อ.โต้งฉะสื่อแฉเหน็บพระธาตุตัดต่อ เจออีกพญานาคสิงช้อปปี้ "พุทธ - ฟิลิป" เสกโชว์ในเวหา (คลิป)

จากกรณีมีชายรายหนึ่งใช้ชื่อ "ศ.ดร.ณธีพัฒน์ ชัชพนธ์รัตน์" ซึ่งใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า "อาจารย์โต้ง เสกพระธาตุ" มีการโพสต์เกี่ยวกับเรื่องการชักชวนทำบุญต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวเรื่องการเสกหินสีที่อ้างว่าเป็นพระธาตุ เพชรพญานาค ฯลฯ ล่าสุด มีเพจเฟซบุ๊กออกมาเผยว่ามีการเสกพระพุทธรูปปีกแมงทับ กริช กำไลพญานาคมาจากใต้ท้องทะเลนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บุกสำนักเสกพระธาตุ - ทรัพย์พญานาค เจอจัง ๆ ง่ามนิ้วเหนียว "พระ - ปลา - ฟิลิป" ยิ้มอ่อน
- ฟิลิปแฉยับ! เสกเพชรจากฟ้าตอกหน้า "อ.โต้ง" - วัดบ้านตาดจี้หยุดอ้างชื่อขอเงิน

วันที่ 6 พ.ค. 64 ทีมข่าวโทรศัพท์ไปหา อ.โต้ง เปิดเผยว่า ตนมีความกังวลใจที่ภาพเม็ดพระธาตุเป็นสีเหลือง เพราะโดยปกติพระธาตุหลวงปู่มั่นจะต้องเป็นสีขาวเท่านั้น ก็กลัวว่าจะมีลูกศิษย์หลวงปู่มั่นหรือใครมาตำหนิว่าทำให้พระธาตุเป็นสีเหลือง และตนเชิญพระธาตุออกมาก็เป็นสีขาว และตนยืนยันว่าไม่ได้ใช้กลหรือซ่อนพระธาตุไว้ที่ง่ามนิ้ว ตนสามารถเสกพระธาตุได้จริง

สำหรับเรื่องราวการเสียชีวิตนั้น ตนเกิดปี 2546 เหตุการณ์เกิดจากที่ตนกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากนั้นก็เกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตก หมอพยายามปั๊มหัวใจแต่ตนไม่ฟื้น ซึ่งช่วงที่หลับไปนั้น ได้นิมิตว่าหลวงปู่มั่น พระเกจิ ได้มาพาไปเยี่ยมชมนรก ชั้นอุสทนรก นรกป่างิ้ว และชั้นโลหะกุมภี กระทะทองแดง โดยไปเจอเพื่อนทหารที่ถูกผู้ก่อการร้ายยิงตายสมัยหนุ่ม อยู่ในกระทะทองแดง ตกนรกเพราะกินเหล้า และเจอหลวงตาเล็ก วัดคลองแม่ลาย จ.กำแพงเพชร เป็นพระที่ตนเคยใส่บาตรตอนเด็ก ๆ ตกนรกเพราะแอบเอาเงินวัดไปจ่ายส่วนตัว ซึ่งทำให้ตนจดจำได้ แต่สุดท้ายฟื้นที่ห้องดับจิต ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยเสียชีวิตไป 3 วัน

ล่าสุด ข่าวอาจารย์โต้ง ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ คุณหนุ่ม กรรชัย บอกว่าได้ดูรายการทุบโต๊ะข่าว ที่ไอซ์ สารวัตรได้ไปลงพื้นที่วานนี้ คุณหนุ่ม กรรชัยบอกขอบคุณภาพจากอมรินทร์ ทีวี แต่อาจารย์โต้งคล้ายไม่พอใจ สงสัยว่าไปแต่งภาพหรือไม่ ทำให้สีแสงเป็นแบบนั้น อาจารย์โต้งบอกว่าอมรินทร์เสนอข่าวไม่ตรงความจริงหรือไม่ แต่คุณหนุ่ม กรรชัย บอกว่าผมเข้าใจว่าเป็นสื่อต้องเสนอทั้ง 2 มุมข่าว นอกจากนี้ ยังมีเพจเฟซบุ๊กที่โพสต์ระบุถึงภาพที่ทีมข่าวบันทึกภาพนั้นจริงเท็จอย่างไร

