ฝรั่งฆ่าเมียยัดถังปล่อยโฮสำนึก แม่คาใจเลือดกระเซ็นทั่ว เผยชนวนขอซื้อรถใหม่ (คลิป)

กรณี น.ส.พิชชาพร คิดชอบ หรือ ส้มโอ อายุ 32 ปี กำลังตั้งท้องได้ 2 เดือน หายตัวไปอย่างเป็นปริศนาจากบ้านพัก โครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่งใน ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน ส่วนนายเจสัน แมทธิว บัลเซอร์ ชาวอเมริกัน สามีชาวต่างชาติ ขี่จักรยานยนต์แบบวิบากออกจากบ้านหนีหายอย่างมีพิรุธ เบาะแสล่าสุดพบเห็นที่ จ.เชียงใหม่ ก่อนถูกจับตัวได้ รับสารภาพว่าฆาตกรรมภรรยาจริง อำพรางศพยัดถังหมกข้างป่า

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผัวฝรั่งรับแล้วฆ่าเมียท้อง จ้วงแทงยัดถังขยะลากศพทิ้งป่า แม่โฮเห็นศพแช่งประหาร
- แฉ "เจสัน" ฝรั่งเหี้ยมฆ่าเมียไทยเป็นมาเฟียเก่า - ถอยรถใหม่หนีหลังยัดศพเมียลงขยะ
- พิรุธ! สาวท้องหายลึกลับ ผัวฝรั่งทิ้งของเปื้อนเลือดก่อนเผ่น ขุดคดีเก่าโผล่หวิดฆ่าสาว

โดยพฤติกรรมของนายเจสัน ผู้ต้องหาในห้องคุมขัง ช่วงกลางคืนที่ผ่านมา เดินวนไปมาในห้องขังคล้ายมีอาการเครียด

วันที่ 7 พ.ค. 64 หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองน่าน นำตัวนายเจสัน ผู้ก่อเหตุมาถึงที่ สภ. เมื่อช่วงเวลา 03.00 น. ที่ผ่านมา ต่อมาเวลา 10.00น. พลตำรวจตรีมงคล สัมภวะผล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน เดินทางมายัง สภ.เมืองน่าน เพื่อเข้าสอบปากคำนายเจสันด้วยตัวเอง โดยจะเค้นสอบในเรื่องของปมปัญหาในการลงมือก่อเหตุ ว่าสอดคล้องกับหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหรือไม่ ซึ่งใช้เวลาสอบสวนนานถึง 4 ชม.

จากนั้นเวลา 14.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองน่านคุมตัวนายเจสัน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในขณะที่กำลังทำตัวนายเจสันไปขึ้นรถ ทีมข่าวพยายามสอบถามว่านายเจสันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงก่อเหตุ อยากจะพูดขอโทษครอบครัวผู้ตายหรือไม่ แต่นายเจสันก็นิ่งเงียบ สีหน้าแววตามีความเครียด

ช่วง 15.00 น. ตำรวจนำนายเจสันขึ้นรถกระบะ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นายมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยหลังจากนำตัวผู้ต้องหาลงจากรถ นางอนงค์ แม่ผู้ตายยืนวิดีโอคอลคุยกับน้องสาวของผู้ตาย ด้วยความโกรธแค้น แม่และน้องสาวร้องตะโกนออกมาจากโทรศัพท์ ระบุว่า "แกมันเป็นไอ้ปีศาจ แกมันเป็นปีศาจ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน ขอให้มึงตายในคุก"

ระหว่างนั้น นางอนงค์ก็เดินตามมาที่หน้าบ้าน โดยตำรวจต้องกันเอาไว้เพื่อไม่ให้เข้าใกล้ผู้ต้องหา ระหว่างนั้นน้องของผู้ตายที่อยู่สหรัฐอเมริกา ได้พูดผ่านโทรศัพท์ว่า "ขออย่าเชื่อคำพูดคนร้าย เพราะเขาโกหก เขาเป็นคนพกมีดตลอดเวลา ยืนยันว่าพี่สาวไม่มีการหลอกเอาทรัพย์สินจากคนร้าย"

