักปฎิบัติธรรมหรือไม่ แต่ในการที่อาจารย์โต้งนำหมายเลขบัญชีไปโพสต์ ไม่ได้มีการสอบถามเจ้าสำนัก ซึ่งไม่รู้ว่าไปพูดคุยหรือติดต่อเป็นการส่วนตัวกับพระธาดาหรือไม่ และส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าพระธาดากับอาจารย์โต้งมีความสนิทสนมกันมากน้อยเพียงใด แต่ส่วนตัวในฐานะเจ้าสำนักปฎิบัติธรรมก็ยังคงแปลกใจว่าทำไมการเปิดรับบัญชีไม่ใช้ชื่อบัญชีของสำนักโดยตรง แต่กลับใช้หมายเลขบัญชีส่วนตัว

อาจารย์จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา กล่าวว่า ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ จากการที่อาจารย์โต้งบอกว่าทำบุญกับพ่อแม่ได้บุญ 100% แล้วทำไมไม่บอกให้ลูกศิษย์ทำบุญกับพ่อแม่ ทำไมต้องให้ลูกศิษย์ทำบุญด้วยพระทองคำผ่านทางอาจารย์โต้ง ทั้งนี้ พระพุทธเจ้าได้สอนว่า การบูชามี 2 ประเภท ได้แก่ 1.อามิสบูชา คือ การบูชาด้วยข้าวของ 2.ปฏิบบัติบูชา คือ การบูชาด้วยการปฏิบัติ ซึ่งพระพุทธเจ้าสรรเสริญปฏิบัติบูชามากกว่าการบชาด้วยข้าวของ ส่งเสริมการบำเพ็ญเพียรภาวนามากกว่าการใช้ทรัพย์เงินทองในการซื้อหาบุญ ดังนั้น การตีบุญเป็นมูลค่าด้วยวัตถุหรือด้วยทองคำ ตนก็อยากจะให้ลูกศิษย์หรือประชาชนตีความไปเลยว่าผู้สอนนั้นเป็นอาจารย์เก๊

ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านย่านสายไหม ของอาจารย์โต้ง หรือ ศ.ดร.ณธีพนธ์รัตน์ ชัชพนธ์รัตน์ พบว่าวันนี้ในช่วงที่ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่มา มีรถเก๋งและรถกระบะจอดเป็นแถวยาว ตั้งแต่บริเวณหน้าบ้านของอาจารย์โต้ง ยาวไปจนกระทั่งถึงบริเวณทางเข้าด้านหน้าของหมู่บ้านประมาณ 8-10 คัน โดยสังเกตว่าหลังจากที่กลุ่มลูกศิษย์เหล่านั้นลงจากรถก็จะรีบเดินเข้าไปที่รั้วบ้านอย่างรวดเร็ว มีการตั้งเต็นท์สนามสีขาวเอาไว้ 2 เต็นท์ และเมื่อลูกศิษย์บางคนเข้าไปพบเจอกับอาจารย์โต้งเสร็จแล้ว ก็จะรีบกลับออกมาแล้วขึ้นรถออกไปทันที

ระหว่างที่ทีมข่าวประสานอาจารย์โต้ง เพื่อขอเข้าไปภายในบ้าน รวมถึงดูการทำกิจกรรมวันนี้นั้น มีนายเรือง ลูกศิษย์ของอาจารย์โต้ง ซึ่งเป็นชาว จ.บึงกาฬ แต่มาทำงานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และจะแวะเวียนมาที่บ้านเป็นประจำเวลามีงานใหญ่ อ้างว่ารู้จักกับอาจารย์โต้งมานานกว่า 2 ปี ให้ข้อมูลว่า "วันนี้อาจารย์โต้งอยู่ในช่วงพักผ่อน ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์หรือให้ทีมข่าวเข้าไปภายในตัวบ้าน วันนี้ที่มีลูกศิษย์เดินทางมาหาจำนวนมาก เป็นการแวะมาเยี่ยมเยียน มาเขียนแผ่นทองเพื่อจะนำไปหล่อพระพุทธรูป ไม่ได้มีการแสดงอภินิหารเสกของขลัง ลูกศิษย์เดินทางมาช่วยเตรียมงานสำหรับที่จะถวายพระพุทธรูปในวันพรุ่งนี้เท่านั้น"

โดยระหว่างที่ทีมข่าวกำลังยืนพูดคุยกับลูกศิษย์อยู่บริเวณรั้วหน้าบ้าน สังเกตว่าอาจารย์โต้งยืนอยู่บริเวณกระจกหน้าบ้าน และแอบยืนมองดูอยู่เป็นระยะ

