จอย ชวนชื่น เปิดช่วงชีวิตที่ไร้งาน ไร้เงิน แต่กลับมาปังได้ !

3 พ.ค. 64

เคยเกือบท้อเพราะงานหดหายแต่ยังมีลมหายใจชีวิตเลยต้องสู้แบบไม่ถอย สำหรับ จอย ชวนชื่น ที่มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ได้เปิดใจว่าช่วงที่งานหดแต่เงินยังคงต้องใช้นั้นตัวเองก็ไม่เคยอยู่นิ่งลุกขึ้นมาสู้ ขายของตามตลาดนัดแบบไม่กลัวอาย แต่ไม่วายโดนเมาท์ว่าตกอับเพราะไม่รู้จักเก็บเงินนั้น ตัวเองก็ไม่ได้สนใจคำพูดนี้เพราะเรารู้ว่าเราทำอะไร พร้อมทั้งเปิดความลับสิ่งที่ทำให้งานกลับมาปังก็เพราะบูชาพญานาค

 

ถาม มุกประจำตัวพี่จอย คือ พูดไปเรื่อยๆแต่พูดไม่รู้เรื่อง จริงๆ ตลกแต่ละคนคือเขาจะต้องมีมุกประจำตัวของแต่ละคน เราต้องคิดก่อนไหมหรือมันมาในระหว่างที่เราเดินทาง ที่เราแสดง

จอย ชวนชื่น : คือ มุกนี้เป็นมุกที่ชวนชื่นเขาเล่นอยู่แล้ว ซึ่งมุกนี้เขาเรียกว่า อีพ่วง คือแบบว่ามีสามีกินเหล้าแล้วตัวเองก็มาพรรณนาว่าสามีเอาแต่กินเหล้าไม่ยอมทำมาหากิน ก็แบบเล่าไปร้องไห้ไปมันเลยพูดไม่รู้เรื่อง ตอนแรกต้องบอกเลยว่ามุกนี้เราไม่อยากเล่นแต่พอมายืนซ้อมอยู่ต่อหน้าคนสามสิบคนในคณะ (ซึ่งชวนชื่นจะมีอาทิตย์หนึ่งจะต้องเปลี่ยนมุกครั้งหนึ่ง) ไปเล่นตามคาเฟ่ ซึ่งเขาให้เราร้องไห้ ซึ่งก็ต้องร้องไห้จริงๆ แล้วเราทำไม่ได้เพราะว่าเราไม่ใช่ตลก

s__71426503

ถาม เห็นบอกว่าตัวจริงของ จอย คือ ไม่ตลกเลย

จอย ชวนชื่น : ไม่ตลกเลยค่ะ  เป็นคนไม่ค่อยพูดแต่จะเก็บข้อมูลทุกอย่างเอาไว้ทำงาน เหมือนว่าเราไม่ทำงานเราก็ไม่ค่อยอยากจะพูดเหมือนเราถูกดึงปลั๊กออกเลย สามารถนั่งอยู่เฉยๆ ให้น้ำลายบูดไปเลยก็ได้

 

ถาม แต่เห็นว่าที่พี่จอยมาเล่นตลกได้คือตัวเองไม่ได้อยากที่จะเล่นแต่ว่าเพราะพ่อดม

จอย ชวนชื่น : เพราะว่าตั้งแต่ตอนที่เล่นลิเก ไม่มีงานเราก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรเพราะช่วงเข้าพรรษาจะไม่มีงานเลย เราก็อยากไปร้องเพลงบ้างตอนนั้นก็อายุ 17-18 ก็ไปขอพี่กับพ่อว่าอยากร้องเพลง เห็นเขามีงานมีเงินก็อยากจะทำงานกลางคืนบาง ลองดูว่ามันเป็นยังไง แต่พี่จิ้มกับพ่อดมเขาไม่ให้เพราะว่ากลัวว่าเราจะไปโดนแขกหลอก

 s__71426504

ถาม แต่พอ ณ วันหนึ่งที่เราต้องมาเล่นตลกจริงๆ กลับกลายเป็นว่าโดนแขกว่าเลยนะว่าไม่เห็นตลกเลย

จอย ชวนชื่น : เคยมีโดนเมาท์ค่ะ เหมือนว่าเราเล่นมุกลิเกก็จะแต่งเหมือนนักร้องทั่วไปเนอะ เราก็ไปเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงนักร้องเขาคุยกันว่า ตลกคณะนี้มาอีกแล้วไม่เห็นจะขำเลยสู้หม่ำ เท่ง โหน่ง ไม่ได้ นั่นเขาสนุกมากเลยนะ ตลกคณะชวนชื่น อะไรไม่รู้ตลกคณะพ่อลูก แล้วยิ่งผู้หญิงด้วยนะ ผู้หญิงที่มาร้องไห้ไม่เห็นจะขำเลย เราก็ออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ทำเป็นล้างมือให้เขาเห็นแต่เขาก็ยังพูดถึงเราอยู่ไม่หยุด เขาหันหลังคุยกับแม่บ้าน แม่บ้านเห็นเราก็หน้าเสียเลย พอเขาหันกลับมาเจอหน้าเราก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก แต่เราก็เป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธคนหรอก ขำมันมีแบบนี้ด้วยเนอะ คนที่เขาพูดแบบนี้เขาอาจจะอคติเพราะอย่างบางคนเห็นหน้ากันแล้วไม่ชอบก็มีมันวัดจากปากเขาไม่ได้หรอก จะวัดได้จากตอนที่เราไปเล่นแล้วในคณะมันพูดว่าเราเล่นสู้คนเก่าไม่ได้เลย ซึ่งพอคนในคณะพูด ก็เริ่มกลับมาคิดว่าอนาคตเล่นตลกจะรอดไหม

 

ถาม แล้วปรับตัวยังไง เราไปขอความรู้หรือเราสำรวจตัวเอง

จอย ชวนชื่น : เราก็สำรวจตัวเองก่อนเลยค่ะ มานึกว่าพ่อเราก็ทำได้ พี่เราก็ทำได้ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ แล้วคณะนี้ก็ของเราเองไม่ได้ไปขอใครเล่น ก็จำที่พี่จิ้มสอนที่พ่อสอน ตาดูหูฟัง ดูว่าคำพูดอะไรที่มาใช้กับตลกได้หรือเป็นท่าเต้นอะไรเราต้องเอามาดัดแปลงใช้ให้มันตลกให้ได้ ก็ค่อยๆปรับตัวเอง จริงๆ แค่ปรับทัศนคติคิดให้ได้ว่าฉันทำได้ ฉันตั้งใจจะพัฒนามันเปลี่ยนหมดเลย เพราะว่าพี่กับพ่อให้กำลังใจเราตลอดเวลาอยู่แล้ว ว่าผิดก็ไม่เป็นไรเอาใหม่มันก็ค่อยๆ ซึมซับ แล้วพอเล่นบ่อยๆก็ทำให้เรามั่นใจ

 s__71426506

ถาม พอมั่นใจเล่นได้แล้วมีชื่อเสียง จอย ชวนชื่น ก็ติดตลาด แต่ติดตลาดไปติดตลาดมาแต่ก็มีช่วงหนึ่งที่มีข่าวว่าเธอเงียบไปไม่มีงานเลยอันนั้นคือช่วงไหน

จอย ชวนชื่น : มันเป็นช่วงที่หน้าจอทีวีก็เงียบ งานประจำก็เริ่มจะไม่มี เลยคิดว่าทำไงดี วันสองวันเริ่มปวดหัวแล้ว ก็คิดว่าเราต้องอยู่ทั้งเดือนหรือตลอดปีก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็ต้องลุกขึ้นมาว่าจะทำอะไรลองดู พี่เทพเขาไปขายของตามตลาดนัดเราก็ไปช่วยพี่เทพขาย ซึ่งทุกครั้งที่ไปช่วยเขาก็จะให้เงินเราสองพันบ้าง สามพันบ้าง เราก็ไม่อยากได้เงินเขาแต่เพราะว่าเราไปช่วยแล้วของเขาขายได้ คนก็จะมาขอถ่ายรูปมาอะไร แต่เราก็คิดว่าจะทำอย่างไร ไม่อยากได้เงินเขาแต่อยากร่วมกับเขา ก็เลยขายเสื้อผ้าดีกว่า ก็ได้ไปขายกับเขาด้วย ซึ่งขายเสื้อผ้าตอนแรกก็ดี หลังๆเงินเริ่มจม พอได้กำไรก็ต้องเอาไปซื้อของมาใหม่เพื่อให้ดูว่ามีของเยอะต้องมีใหม่เสมอ พอมาหลังๆ มีการแยกโซนขนมกับเสื้อผ้าก็ช่วยกันไม่ได้แล้ว ก็คิดว่างั้นขายเสื้อผ้าไม่รอดละขายขนมดีกว่า ก็กลับมาคิดอีกว่าจะขายขนมอะไรดีที่เด็กวัยรุ่นกินได้ เรากินได้ ถ่ายรูปลงไอจี ลงเฟสบุ๊กได้ ก็นึกถึงขนมควันทะลัก ไปศึกษาเลยมันมีอะไรบ้าง ก็มาลองทำแล้วก็เอาไปขายซึ่งขายดีมาก ขายอยู่ได้สักพักหนึ่งงานมันเริ่มกลับมา จอยก็เริ่มขายบ้างไม่ขายบ้าง ซึ่งเราก็ไม่ค่อยได้ไปตลาดนัดงานที่เราชอบไปขายเลยคืองานวัด เพราะงานวัดมันสนุกเราได้ไปทำบุญด้วยแล้วคนที่ไปงานวัดคือคนที่ตั้งใจไปกินของจริงๆ ไปไหว้พระจริงๆไ ปทำบุญจริงๆ

 

ถาม ตอนที่เราไปขายของแล้วมีคนพูดว่าเราตกอับ ตอนนั้นเราถึงขั้นลำบากเลยไหม

จอย ชวนชื่น : มันก็ถึงขั้นที่ลำบากในระดับหนึ่งเลยเพราะเราไม่มีเงินเก็บทำไปใช้ไป ต้องดูแลลูกค่าเทอมค่าอะไรก็หนักหน่วงอยู่ ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าเวลาที่ไปขายของเราไม่รู้สึกว่าอายเลยนะคะ แต่ก็รู้สึกกับคำพูดของคนที่ว่าเราว่าสมน้ำหน้าไม่รู้จักเก็บ ก็เพราะว่ามันไม่มีให้เก็บไม่ใช่เราไม่อยากเก็บ

 s__71426508

ถาม หลังจากจุดนั้นที่เราบอกว่างานเริ่มกลับมา แต่จุดที่เปลี่ยนทำให้งานแน่นอีกครั้งหนึ่งเพราะเข้าสู่สายมู ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องของความเชื่อล่ะ

จอย ชวนชื่น : ก็นิดนึงค่ะ ปกติเป็นคนที่ชอบดูดวงอยู่แล้ว แฟนเราเขาชอบดูยูทูปว่าช่วงนี้ดวงติดขัดอะไร เขาบอกว่าอยากไปเช่าพญานาคมาทำเป็นน้ำพุ ซึ่งตอนนั้นเราขายของ ก็ไม่สามารถเก็บเงินเพื่อไปซื้อมาได้สักที ก็เลยบอกกับแฟนว่าถ้าวันนี้ขายของได้มากกว่าที่เคยได้ พรุ่งนี้ไปเช่าพญานาคกันเลย ซึ่งคืนนั้นงงมากคือขายได้เกือบสองหมื่น ซึ่งคนที่ขายให้เราบอกว่าท่านคือ แม่ย่าศรีปทุมมา ถูกชะตากับเรามากก็เชิญท่านมาไว้ที่หน้าบ้านเรา ก็จุดธูปบอกท่านว่าช่วงนี้งานเราไม่มีเลยมันล่องลอยมากไม่มั่นคงเลย ของานประจำให้มีเข้ามา ซึ่งพอปักธูปไม่ถึง 5 นาทีมีคนโทรเข้ามาเลยมีซิทคอมเข้ามาทำให้เราเกิดความศรัทธามากๆ เลย ไปไหนก็จุดธูปบอกท่านให้ปกปักรักษา ตอนนี้ก็ยังรับงานทั่วราชอาณาจักรเหมือนเดิม เต็มที่นะคะ

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส