กรณีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิดประเทศไทย พบคลัสเตอร์ใหม่ชุมชนบ้านขิง เขตบางแค เชื่อมโยงไปห้างสรรพสินค้า ท่าปล่อยรถโดยสาร พนักงานร้านเสริมสวย พบติดเชื้อโควิด-19 รวมกันแล้ว 150 คน โดยจะมีการนำรถชีวนิรภัยออกให้บริการตรวจประชาชนในแหล่งชุมชนที่มีการระบาด พร้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่เพื่อแยกผู้ป่วยที่ไม่สามารถเฝ้าระวังตัวเองที่บ้านร่วมกับครอบครัวได้ เพื่อหยุดการระบาด
ล่าสุดวันที่ 6 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ชุมชนบ้านขิง พบว่ามีหน่วยงานลงพื้นที่มาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ส่วนชาวบ้านส่วนใหญ่เก็บตัวอยู่ในบ้านเรือน และทราบว่าในชุมชนมีประชากรอยู่ประมาณ 174 หลังคาเรือนรวมห้องเช่า รวมคนในชุมชนประมาณ 1,000 กว่าคน และมีการตรวจเชิงรุกไปแล้ว 2 ครั้ง หลังมีผู้ค้าขายข้าวแกงในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางกะปิ เป็นคนในชุมชนติดเชื้อโควิด-19 เป็นรายแรก ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 เม.ย.64 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 9 คน และครั้งที่ 2 วันที่ 30 เม.ย.64 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีกประมาณ 50 คน
ทีมข่าวเดินทางมาสำรวจที่หน้าศูนย์การค้าเดอะมอล์ลบางแค ซึ่งเป็นจุดใหญ่การเดินทาง ทั้งจุดรอรถโดยสาร จุดปล่อยรถตู้โดยสาร พบว่าบรรยากาศค่อนข้างที่จะเงียบเหงา ประชาชนยืนรอรถบางตา และร้านค้าปิดตัวเงียบ
ส่วนชุมชน ซอยเพชรเกษม 84 หลังมีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อในชุมชน ทีมข่าวลงสำรวจภายในซอย ประชาชนอยู่ในบ้านปิดประตูเงียบ ไร้ผู้คนเดินพลุกพล่านแม้จะอยู่ใกล้เคียงห้างสรรพสินค้า
นายพงศธร วงศ์ปัญญาเสถียร อายุ 38 ปี ชาวบ้าน เปิดเผยว่า ผู้ติดโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นพนักงานในห้างฯ อาศัยในอะพาร์ตเมนต์ท้ายซอย และไม่ได้คิดว่าเชื้อจะกระจายไว แต่ 4-5 วันที่ผ่านมารู้สึกกลัวและระแวงไปหมด ห่วงพ่อกับแม่วัย 70 กว่าปี ให้ย้ายไปอยู่จุดอื่นก็ไม่ได้ ทำได้แค่ดูแลและมาส่งของ เช่น น้ำดื่ม อาหาร เพราะเป็นร้านขายของส่งที่ต้องทำแทนพ่อแม่
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าสถานการณ์แบบนี้คงต้องทำใจ และดูแลตัวเองไปก่อน สิ่งเดียวที่อยากให้รัฐบาลทำ คือ หาวัคซีนให้ได้ไว ๆ เพื่อฉีดให้ประชาชนอย่างครอบคลุม เพราะความหวังเดียวที่จะช่วยได้คือวัคซีน