นายเรือง ลูกศิษย์คนสนิท บอกว่า ตนเองในฐานะลูกศิษย์ที่รู้จักกับอาจารย์โต้ง มีความเชื่อส่วนบุคคล และเคยเห็นทุกอย่างด้วยตา จึงทำให้เกิดความเชื่อและศรัทธา บางเรื่องถูกนำเสนอผ่านสื่อฯ อาจจะเป็นเพียงแค่บางมุมที่เห็นไม่ละเอียด หรือไม่ชัดเจน อย่างที่คนอยู่ร่วมในพิธีรู้เห็น เช่นเดียวกับกรณีเรื่องของการเทียบภาพและความคมชัดระหว่างทีมข่าวกับคลิปของลูกศิษย์ มองว่าเป็นมุมกล้องที่ต่างกัน ทีมข่าวมีการถ่ายภาพจากมุมกล้องด้านข้าง แต่ส่วนกล้องของลูกศิษย์ถ่ายจากมุมตรง สามารถมองเห็นได้ชัดกว่า ดังนั้นภาพดังกล่าวตนเองไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าเป็นการตัดต่อหรือไม่ เพราะกลัวจะบานปลาย แต่เชื่อว่าเป็นเรื่องของมุมกล้อง

ส่วนตัวยังเคยพบเห็นอภินิหาร และความศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงการเสกเครื่องรางของขลังภายในอากาศได้ ของที่ตนเองเห็นไม่ใช่ของชิ้นเล็ก แต่เป็นการเสกพระสมเด็จ เป็นพระสมเด็จเนื้อเหล็กไหล ตอนนี้ตนเองนำมาบูชาใส่กรอบแขวนไว้ที่เขาคอ ถ้าสมเด็จที่ตนเองแขวนไว้ที่เขาคอ เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน อาจารย์โต้งได้มีการเสกกลางอากาศ แบมือให้เห็นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ไม่มีการหนีบหรือจับอะไรไว้ จากนั้นก็ได้มีการท่องบทสวดบางอย่างและคว้าอากาศ จากนั้นได้แบมืออีกครั้ง พบว่ามีพระสมเด็จเนื้อเหล็กไหลอยู่นำมายื่นให้กับตนเอง ตนเองได้มีการถวายเงินเพื่อบูชาพระสมเด็จจำนวน 1,000 บาท ทุกครั้งที่มีการนำของขลังหรือเหล็กไหลมาให้ลูกศิษย์ได้บูชา อาจารย์โต้งไม่เคยกำหนดราคา ขึ้นอยู่กับจิตศรัทธา

และในวันเดียวกันที่รับพระสมเด็จ ตนเองก็ยังได้รับพระธาตุเป็นลูกแก้วสีขาวใส และยังได้รับเพชรพญานาคสีเหลือง นำกลับไปบูชา โดยพฤติกรรมอาจารย์ให้ทุกคนหลับตาและพนมมือพร้อมกับท่องบทสวดว่าตาม ลูกศิษย์ทุกคนก็นั่งอยู่บนเก้าอี้หลายคน ระหว่างที่หลับตาและท่องบทสวด ก็จะได้ยินเสียงของหล่นลงมาจากที่สูง ตกลงบนพื้นเป็นเสียงสิ่งของกระทบพื้น จากนั้นอาจารย์ได้ให้ทุกคนลืมตาขึ้น ก็พบว่ามีพระธาตุและแก้วพญานาคสีสันต่าง ๆ ตกลงมาอยู่บริเวณพื้นใกล้กับตนเอง และใกล้กับลูกศิษย์ทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะมีบุญได้รับสีอะไร เมื่อได้รับแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าจะถวายปัจจัยหรือถวายเงินเพื่อบูชาจำนวนเท่าไร แต่ยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีการเรียกร้อง ทุกคนบูชาไปด้วยความศรัทธา

ขณะเดียวกัน กรณีที่อมรินทร์ทีวีนำพระธาตุและเพชรพญานาคไปให้นักวิชาการตรวจสอบ ผลปรากฏว่าเป็นพลาสติกเทียม หรือเศษแก้วทั่วไปที่หาซื้อได้ตามตลาดนั้น ส่วนตัวมองว่าการที่จะได้รับไปบูชาหรือได้รับเอามาติดตัว ขึ้นอยู่กับบุญกุศลของแต่ละคน เพราะตนเองเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ได้รับมานั้นคือของแท้

นอกจากนี้ พบว่า อ.โต้ง เคยออกรายการโทรทัศน์จาก h+ โดยแสดงโชว์การเรียกหลวงปู่แหวน และหลวงปู่มั่น ด้วยการชูมือขึ้นกลางอากาศ กำมือแล้วแบออกมา พบว่าเป็นวัตุสีขาวใส และบอกว่าหลวงปู่แหวน และหลวงปู่มั่นจะมาในชั่วขณะนั้น