นายสารวัตร กิจพานิช ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี ที่เดินทางไปสัมภาษณ์กับ อ.โต้ง เสกพระธาตุ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 64  เปิดเผยว่า วานนี้ที่เดินทางไปสัมภาษณ์ อ.โต้ง ยืนยันว่าภาพที่เห็นวัตถุใส ๆ เหน็บอยู่ในร่องนิ้วโป้งกับนิ้วชี้นั้นเป็นภาพจริง ที่มาเห็นหลังจากการสัมภาษณ์จบแล้ว โดยการถ่ายทำเป็นการถ่ายภาพแบบบันทึกยาว ไม่มีการหยุดบันทึกหรือตัดต่อ โดย อ.โต้ง ให้สัมภาษณ์และมีการแสดงการเสก หากดูภาพเต็มจะเห็นว่าไม่มีการตัดต่อ

ทั้งนี้ ตนคงตอบไม่ได้ว่าพระธาตุบังเอิญเสกมาก่อนจะกำมือ หรือว่า อ.โต้งเอามาเหน็บไว้ ขอให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสิน และให้เกียรติ อ.โต้ง ที่มีการชี้แจง แต่ยืนยันว่าทีมข่าวไม่มีการตัดต่อ ส่วนพฤติกรรมของ อ.โต้ง ก่อนการทำการเสกจะโชว์มือให้ดู คว่ำไปมาให้ดูตามร่องนิ้ว มีการกำมือเพื่อให้ดูร่องนิ้วว่าไม่มีการเหน็บสิ่งของไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำระหว่างจะเสก เพราะการเสกพระธาตุจะมาโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่เหมือนการแสดงมายากลหรือโชว์

มีช่วงหนึ่ง อ.โต้ง เสกจักรออกมา อ้างเป็นจักรที่เกิดจากเหล็กไหล แต่จะเสกมาขณะทีมข่าวเผลอ หรือระหว่างถ่ายภาพวัตถุมงคล ทำให้เราไม่เห็นก่อนจะเสก หลังจากนั้น ตนเองได้พยายามสังเกตและบันทึกภาพด้วยโทรศัพท์มือถือเอาไว้ด้วย พบว่า อ.โต้ง มีช่วงเหล่ตามองทีมข่าว เอามือหนึ่งล้วงกระเป้า จากนั้นผ่านไป 5 นาที ก็เริ่มทำการเสกพระธาตุจากภาพหลวงปู่มั่น

โดยเห็นพฤติกรรม อ.โต้ง หันหน้าไปทางหนึ่ง แต่เหล่ตามองผู้สื่อข่าวขณะกำลังดูสิ่งของที่อ้างว่างมได้จากใต้ทะเล พบเห็น อ.โต้ง พยายามล้วงบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อ นอกจากนี้ สิ่งที่สามารถจับสังเกตได้อีกคือ เวลาจะโชว์เสกพระธาตุจะพลิกมือให้ดู แต่ไม่ได้ให้ตรวจสอบที่มือ และหลังจากกำมือแล้ว จะเห็นว่ามีการขนับนิ้วโป้งทุกครั้ง ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร

ทีมข่าวยืนยันในความจริงในการนำเสนอ และอยากให้ อ.โต้ง อธิบายตามความเป็นจริง เพราะภาพดังกล่าวไม่ได้มีการตัดต่อ ดังนั้นจึงอยากรู้พระธาตุนั้นเสกมาอยู่ที่ร่องนิ้วก่อนได้อย่างไร

ทีมข่าวลงพื้นที่ย่านท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ นายเอก คนขายสสารทำเครื่องประดับ ได้นำหินมณีใต้น้ำมาให้ทีมข่าวดู ซึ่งเป็นลักษณะหินใสและคละสี สีขาวใส สีชมพู สีเขียว และสีน้ำเงิน ถูกหล่อเป็นรูปร่างต่าง ๆ คละแบบกันไป โดยราคาก็แตกต่างกัน รูปวงรีเม็ดละ 60 บาท, รูปหยดน้ำเม็ดละ 40 บาท และรูปทรงกลมเล็กเม็ดละ 30 บาท หินพวกนี้เป็นสสารที่นำไปใช้ทำเป็นเครื่องประดับ เรียกว่า "มณีใต้น้ำ" ซึ่งจะหาซื้อได้ในพื้นที่ท่าพระจันทร์และเยาวราช แหล่งที่มาของหินพวกนี้จะมาจากประเทศจีน ผลิตขึ้นจากการหลอมแก้วเป็นรูปทรง และผสมสีสันต่าง ๆ เข้าไปในเนื้อแก้ว ซึ่งตั้งแต่ตนอยู่ในวงการขายเครื่องประดับมา ไม่เคยเจอว่าหินลักษณะนี้จะมีที่มาจากท้องทะเลในประเทศไทย

สำหรับหิน "มณีใต้น้ำ" เป็นแค่เครื่องประดับธรรมดา ไม่มีพุทธคุณ นอกเสียจากบางคนซื้อหินนี้ไปปลุกเสกก็จะทำให้มีพุทธคุณต่าง ๆ ตามความเชื่อของบุคคล แต่ยืนยันได้ว่าหินที่ปรากฏอยู่ในข่าวนั้น เป็นหินชนิดเดียวกับที่ตนขายอยู่ แต่เขาจะมีเทคนิคเสกออกมาอย่างไรตนก็ไม่ทราบ

สำหรับหินใสที่มีรูปร่างเป็นพระพุทธรูปและกริชพญานาคนั้นก็คือ "มณีใต้น้ำ" ที่เป็นแก้ว ซึ่งน่าจะถูกนำมาแกะสลักเป็นรูปร่างต่าง ๆ และนำมาปล่อยเช่าบูชา ส่วนกำไลก็มาจากเมืองจีน โดยของทั้งหมดหาได้ตามย่านท่าพระจันทร์และย่านเยาวราช ถูกมนุษย์สร้างขึ้นมาเองและนับถือกันเอง ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตนเองก็ไม่เชื่อกับสิ่งเหล่านี้

ทีมข่าวเข้าแอปพลิเคชันขายสินค้าออนไลน์ Shopee พบกำไลข้อมือพญานาคประดับพลอย คล้ายกับกำไลที่ อ.โต้ง ดึงขึ้นมาจากน้ำ และปล่อยเช่าบูชาถึงวงละ 3,000 บาท แต่ในแอปฯขายของออนไลน์นั้นขายเพียงวงละ 100 บาท ซึ่งมีพลอยประดับหลากหลายสีสันให้เลือกมากมาย

น.ส.นารีรัตน์ ชาติกุล หรือ หญิง อายุ 32 ร้านกำไลมหามงคล บอกว่า ตนพอจะได้เห็นข่าวที่เกิดขึ้นบ้างเว็บไซต์และข่าวโทรทัศน์ ซึ่งตนก็ยอมรับว่าช่วงนี้กระแสพญานาคกำลังมาแรงจริง เพราะมีลูกค้าโทรเข้ามาถามเยอะพอสมควร

แต่ราคากับสิ่งของที่ตนเห็นนั้นก็ค่อนข้างสูง เพราะเท่าที่ตนเคยเห็นและเคยขายตัวกำไลข้อมือพญานาคแบบนี้เป๊ะ ๆ เนื้อทองเหลือง, ตะกั่ว ราคา 399-599 บาท เนื้อเงิน 1,599 บาท และจะดูตามราคาการขึ้นลงของเนื้อเงินแต่ละช่วงประกอบด้วย แต่ต่อให้แพงขนาดไหนก็ไม่ถึง 3,000 ส่วนราคากริชพญานาคก็จะอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 บาท

ส่วนกำไลพญานาคที่ตนขายอยู่ในตอนนี้ เป็นเนื้อทองเหลืองชุบ ราคาเริ่มต้นก็จะอยู่ที่เส้นละ 99 บาท อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าที่ของมันมีราคาสูงผิดปกติ อาจเกิดจากความศรัทธาของแต่ละคน แต่ควรคำนึงถึงกำลังซื้อของตัวเองด้วย หากกำลังซื้อน้อยแต่ราคาขายสูงก็เปลี่ยนจากการซื้อเครื่องรางของขลังมาเป็นการเคารพบูชาภายในใจก็ไม่ผิด

ทีมข่าวลงพื้นที่โรงเรียนฟิลิปมายากล เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พูดคุยกับนักมายากลระดับแนวหน้าของประเทศไทย อ.ฟิลิป มายากล ได้จำลองทริกที่ อ.โต้ง ใช้เสกพระธาตุ โดยการนำก้อนหินสีมาหนีบไว้ที่โคนนิ้ว ระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ หลังจากนั้นก็ชวนพูดคุยเพื่อเบี่ยงความสนใจ และค่อย ๆ กำมือและพลิกให้หินที่ซ่อนอยู่ที่ร่องนิ้วตกไปที่กลางมือ หลังจากนั้น ก็แบมือออกมา หินที่ซ่อนเอาไว้ก็จะตกมาที่กลางมือ

อาจารย์ฟิลิป เปิดเผยว่า สำหรับการเสกพระธาตุมาจากอากาศนั้น เป็นเพียงการแสดงในการทำมาหากินของเขาเท่านั้นเอง ในมุมมองของนักมายากลนั้นเป็นกลของเด็กอนุบาล และสิ่งใดที่นักมายากลทำได้ สิ่งนั้นไม่ใช่ปาฏิหาริย์ และตนการันตีว่าสิ่งที่ อ.โต้ง เสกพระธาตุออกมาจากอากาศนั้นเป็นไปไม่ได้ ตามหลักความเป็นจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ และภาพก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาแอบหินไว้ในง่ามนิ้วก่อน และจึงจะเสกออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากเรื่องนี้ถึงประชาชนที่เข้าไปเช่าบูชาและเสียเงินทองเหล่านี้ ขอเตือนว่าอย่าไปเชื่อ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นไปไม่ได้ นักมายากลเท่านั้นที่ทำได้

อาจารย์ฟิลิปได้สาธิตการเสกพระธาตุอีกครั้ง โดยวางหินสีขาวไว้ที่ระหว่างง่ามนิ้วโป้งและนิ้วชี้เหมือนเดิม แต่ให้ทำให้หินโผล่มาเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นก็กำมือ เมื่อแบมือหินสีขาวก็ตกมาอยู่ที่กลางมือเช่นเดิม

อาจารย์ฟิลิป อธิบายว่า กรณีที่ อ.โต้ง ระบุว่าภาพพระธาตุเปลี่ยนสีและบอกว่าเป็นการตัดต่อนั้น น่าจะเป็นเพราะการที่หนีบหินสีขาวไว้ในง่ามนิ้ว ไม่มีแสงลอดผ่านหิน และเกิดเงา ทำให้สีของก้อนหินนั้นผิดเพี้ยนไป ซึ่งตนก็ได้ติดตามข่าวพบว่าเป็นการถ่ายทำยาวต่อเนื่องและตนมองว่าไม่ใช่การตัดต่อแน่นอน เป็นภาพจริงทั้งหมด แต่ อ.โต้ง นั้นเคลื่อนไหวไม่เนียนและทำให้หินโผล่ออกมาเอง ซึ่งหลายคลิปของ อ.โต้ง ก็ไม่มีความแนบเนียน

นอกจากนี้ อ.โต้ง ชี้แจงว่า กรณีมีคนตั้งข้อสังเกตว่าตนเป็น ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์จริงหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าตนเรียนจบปริญญาเอก พุทธบริหารการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่จำปีจบไม่ได้ ส่วนเรื่องการเป็นทูตทหารนั้น ตนก็เรียนจบนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ยศพันเอกในปี 2533 และได้ไปเป็นทูตทหารที่ประเทศฝรั่งเศส และประเทศอังกฤษ แต่จำช่วงปีวาระไม่ได้ แต่ต้องออกจากราชการเพราะตนเสียชีวิตเส้นเลือดสมองแตกในปี 2546 แต่ฟื้นกลับมาได้