เมื่อวันที่ 5 พ.ค.64 น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. เขตคลองเตย-วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมกับตั้งคำถามว่า "ตรวจโควิด ต้องมีบัตรคิว แล้วบัตรคิวน่ะ อยู่ที่ใคร?"
ทั้งนี้น.ส.กรณิศ ระบุข้อความว่า "วันนี้ ส.ส.กรณิศ และทีมงาน ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากชาวบ้านและประธานชุมชนว่า เกิดความไม่ยุติธรรม เล่นพรรคเล่นพวกในการแจกบัตรคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 และสถานที่รถตรวจโควิดในชุมชนแออัดเขตคลองเตย ADVERTISEMENT ในฐานะผู้แทนของพี่น้องชาวคลองเตย อยากจะเรียกร้องให้เกิดความยุติธรรมต่อชาวบ้านทุกชุมชน โปรดอย่านำชีวิตและความหวาดกลัวของคนมาเป็นเครื่องมือ มาเป็นตัวประกัน เพื่อประโยชน์ของพรรคพวกตัวเองกันเลยนะคะ นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาชิงดีชิงเด่น มันคือช่วงเวลาที่เราควรต้องร่วมมือกัน ฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน คลัสเตอร์คลองเตยไม่ใช่แค่วิกฤตในคลองเตย ถ้าผิดพลาดลุกลามไปมากกว่านี้ จะเป็นวิกฤตของคนทั้งชาติ"
จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในชุมชนคลองเตย โดยพบว่าผู้ติดเชื้อคนแรกเชื่อมโยงสถานบันเทิงทองหล่อ ก่อนมากระจายสู่ชุมชนคลองเตยกว่า 12 ชุมชน ล่าสุดวันที่ 5 พ.ค.64 ตามที่กรุงเทพฯ กำหนดแผนการฉีดวัคซีนให้ชาวชุมชนคลองเตย จากวานนี้ (4 พ.ค.64) ฉีดไปแล้ว 1,00 คน ในวันนี้จึงตั้งเป้าฉีดให้ประชาชนอีก 3,000 คน แบ่งเป็นที่โลตัสพระราม 4 จำนวน 2,000 คน และรร.วัดคลองเตยอีก 1,000 คน
โดยการฉีดวัคซีนในวันนี้ ทีมข่าวได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพฯระบุว่า วันนี้สำนักงานเขตมอบหมายผู้นำชุมชนทั้ง 39 ชุมชน กระจายคิวให้คนในชุมชนของตัวเอง เน้นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงก่อน ไล่ลำดับไปถึงความเสี่ยงต่ำตามจำนวนประชากรของชุมชนตัวเอง เพื่อให้เข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยในแต่ละวันประชาชนที่มีสิทธิก่อนจะได้บัตรนัดจากสำนักงานเขตคลองเตย ก่อนเดินทางรับบัตรคิวที่จุดประชาสัมพันธ์ แต่สิ่งที่จะพกติดตัวมาด้วยคือบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือสำเนาบัตร จึงจะสามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามระบบ
ในช่วงเวลา 12.00 น. พบว่าเจ้าหน้าที่สามารถฉีดวัคซีนที่โลตัสพระรามไปได้แค่ 380 คน ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่เจ้าหน้าได้ขยายเต็นท์พักคอยเพิ่มอีก 1 หลัง พร้อมจุดฉีดวัคซีนใหม่ คือ แบ่งผู้รับวัคซีนชนิดชิโนแวค กับวัคซีนชนิดแอสตราเซนเนกา อย่างชัดเจนเพื่อให้รวดเร็วต่อการทำงาน
เวลา 15.00 น. คิวฉีดวัคซีนก็ยังไม่ถึงครึ่ง โดยฉีดไปได้ 770 คิว ก่อนเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ประกาศยุติงดแจกคิว โดยวันนี้สามารถฉีดวัคซีนได้ 1,362 คิว เจ้าหน้าที่จะเร่งฉีดให้กับผู้มีคิวกระดาษสีขาวแล้วจนครบ ส่วนคนที่มีแค่คิวกระดาษสีเหลืองจากสำนักงานเขต เจ้าหน้าขอให้เดินทางกลับบ้านก่อนมารับฉีดในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค.64)
ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าหน้า ให้ข้อมูลว่า ยอมรับว่าความสามารถมีขีดจำกัดได้เท่านี้ เพราะบุคคลกรที่มีก็ไม่มาก เจ้าหน้าที่ทำเต็มที่แล้ว เบื้องต้นจากการประกาศประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ ส่วนที่รร.วัดคลองเตย อีก 1,000 คน คาดว่าได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคน
น.ส.มาลิสา กันติยางกูร อายุ 63 ปี ประชาชนจากซอยเจริญสุข มาสังเกตการฉีดวัคซีน ก่อนที่ทีมข่าวจะทราบว่า น.ส.มาลิสา ยังไม่ได้รับคิวจากผู้นำชุมชน เล่าให้ฟังว่า ส่วนตัวไม่มีโรคประจำตัว แต่มีความประสงค์อยากรับการฉีดวัคซีนตั้งแต่ทราบข่าวจากทางทีวีแล้ว วานนี้ (4 พ.ค.64) จึงเดินทางมาปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกต้องไปรับบัตรคิวที่ผู้นำชุมชน
ในวันนี้ช่วงบ่ายหลังออกมาซื้ออาหารที่ห้างสรรพสินค้า ขากลับเข้าบ้านจึงได้คุยกับวินจักรยานยนต์ ทราบมีการแจกบัตรคิวไปตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งตนไม่รู้เรื่องเลย ยืนยันว่าผู้ชุมชนไม่มีการประกาศ ไม่มีมาเคาะประตูหน้าบ้าน และแม้แต่บ้านผู้นำชุมชนหลังไหนตนก็ยังไม่รู้จัก เนื่องเป็นแม่บ้านไม่สุงสิงกับใคร ดังนั้นเพื่อให้ทั่วถึงจริง ๆ ผู้นำชุมชนควรประกาศให้ชัดว่าแจกบัตรคิวตรงไหน ช่วงเวลาเท่าไร ลูกบ้านจะได้เดินทางไปรับได้
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้เสียความรู้สึกอะไรมากมาย แต่ที่ต้องดิ้นรนเพราะอยากฉีดวัคซีน เนื่องจากมีหลานอายุยังเล็ก ถ้าไม่ป้องกันไว้ก่อนก็เสี่ยงติดเชื้อได้ แต่ตอนนี้ก็คงหาทางเจอผู้นำชุมชนให้ได้เสียก่อน เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายวัน
สำหรับช่วงบ่ายวันนี้ ทีมข่าวพบประชาชนที่อายุไม่เกิด 30 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนเช่นเดียวกัน อย่างเช่นน.ส.ลัดดา พึ่งบุญ อายุ 30 ปี มีอาชีพเป็นครูพี่เลี้ยง อาศัยอยู่ชุมชนแฟลต 1-10 คลองเตย เปิดเผยว่า แม้ตนจะยังอายุน้อย แต่มีลูกแล้วอายุ 11 ปี จึงกลัวว่าจะนำเชื้อไปสู่ลูก แม้ป้องกันตัวเองในระดับหนึ่ง แต่การฉีดวัคซีนด้วยจะดีกว่า จะได้ป้องกันตัวเองไปอีกขั้น ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร
สำหรับความรู้สึกที่รับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็เหมือนมดกัด ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะมั่นใจครึ่งต่อครึ่ง แต่ตนมองว่าการฉีดป้องกันไว้ดีกว่าแก้ และฉีดไปแล้วก็ไม่มีอาการอะไรข้างเคียง
กรณีชุมชนแขวงลุมพินีแขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน ซึ่งมีขนาดพื่นที่ 5.66 ตารางกิโลเมตร พบเป็นชุมชนเมือง ชุมชนแออัดรวม 6 แห่ง และเคหะปทุมวัน 1 แห่ง ประชากรรวม 29,581 คน (อยู่ในชุมชน 20,100 คน) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 162 คน
ล่าสุดวันที่ 5 พ.ค.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ ผู้ติดเชื้อ 162 คน แบ่งเป็นคนชุมชน 96 คน และตรวจเชิงรุกอีก 66 คน ได้เข้าสู่กระบวนการรักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ประชาชน 304 คน อยู่ในเกณฑ์ผู้สัมผัสเสียงสูง ซึ่งเขตปทุมวันได้สั่งให้กักตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งไม่ใช่ Home quarantine เนื่องจากยังไม่ใช่ผู้ป่วย เพื่อดูอาการ และไม่ให้ติดเชื้อไปยังผู้อื่นอีก ซึ่งทางสำนักอนามัยจะได้จัดถุงยังชีพเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
โดยตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ ที่ศูนย์เยาวชนบ่อนไก่ มีเป้าหมายตรวจเชิงรุงอย่างต่อเนื่องให้กับคนในชุมชน หลังวานนี้ (4 พ.ค.64) ตรวจไปแล้ว 1,000 คน ซึ่งในวันนี้มีเป้าหมายตรวจให้กับชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ และเคหะบ่อนไก่ 2,000 คน ซึ่งมีรพ.จุฬาภรณ์, รพ.เกษมราษฎร์ คอยอำนวยการบริการตรวจสวอปหาเชื้อ โดยการตรวจเชิงรุกให้กับชุมชนขยายไปจนถึงวันที่ 10 พ.ค.64
บรรยากาศในช่วงบ่ายอากาศร้อนอบอ้าว แต่ประชาชนจำนวนมากทยอยเดินทางมาต่อคิวเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 กันอย่างเนืองแน่น นายอำนาจ นัยทอง อายุ 31 ปี ประชาชนชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้สถานการณ์ยังไม่รุนแรงมาก ในช่วงสงกรานต์ตนก็กลับต่างจังหวัด แต่ก็ต้องกักตัว 14 วันเพื่อสร้างความสบายใจของคนในหมู่บ้าน และคนในครอบครัวด้วย
ทั้งนี้ตนก็รู้สึกกลัวและหวาดระแวง เพราะคนในชุมชนมีจำนวนมาก และยังคงมีประชาชนเดินผ่านไปผ่านมาทั่วชุมชน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครได้รับเชื้อมาบ้าง ดังนั้นการตรวจเชิงรุกจะเป็นการสร้างความสบายใจให้ตัวเรา และคนรอบข้างในชุมชน สำหรับตนอยู่ตัวคนเดียว แต่ในฐานะคนโสด และเป็นหัวหน้างาน ก็ใช้ชีวิตแบบระแวง เดินผ่านใครก็กลัว เพราะกลัวนำเชื้อไปติดลูกน้อง ดังนั้นตอนนี้จะเข้าออกที่ทำงานก็วัดอุณหภูมิตลอด และคนอื่น ๆ แม้จะหนักใจบ้างแต่ก็ปรับสภาพให้อยู่กันได้
นอกจากนี้ตนก็อยากเป็นกำลังให้เพื่อน ๆ ในชุมชนที่กักตัวอยู่ ขอให้สู้ ๆ ตนมองว่าคนที่ติดเชื้อไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีใครอยากติด ดังนั้นต้องยอมรับกันและกัน ส่วนภาครัฐก็ขอให้เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึง เพราะตนเชื่อมั่นว่าวัคซีนจะช่วยเราได้ ป้องกันได้
สำหรับชุมชนบ่อนไก่ แบ่งเป็นชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ มีผู้ติดโควิด-19 มากสุดถึง 61 ราย, ชุมชนเคหะบ่อนไก่ ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 14 ราย, ชุมชนโปโล ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 10 ราย, ชุมชนพระเจน ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 8 ราย, ชุมชนร่วมฤดี ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย และชุมชนกุหลาบแดง ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้รับรายงานจากผู้นำชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ ว่าผลการตรวจเชิงรุกวานนี้ (4 พ.ค.64) พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่จำนวนเท่าไรขอให้เป็นหน้าที่ของ ศบค.เป็นผู้รายงานตัวเลขอีกครั้ง
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ระบุว่า หลักเกณฑ์การจ่ายผู้มีผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิด-19 1.เสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร จ่ายไม่เกิน 400,000 บาท 2.สูญเสียอวัยวะ หรือพิการ จ่ายไม่เกิน 240,000 บาท และ 3.บาดเจ็บ หรือ เจ็บป่วยต่อเนื่อง จ่ายไม่เกิน 100,000 บาท โดยจะจ่ายภายใน 5 วันหลังจากยื่นคำร้อง
สำหรับวันนี้ (5 พ.ค.64) ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศไทย ล่าสุดพบติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 2,112 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 74,900 ราย หายป่วยเพิ่ม 1,886 ราย รวมหายป่วย 44,360 ราย รักษาอยู่รวม 30,222 ราย อาการหนัก 1,042 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 343 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 15 คน รวมผู้เสียชีวิตสะสม 318 คน
โดยผู้ติดเชื้อวันนี้ 2,112 ราย แบ่งแยกดัวต่อไปนี้
1.ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 1,955 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 152 ราย
3.ผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 5 ราย
ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน ณ วันที่ 4 พ.ค.64 เข็มที่ 1 จำนวน 44,493 ราย จำนวนยอดสะสม 1,150,564 ราย ส่วนเข็มที่ 2 จำนวน 29,965 ราย จำนวนยอดสะสม 422,511 ราย