จุดที่ 1 ที่บ้านเกิดเหตุจำลองเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ช่วงที่นายเจสันกำลังอำพรางศพ และทำลายหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่พาตัวนายเจสั้นเข้าไปในบ้านพัก ในห้องนอน ซึ่งเป็นจุดฆาตกรรมก่อนจะพาตัวออกมาทำแผนช่วงขนของขึ้นรถ รอบที่ 1 ของการออกจากบ้านเป็นการนำถังขยะสีเขียว บรรจุศพออกไปช่วง 6.00 น. เพื่อนำไปทิ้งก่อนเป็นรอบแรก รอบที่ 2 ขับรถกระบะกลับมาบ้าน และขนถุงขยะเป็นผ้าปู และของที่เปื้อนเลือด 4 ถุงดำไปทิ้ง โดยปิดส่วนท้ายกระบะที่ทำพิเศษเป็นที่เก็บของ

ตำรวจให้นายเจสัน ขึ้นไปนั่งบนรถ ที่นั่งคนขับ ระหว่างนี้นายเจสันร้องไห้ บอกว่า "ตนรักภรรยามาก ขอโทษ" ก่อนจะร้องไห้ฟูมฟาย

หลังจากนั้นพาไปจุดทิ้งขยะ นายเจสันให้การเพิ่มว่าทิ้งถุง 2 ใบ ห่างจากบ้านราว 500 เมตร เป็นที่รกร้าง เป็นพวกที่ใส่ผ้าปูที่นอน โดยการโยนข้ามรั้วลวดหนามไป คาดว่าคนเก็บขยะมาเก็บขยะเหล่านี้ออกไปทิ้งที่บ่อทิ้งขยะ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่เจอที่จุดดังกล่าว

ระหว่างคุมตัวที่จุดนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนำน้ำดื่มให้กับนายเจสัน นายเจสันมีท่าทีที่ค่อนข้างสุภาพบอกว่า "ขอบคุณครับ" เมื่อทีมข่าวสอบถามต่อว่านายเจสันต้องการพูดอะไรหรือไม่ ทำไมถึงฆ่าภรรยา นายเจสันไม่พูดแต่ร้องไห้

จากนั้น เจ้าหน้าที่พาไปทำแผนจุดที่ 2 บริเวณจุดที่ทิ้งขยะ จุดนี้นายเจสันนำรถถอยเข้ามาจอด และหยิบถุงดำหลังรถโยนใส่กองขยะเพื่อทิ้ง หลังจากไปทิ้งศพมาแล้ว นายเจสันพูดคุยเมื่อเจ้าหน้าที่พยายามถามคนร้ายถึงการหลบหนีว่ามีปลายทางหรือไม่ คนร้ายระบุว่า ไม่มีจุดหมาย เพียงขับรถออกไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

จุดที่ 3 นายเจสันให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ตัวเองตั้งใจเข็นถังขยะสีเขียวลงไปทิ้งด้านล่าง แต่เกิดลื่นล้ม ทำให้ถังและตัวเองกลิ้งลงไปข้างล่างด้วย

เจ้าหน้าที่คุมตัวนายเจสันมาต่อที่โกลบอลเฮ้าส์ สถานที่ซื้อถังช่วงบ่ายวันที่ 2 พ.ค. ก่อนขนกลับบ้าน เพื่ออำพรางศพ รวมวันนี้ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพโดยละเอียด ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน พร้อม พ.ต.อ.ชาตรี หทยะวัฒน์ ผู้กำกับ สภ.เมืองน่าน ซึ่งมาดูการทำแผนประคำรับสารภาพ เปิดเผยว่า คนร้ายให้การรับสารภาพ เบื้องต้นทำไปเพราะมีความเครียดสะสมที่ทะเลาะกับผู้ตาย ซึ่งเป็นปัญหาในครอบครัว ไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เนื่องจากต้องให้เกียรติผู้ตาย และเป็นคำให้การฝ่ายเดียวของผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการพาตัวผู้ต้องหาไปตรวจโควิด-19 ก่อนนำส่งเรือนจำ เพราะขณะนี้มีการฝากขังออนไลน์เป็นที่เรียบร้อย

โดยการทำแผนแต่ละจุดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนตอนนี้มีการแจ้งข้อหาเรื่องการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนจะเข้าข่ายไตร่ตรองหรือไม่ต้องรอดูพยานหลักฐานเพิ่มเติม และข้อหาซ่อนเร่นอำพรางศพ มีการคัดค้านการประกันตัว ผู้ต้องหาไม่มีญาติและไม่ประสงค์แจ้งญาติ ส่วนคดีเก่าของผู้ต้องหา ต้องขอดูในรายละเอียดก่อน ซึ่งไม่ได้มีผลกับคดีนี้ ส่วนสถานฑูตยังไม่มีการติดต่อมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำหนังสือแจ้งไป ส่วนที่ผู้ตายที่อยู่ในสภาพเปลือยกาย เบื้องต้นผู้ต้องหาระบุว่าผู้ตายก่อนจะถูกฆ่านั้น อยู่ในสภาพนั้นอยู่แล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุจะมีปัญหาทางจิตหรือภาวะใดเกี่ยวกับการกินยาจิตเวชหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะให้แพทย์ตรวจอีกครั้ง

นางอนงค์ ตันยา แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองมาเก็บของของลูกสาวกลับบ้านเพื่อนำไปทำบุญ ส่วนตัวยังไม่ได้เจอเจสัน ตั้งแต่วันที่เจสันออกจากบ้านไป ตนเองอยากเจอเจสันมาก และจะรอดูการทำแผน ตนอยากจะถามว่า “มีจิตสำนึกไหม ที่ทำกับลูกสาวตนได้แบบนี้” ตนจะถามเป็นภาษาไทย ภาษาบ้าน ๆ ถึงเจสันจะฟังไม่ออกก็ตาม

ทั้งนี้ นายเจสันน่าจะตั้งใจก่อเหตุมาแล้ว เพราะมีการไปซื้อถังมาใส่ศพลูกสาวตน ตอนแรกตนเองไม่คิดว่านายเจสันจะตั้งใจ แต่ดูจากสิ่งที่ทำ นายเจสันน่าจะเตรียมการแล้ว หากเจสันจะอ้างว่าพลั้งมือ ตนไม่เชื่อ แม้แต่ที่อ้างว่าลูกตนไล่กลับประเทศ ซึ่งลูกสาวตนเคยบอกว่าหากอยู่กันไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ ขนาดลูกสาวตนท้องลูกชายเจสัน นายเจสันยังทำได้เช่นนี้ สิ่งที่ลูกตนพูดกับสามีแบบนั้น ตนคิดว่าก็เป็นเพราะเจสันเป็นคนโผงผาง ลูกสาวตนก็โผงผาง แต่จริงแล้วลูกสาวตนรักเจสันมาก คิดว่าบั้นปลายชีวิตก็หวังจะอยู่กับเจสัน เพราะลูกสาวตนเพิ่งไปรับสามีกลับมาเช่าบ้าน และเพิ่งซื้อที่ดินใน จ.น่าน มูลค่า 700,00 บาทเพื่อเตรียมสร้างบ้าน สร้างครอบครัวกัน

ตนยืนยันว่าไม่ใช่การหลอก หากจะหลอกลูกสาวตนคงไม่มีลูกด้วย อีกอย่างถึงแม้เงินต่าง ๆ ที่ใช้ซื้อของจะเป็นของเจสัน แต่ก็เป็นคนต้องการเจสันทั้งนั้น อย่างรถกระบะ ตนเคยถามลูกทำไมซื้อรถคันใหญ่ ลูกก็บอกว่าฝรั่งชอบแบบนี้ อย่างไรก็ตาม วันที่เจสันออกจากบ้านไป ได้ยื่นจดหมาย 1 ฉบับให้ตน ตนเองอ่านไม่ออก และนายเจสันยังให้เงินตน 5,000 บาท บอกให้ไปซื้ออาหารให้หมาแมว ก่อนจะพูดเป็นภาษาอังกฤษและออกจากบ้านไป ส่วนตัวไม่คิดว่านายเจสันจะหนี คิดว่าออกไปธุระ

ตนเองมาคิดว่า หากวันที่ 3 พ.ค. ตนเองมาไม่ทันนายเจสัน นายเจสันอาจจะหลบหนีไป โดยที่ตนเองก็คิดว่าลูกสาวตนคงหนีเที่ยว และไม่กลับบ้าน คงยังไม่เจอศพเร็วเช่นนี้ วันนี้ของในบ้านทั้งหมดจะเอาไปทำบุญ แมวหนึ่งตัวของลูกสาวตนก็จะเอาไปเลี้ยง เพราะเป็นแมวที่ลูกสาวรัก ลูกสาวตนเป็นคนดีมาก หลังเกิดเหตุไม่มาหาตน และไม่ไปหาญาติเลย ตนเชื่อว่าลูกคงไปสบาย ตนเองจิตใจย่ำแย่ ตอนนี้ใจในในดวงตาก็มีแต่ลูกสาว ตนยังคิดว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ ตนขอให้ลูกไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ให้หมดห่วง ไม่ทุกข์ทรมาน ใจจริงตนเองหวังกับลูกสาวและหลานมาก ตนเองอยากอุ้มหลาน เพราะหลานคนนี้หากคลอดจะเป็นหลานคนแรกของตน

ครอบครัวของผู้ตายเดินทางมาเก็บข้าวของในบ้านเพื่อนำกลับไปที่บ้านเกิด หมู่ 4 ต.แม่สาคร อ.เวียงสา จ.น่าน พบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องโถง ในบ้านไม่พบความผิดปกติ ที่นอน ผ้าห่ม หมอน ซึ่งครอบครัวผู้ตายใส่ถุงดำมาทิ้งไว้หน้าบ้าน ห้องกลางบ้านมีรอยเลือดติดผนังบ้าน

หลังจากที่เก็บของในบ้านแล้วเสร็จ ได้เดินทางไปที่ป่าหลังหมู่บ้าน เพื่อทำพิธีแก้บนตามความเชื่อ มีการเตรียมหมู่ 1 ตัว ชำแหละออกมาเพื่อจะทำเป็นอาหารเมนูต่าง ๆ ทั้งก้อย ลาบ ต้มแซ่บ ธูป 16 ดอก เทียน 1 คู่ ก่อนจะไว้เชิญเจ้าป่ามากินเครื่องเส้นไหว้ หลังจากทำพิธีเสร็จ มีญาติผู้ตายนำท่อนไม้ขนาดราว 2 เมตร เพื่อวัดว่าเจ้าที่เจ้าป่ารับรู้หรือไม่

โดยการวัดรอบแรกคือการใช้แขนวัด 1 รอบ จะได้ความยาวพอดีแขน ก่อนจะสวดขอเจ้าที่ หากรับรู้ให้ไม้ยาวขึ้น และทำการวัดอีกรอบ พบว่าปลายไม้ยาวขึ้นมา 1 ข้อนิ้ว ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อว่าเจ้าที่รับรู้แล้ว

นายจรูญ ตันยา ลุงผู้ตาย เปิดเผยว่า พิธีนี้ทำขึ้นเพื่อแก้บนแก่เจ้าป่าเจ้าเขา ที่ครอบครัวเคยบนบานเอาไว้ตอนค้นหาผู้ตาย โดยระบุขอให้เจอผู้ตาย ซึ่งจุดไปพบก็ใกล้เคียงกับคำทำนายของหมอดูหลายคน ที่ระบุว่าน้องจะอยู่ในท่อ ในถัง ใกล้กับบ่อน้ำ ครอบครัวจึงตัดสินใจมาแก้บนวันนี้ หลังจากที่รู้ว่าจับคนร้ายได้ ส่วนตัวตอนนี้ก็รออยากเห็นหน้าคนร้าย