ใจสลาย! แม่กอดศพลูกลอยคอกลางทะเล โดนพายุซัดบ้านพังหมดตัวเหลือแค่เสื้อ (คลิป)

จากเหตุพายุฤดูร้อนเมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 พ.ค. 64 เกิดเหตุสลดขึ้นกับครอบครัวของเด็กชายวัย 7 ปี หลังพายุฤดูร้อนพัดบ้านที่ปลูกอยู่กลางทะเล พังเสียหาย ก่อนจมน้ำเสียชีวิตในอ้อมกอดแม่

ซึ่งคลิปภาพสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นภาพของนางจงกล สง่างาม อายุ 42 ปี แม่ที่กอดร่างของลูกชายวัย 7 ขวบ ด.ช.สุริยะ สังเวียน หรือ น้องก็อบแก๊ป ที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ

นายสุรพล เกื่อกาล อายุ 52 ปี พ่อของเด็กชายวัย 7 ขวบ เล่านาทีชีวิตว่า ตนเองปลูกบ้านพักอยู่ริมทะเลชายฟัง ห่างจากจุดพบเจอลูกเมียประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อช่วงตี 3 ที่ผ่านมา เกิดพายุฝนทั้งลมแรงพัดถล่มบ้านซึ่งปลูกชายทะเลแบบชั้นเดียว ในลักษณะเพิงพักไม่ได้มีความมั่นคงแข็งแรงมากนัก ช่วงเกิดเหตุพายุเข้านั้นบ้านพัก ทำท่าจะถล่มลงมา จึงรีบพาบุตรชายและภรรยาหนีตาย ด้วยการขึ้นเรือเล็กขับออมาจากบ้านพัก เพื่อให้พ้นรัศมีของบ้านหากพังถล่ม หวังเพียงว่าจะปลอดภัย สุดท้ายเจอคลื่นยักษ์ซัดเรือของตนเอง ทำให้เรือล่มลงกลางทะเล ตนเอง ภรรยา และลูกถูกซัดแยกคนละทิศคนละทาง ลูกเมียไปทาง ตนเองไปทาง จากนั้นตนเองพยามว่ายสู้คลื่นน้ำทะเลเข้าไปหาลูกเมีย จนประชิดตัวได้พยามลอยคอหาที่ยึดเกี่ยวเพื่อเอาชีวิตรอด

ส่วนลูกถูกน้ำซัดหายไปอีกครั้ง ตนเองคิดในใจว่าหากเป็นเช่นนี้ ภรรยาและลูกคงไม่มีชีวิตรอดแน่ ถึงแม้จะพยามช่วยเหลือเต็มที่แล้ว แต่ก็สู้กับแรงน้ำไม่ไปไหว พากันลอยคอยไร้ทิศทาง กระทั่งรุ่งเช้าตนเองได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านขึ้นฝั่ง ส่วนภรรยาและลูกไม่ทราบชะตากรรม จึงช่วยกันออกตามหา จนมาทราบว่ามีเรือชาวบ้านไปพบเจอและช่วยเหลือขึ้นฝั่ง แต่สุดท้ายภรรยารอดชีวิต ส่วนลูกชายสำลักน้ำเสียชีวิตแล้ว

โดยเช้าวันนี้ ครอบครัวได้นำร่างของน้องก็อบแก๊ปมาที่วัดธรรมคุณาราม ย่านบางขุนเทียน บำเพ็ญกุศลศพเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างนั้นผู้เป็นแม่เข้าไปโอบกอดศพของลูกชาย พร้อมกับร้องไห้เรียกชื่อลูกชายอยู่ตลอดเวลา พูดว่าแม่ไม่สามารถช่วยเหลือลูกได้

นางจงกล สง่างาม อายุ 42 ปี เล่าว่า ตอนประมาณตี 3 ตนและสามี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของน้องก็อบแก๊ปได้ยินเสียงลมพายุรุนแรง ทำให้บ้านที่ปลูกเป็นเพิงอยู่ใกล้กับปากอ่าวสั่นไหว ก่อนที่คลื่นจะพัดสูง ทำให้พื้นบ้านเปิด ตอนนั้นสามีบอกว่าบ้านน่าจะต้านแรงลมไม่ไหว จึงตัดสินใจขึ้นเรือเพื่อหนีออกจากบ้าน พอออกเรือมาได้เล็กน้อย คลื่นก็พัดบ้านพังทันที ส่วนพวกตน 3 คน ออกเรือมาได้นิดเดียวเรือก็ล่ม ทำให้ต้องลอยคออยู่ในน้ำ ตนกอดน้องก็อบแก๊ปไว้ในอ้อมกอดตลอด และพยามดันลูกให้พ้นเหนือน้ำให้มีอากาศหายใจ ซึ่งลูกก็มีสติรู้ตัวตลอด บอกให้จับมือแม่แน่น ๆ ลูกชายก็บีบมือไว้ ตนกับลูกลอยคออยู่นานเป็นชั่วโมงกว่าคลื่นลมจะสงบ และมีคนมาช่วยเหลือ แต่ลูกก็เสียชีวิตไปแล้ว

ทั้งนี้ น้องก็อบแก๊ปรอคอยที่จะไปโรงเรียนเป็นครั้งแรก อยากมีเพื่อน เพราะปกติบ้านปลูกอยู่กลางคลองทำให้ไม่มีเพื่อน และน้องก็อยากใส่ชุดนักเรียนมาก แต่ตนไม่คิดว่าการใส่ชุดเรียนครั้งแรกจะกลายเป็นต้องให้ใส่ให้ลูกในงานศพ

ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าไม่ขอให้มีการนำร่างส่งไปยังสถาบันนิติเวช เนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินแล้ว เพราะทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมด รวมถึงอุปกรณ์ทำมาหากินประมงพื้นบ้านและเรือ ซึ่งเป็นยานพาหนะชนิดเดียวในการเข้าออกบ้านก็ลอยหายไปหมด คืนนี้ก็อาจจะต้องขออาศัยศาลาวัดนอนไปก่อน อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวตน อยากได้บ้านใหม่ สิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค เรือสำหรับใช้เป็นยานพาหนะ เพราะตนและสามีเหลือแค่ชุดที่จมน้ำติดมาแค่ชุดเดียวเท่านั้น

นายนที อ่ำถนอม พลเมืองดีที่ขับเรือเข้าช่วยเหลือสองแม่ลูก เล่าว่า ขณะที่ตนเองขับเรือกำลังผ่านจุดที่เจอแม่ลูก ตนเองได้ยินเสียงญาติที่บ้านของตนบอกกับตนว่าให้ไปช่วย 2 แม่ลูกอีกฝั่งด้วย ตนรีบหันไปมองหา จังหวะนั้นก็เห็นว่า 2 แม่ลูกตะโกนว่า ช่วยด้วยช่วยด้วย จึงดับเครื่องเรือและมองหาเสียงนั้น ตอนแรกก็มองหาไม่เห็น แต่ก็ไม่ได้ละความพยายามมองหาจนไปเจอหญิงคนหนึ่งลอยคอเกาะติดกิ่งแสมอยู่ จึงเทียบเรือเข้าไปช่วย แต่ต้องตะลึงพบว่าหญิงคนดังกล่าวกอดลูกชายไว้แน่นคาออก จึงรีบนำตัวขึ้นเรือและเข้าฝั่ง จากนั้นพบว่าบุตรชายของหญิงคนดังกล่าวหมดสติแล้ว จึงโทรหารถพยาบาล และช่วยปั๊มหัวใจ สุดท้ายก็ไม่ทันการณ์เด็กชายวัย 7 ขวบเสียชีวิตแล้ว

ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มีพายุเข้า บ้านเรือนที่อยู่อาศัยกันกลางทะเลแห่งนี้ ไม่เคยพังถล่มลง แต่ครั้งนี้ตนไม่อยากจะเชื่อว่าบ้านพังเสียหาย ทั้งเจ้าของบ้านก็มาลอยคออยู่เหลือน้ำกันแบบนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถึงตนจะได้เข้าช่วยเหลือทั้ง 2 แม่ลูกได้ก็จริง แต่ตอนนี้รู้สึกเสียใจไม่น้อย เด็กอาจจะอยู่ในน้ำนานจนสำลักน้ำ เป็นไปได้ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย