เฉลยกลก๊วนชีอรหันต์เสกหินพระธาตุเก๊ สมุนเอกส่งแชตด่าหลังออกคุก จี้จับอีก 3 (คลิป)

30 เม.ย. 64

กรณีพบผู้เสียหายในพื้นที่ จ.นครพนม ร่วมทำบุญกับสำนักปฎิบัติธรรม ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ออกอุบายว่าเป็นพระธรรมิกราชในร่างของภิกษุณี ขอให้ทุกคนช่วยกันทำบุญผ้าป่าเริ่มต้น กองละ 3,555 บาท ได้รับค่าตอบแทนเป็นทองคำ 1 สลึง หรือ 6,000 บาท มีกลุ่มลูกศิษย์หลงเชื่อนำเงินมาถวายจำนวนมาก สุดท้ายไม่ได้ทองคำและเงินสด กระทั่งล่าสุด แม่ชีและผู้เกี่ยวข้องถูกจับ 6 รายแล้วนั้น

859278

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ลากไส้แม่ชีแสบฮุบแม่ 5 ล้านซุกเงินซ่อนเซฟ สองสาวพี่น้องช่วยล่อเหยื่อ
- แฉแผนแก๊งชีลวงโลก เกณฑ์เด็กแจกทองหลอกบูชาพระธาตุ สื่อทุบแค่หินตู้ปลา
- พระต้องสำนึกคิดได้หลงผิดกราบชีอรหันต์ลวงโลก ขนาด "แม่" ยังโดน "ชีแอ้" ฮุบที่

- สุดอึ้ง! โลกอีกใบศิษย์ "แม่ชีเอ้" สวมวิกแบ๊วจีบทอม เหยื่อผวาถูกลวงระดมบุญเก๊
- ถอดโหงวเฮ้งก๊วนชีลวงโลก เจ้าสำนักแสบฉลาดแต่โกง ชีแปลงโฉมเด่นวาทศิลป์

947937

ที่ สภ.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม มีกลุ่มชาวบ้านประมาณ 20 คน เดินทางมาจากหมู่บ้านโพนแดงน้อย เป็นกลุ่มผู้เสียหาย 180 คน ก่อนหน้านี้ที่เคยเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับภิกษุณีอิสรีย์ และแม่ชีทองพูน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่ในวันนี้ ได้เดินทางมาแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติมกับแม่ชีแหม่ม มือซ้ายของอิสรีย์, แม่ชีปลาย, แม่ชีตอง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการกองบุญผ้าป่า เป็นคนที่เข้ามาบอกบุญ มีส่วนเก็บเงิน รับโอน และหลอกให้ชาวบ้านหลงเชื่อ

689046

นางสาวปิ่น (นามสมมติ) อายุ37ปี ผู้เสียหาย เปิดใจว่า วันนี้ตนเองเดินทางมาพร้อมกับกลุ่มชาวบ้าน ต้องการให้เอาผิดกับ 3 แม่ชี ที่ยังอยู่ภายในสำนักปฏิบัติธรรม เชื่อว่าแม่ชีเหล่านั้นมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับกระบวนการกองทุนผ้าป่า เพราะแม่ชีแหม่ม เป็นคนสนิทมือถือซ้ายของภิกษุณีอิสรีย์ มีแม่ชีปลาย แม่ชีตองหรือเอ เป็นคนบอกบุญและคอยเก็บเงินหรือนำทองมามอบให้ตนเองและชาวบ้าน ซึ่งเป็นสายบุญของแม่ชีทองพูน ที่โดนจับกุมไปก่อนหน้านี้

866716

ส่วนตัวเคยถวายเงินกองผ้าป่าครั้งแรก 12 กอง กองละ 3,555 บาท ได้ทองคำ 12 เส้น นำไปขายได้เงิน 74,400 บาท จากนั้น ตนเองก็ถูกแม่ชีแหม่ม แม่ชีทองพูน ชักชวนให้มีการถวายเพิ่ม เพื่อจะได้บุญเยอะ ๆ ตนเองจึงได้ไประดมเงินจากคนในครอบครัวและเงินเก็บที่มีอยู่ นำไปถวายกองผ้าป่า ถวาย 105 กอง ราคา 373,275 บาท และถ้าครบกำหนดจะได้เงิน 651,000 บาท แต่ก็ไม่คิดว่าการถวายยอดดังกล่าว จะทำให้สูญเงินไปทั้งหมด

951476

กรณีที่ครอบครัวของผู้ก่อเหตุอ้างทำนองว่า คนที่หลงเชื่อแล้วมีการร่วมทำบุญกับกองผ้าป่าเป็นกลุ่มคนที่โลภและโง่นั้น ยอมรับว่า ชาวบ้านทุกคนก็ตกเป็นคนโง่และโลภทั้งนั้น เพราะกลุ่มคนดังกล่าวอาศัยความเชื่อของชาวบ้านที่มีต่อพระพุทธศาสนา เอามาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน หลอกให้คนทำบุญ ทุกคนก็ทำบุญในความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา คิดว่าเงินที่ได้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ต่อยอดการใช้ชีวิตประจำวันได้

482116

ก่อนหน้าที่ชาวบ้านจะถูกหลอก เป็นช่วงที่กลุ่มแม่ชีของสำนักปฎิบัติธรรมลงพื้นที่มาสร้างภาพ เรียกให้นักเรียนและเด็กในหมู่บ้าน อายุตั้งแต่ 2-15 ปี ไปรวมตัวกันที่ลานของหมู่บ้าน 22 คน แล้วบอกว่าพระธรรมิกราชได้ลงมาโปรดมนุษย์ แจกเงินและทุนการศึกษาให้กับเด็ก ลูกของตนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ได้รับเงินจำนวน 2,000 บาท เด็กทั้งหมดที่เข้าร่วมก็ได้รับเงินเช่นเดียวกัน กลุ่มแม่ชีได้นำเงิน 44,000 บาทมาแจกให้กับเด็ก โดยพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการหวังผลที่เริ่มต้นสร้างภาพว่าสำนักปฎิบัติธรรมแจกทุนการศึกษาเด็ก และต้องการให้ทุกคนได้รับบุญร่วมกัน จึงได้ทำทีแจกเงินจากเด็กและให้เด็กไปบอกบุญกับผู้ใหญ่ แต่คำสอนของกลุ่มแม่ชีก็อ้างถึงเรื่องของการทำบุญด้วยเงินแล้วได้เงินเพิ่ม โชคดีที่ลูกของตนเองไม่เข้าใจถึงหลักการดังกล่าว จึงไม่ได้นำเงินไปร่วมกองทุนแล้วถูกหลอก แต่กลับกลายเป็นตนเองที่ถูกหลอกแทน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาให้ข่าวว่าในบัญชีส่วนกลางมีเงินเหลือเพียงแค่ 8 บาท ส่วนตัวทราบข่าวก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะคิดว่าจะไม่ได้รับเงินคืน ไม่รู้ว่าเงินถูกโอนย้ายไปที่ไหน หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีการนำเสนอข่าวทราบว่าพบตู้เซฟ 3 ใบ มีเงินจำนวน 40,000 บาท แล้วยังมีโฉนดที่ดินอีกจำนวนหนึ่ง ตนรอได้รับเงินคืน ก็หวังพึ่งกระบวนการยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะไปติดตามนำเงินคืนกลับมาให้กับประชาชนผู้เสียหาย

427718

นางไข่ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี อดีตลูกศิษย์ของสำนักปฎิบัติธรรม ที่ถูกหลอกให้มีการทำบุญกอง ถวายกองผ้าป่า 213,300 บาท จำนวน 60 กอง เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปช่วงประมาณ 3 ปีก่อน ตนเองได้เดินทางไปปฎิบัติธรรมที่สถานที่ดังกล่าว ยอมรับว่ามีความเลื่อมใสและชื่นชอบการปฎิบัติ เป็นไปตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ระยะหลังเห็นว่าอิสรีย์เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เปลี่ยนจากการนุ่งชุดคลุมสีดำ คล้ายกับภาพพระพุทธเจ้าที่อยู่บนฝาผนัง เปลี่ยนมาเป็นชุดคลุมสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นไปตามที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน จากนั้นก็ไม่ได้มีการสอนให้เดินจงกรม ไม่ได้สอนให้มีการท่องสวดมนต์ตามหลักของพระพุทธศาสนา แต่ให้ท่องบทสวดเดียวคือ “ไตรสรณคมน์” ซึ่งให้มีการท่องเพียง 9 จบ หลังครบแล้วก็สามารถเดินทางกลับบ้านหรือพักผ่อนได้ ตนจึงเริ่มเกิดความไม่ศรัทธา

cg-1

อีกทั้งยังพบว่าพฤติกรรมของภิกษุณีอิสรีย์ จะเลือกเอาเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติทำหรือแม่ชีที่มีเงิน แล้วจะออกอุบายชวนคนมีเงิน ให้มาปฏิบัติธรรมถือศีล พร้อมกับพูดว่า "เจ้ามีกรรม ต้องบวชเพื่อล้างกรรม ไม่งั้นจะตาย" แต่ในตอนนั้นระหว่างที่ตนเองเข้าไปปฏิบัติธรรมเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่เป็นที่รู้จักของแม่ชี ไม่มีใครเรียกแม้กระทั่งชื่อของตนเอง แต่หลังจากที่ทุกคนในนั้นทราบว่า ตนเองได้เงินจากการขายมรดกหรือที่ดินที่ได้รับมามากพอสมควร จึงได้ถูกเรียกให้เข้าพบเป็นการส่วนตัว ตนเองกลับกลายเป็นคนสนิททั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีตัวตน เพราะตนเองมีเงิน ระยะหลังเมื่อไม่มีเงินให้ก็จะถูกกีดกันออกห่าง หรือใช้คำพูดว่า "เจ้าหมดกรรมแล้ว สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ไม่ต้องปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่"

ตอนที่ตนเองขายที่ดินจากมรดกแล้วมีเงินติดตัว ภิกษุณีขอให้ตนเองนำเงินมาถวายเพื่อสร้างบุญสร้างกุศล ตนเองได้ถวายเงินจำนวน 50,000 บาท หลังจากนั้น ภิกษุณีอิสรีย์ก็จะนำลอตเตอรี่จำนวน 50 ใบเป็นหมายเลขที่คละกันมามอบให้กับลูกศิษย์ที่ถวายเงิน ซึ่งในจำนวน 50 ใบที่ได้รับมา ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ใบ ได้เงินจำนวน 6,000 บาท แต่ภิกษุณีเมื่อทราบว่าตนเองถูกรางวัล ได้ทวงถามถึงส่วนแบ่ง สุดท้ายก็ได้นำเงินส่วนหนึ่งไปถวาย หลายต่อหลายครั้งที่มีลูกศิษย์ถวายเงินก็จะได้รับลอตเตอรี่คล้ายกับที่ตนเองได้รับแบบนี้ เมื่อถูกรางวัลก็ต้องแบ่งหรือถวายให้กับสำนักปฎิบัติธรรมเพื่อเป็นการต่อบุญ

หลังจากที่ตัวเองออกมาจากสำนักดังกล่าวแล้ว คนที่เป็นคนใกล้ชิดมากที่สุดมี 2 คน คือ แม่ชีการ์ตูน มือขวาอิสรีย์, แม่ชีแหม่ม มือซ้ายอิสรีย์ ทั้งคู่จะเป็นมือและแขนให้กับภิกษุณี หรือแม้แต่การจะทำผิดล่าสุดก็มีแบ่งสายบุญออกเป็น 2 สาย การที่ตนเองออกมาให้ข้อมูลวันนี้ก็เพราะต้องการให้เอาผิดกับคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการอิสรีย์

cg-2

ส่วนกรณีเรื่องของหินที่อยู่ในพานศรีเงินและสีทองที่อ้างว่าเป็นหินพระธาตุจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ตนเองไม่เคยเชื่อในก้อนหินดังกล่าวว่าเป็นองค์พระธาตุ เพราะมันคือก้อนหินที่อยู่ทั่วบริเวณสำนักปฎิบัติธรรม ทุกครั้งที่จะนำหินมาใส่พาน ภิกษุณีอิสรีย์จะเดินไปที่บริเวณลานหิน จากนั้นจะชี้นิ้วไปที่ก้อนหินแล้วบอกว่าเป็นพระธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นก็จะมีพระคนสนิท คือ พระหลวงพี่ต้อง จะเป็นคนโกย ก็เห็นทำเป็นลักษณะเจดีย์เล็ก ๆ พร้อมกับนำผ้าเหลืองไปพันคลุมเอาไว้

cg-3

เมื่อถึงช่วงกลางดึกก็จะให้ลูกศิษย์ใส่ชุดขาวห่มขาวไปนั่งล้อมวงที่กองหินที่อ้างว่าเป็นพระธาตุ หลับตาสวดมนต์ แล้วในมือของภิกษุณีอิสรีย์ ก็จะถือเลเซอร์ที่เด็กใช้เล่นกันเป็นสีเขียวติดอยู่ในมือ พระหลวงพี่ต้องก็จะถือเลเซอร์สีแดงเอาไว้ในมือเช่นเดียวกัน เมื่อกลุ่มลูกศิษย์เริ่มมีการสวดมนต์ ทั้งคู่ก็จะยิงเลเซอร์เข้าไปที่กองหิน คล้ายกับเป็นแสงขององค์พระธาตุที่ส่งลงมา ทำให้หินเรืองแสงและมีสี ลูกศิษย์ต่างกราบไหว้แล้วนำไปใส่ในพาน เพื่อนำกลับไปตั้งวางหรือบูชา ซึ่งมันก็คือหินธรรมดา ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของการฉาบและสร้างบ้านของตัวเองไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำมากราบไหว้บูชาให้เสียเวลา เพราะคือหินที่อุปโลกน์ขึ้นมาเอง

688535

หลังจากที่แม่ชีทองพูนได้รับการประกันตัว และออกมาจากเรือนจำพิเศษนครพนมแล้ว เจ้าตัวได้มีการแชตข้อความไปพูดคุยกับผู้เสียหายคือ นางไข่ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี โดยข้อความระบุว่า "ไม่รู้ว่าใครจิตใจไม่ปกติกันแน่ ที่ทำให้ข่อยเข้าไปอยู่ในคุก, คงสมใจแม่XXXและชาวบ้านแล้วสินะ เงินก็ไม่ได้ ทองก็ไม่ออก ทำให้ข่อยเข้าไปอยู่ในคุก ทั้งพระอาจารย์ การ์ตูน กาเต้ ทุกคนเข้าไปอยู่ในห้องกรงกันหมดแล้ว แม่XXXกับชาว บ้านคงสบายใจกันแล้วนะ สาธุทุกคน"

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส