เปิดใจ! พี่แม่ชีเอ้ยันน้องไม่บ้า ช็อกอวดเป็นอรหันต์ เปิดกลโกงทำบุญด้วยหินสร้างศรัทธา (คลิป)

27 เม.ย. 64

กรณีพบผู้เสียหายในพื้นที่ จ.นครพนม ร่วมทำบุญกับสำนักปฎิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ออกอุบายว่าเป็นพระธรรมิกราช ในร่างของภิกษุณี ลงมาโปรดมนุษย์ ขอให้ทุกคนช่วยกันทำบุญผ้าป่าเริ่มต้น กองละ 3,555 บาท จากนั้นจะได้รับค่าตอบแทนเป็นทองคำ 1 สลึง หรือ 6,000 บาท หลังจากนั้นได้มีกลุ่มลูกศิษย์หลงเชื่อนำเงินมาถวายจำนวนมาก สุดท้ายไม่ได้ทองคำและเงินสดนั้น

ล่าสุด วันที่ 27 เม.ย. 64 ตำรวจเข้าตรวจค้นสถานปฏิบัติธรรมภิกษุณีอิสรีย์ หรือ แม่ชีเอ้ พร้อมแจ้งข้อหาและเชิญตัวไปที่โรงพัก รวมทั้งหมด 4 ผู้ต้องหา ตอนนี้แยกส่งไปสอบตามพื้นที่แล้วนั้น

376342

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โผล่ภิกษุณีลัทธิใหม่กฐินเงินแลกทอง เหยื่อสูญครึ่งล้าน คลิปว่อนชีสื่อเทพแต่พระปัดเอี่ยว

711421

วันที่ 27 เม.ย. 64 ตำรวจกำลังมีการตรวจค้นโดยอนุญาตให้สื่อมวลชนเก็บภาพภายในสำนักปฎิบัติธรรม เดินสำรวจภายในพื้นที่ศาลาบุญ ซึ่งมีลักษณะโครงสร้างคล้ายบ้าน มีประตูหน้าต่างเป็นกระจก ทาสีตัวอาคารด้วยสีทองทั้งภายในและภายนอก มีเก้าอี้ 2 ตัวตั้งวางอยู่ คล้ายอัสนะและที่พิงสีทอง สีน้ำตาล มีพานทองจำนวนมากวางอยู่ ข้อมูลทราบว่าเป็นที่ใช้สำหรับใส่เงินถวาย เรียกว่ากองผ้าป่า

705172319823

บริเวณตรงกลางของศาลาบุญ มีลูกแก้วสีเขียวขนาดใหญ่ อ้างเป็นลูกแก้วพญานาคใส่พานตั้งวางอยู่ มีพระหน้าตัก 4 นิ้ว เป็นพระอุปปคุต มีกุมารวางเรียงรายชั้นละ 20 ตัว

272701

และภายในศาลาบุญมีป้ายสีเหลืองข้อความสีดำ ติดกระจายอยู่ทั่วบริเวณภายในพื้นที่ศาลา สื่อความหมายว่าเมื่อเข้ามาแล้วห้ามสงสัยห้ามถาม ระบุว่า "ให้ความรู้ในการ สั่งสมพุทธภูมิ สำหรับผู้ที่ปรารถนา สั่งสมบารมีพุทธภูมิ, ผู้ที่มีโอกาสสร้างทาน ในฐานพุทธภูมิ ถ้าไม่สงสัยใดฯ จะเกิดผลสัมฤทธิ์เร็วมาก, ถ้าสงสัยให้กำหนด สงสัยหนอ วางหนอ, เพราะถ้าสงสัยมาก ๆ เกิดเป็นกรรมตัดรอน ส่งผลแห่งกรรม รวดเร็วมาก"

907379

ข้อมูลจากแม่ชี ในพานทองมีหินบรรจุอยู่ เป็นเหมือนคำสอนที่ภิกษุณี ระบุว่า "การถวายหินหรือดิน ก็คล้ายกับเป็นการถวายสิ่งของสำคัญหรือแทนเงิน ซึ่งไม่อยากให้ยึดติดในทรัพย์สมบัติ แต่สามารถนำหินมาถวายแทนได้ จึงเป็นที่มาของหินในภารจำนวนมากที่ญาติโยมนำมาถวาย" ส่วนภายในศาลาพระเจ้าทันใจ ศาลาที่ปรากฏภาพของภิกษุณีอิสรีย์ ได้มีการนั่งสมาธิ และมักจะเป็นที่ใช้สำหรับออกไปเจอกับลูกศิษย์ที่มากราบไหว้ ตั้งวางพระพุทธรูป 2 องค์ มีกรอบรูป 3 กรอบตั้งวางอยู่

546167

ด้านนายสุนทร ผูนา ผู้ใหญ่บ้านดงโชค ตั้งอยู่ที่ ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ในฐานะผู้ที่ติดตามปฎิบัติการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า ตนเองในฐานะฝ่ายปกครองไม่ได้เข้ามาในสถานที่แห่งนี้บ่อยครั้ง เป็นที่ส่วนบุคคล และไม่ได้มีการจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์หรือวัด แต่ทราบว่าเป็นสถานที่ใช้สำหรับปฎิบัติธรรมและรวมตัวของคนที่มีการ์ดเชิญ ที่สำคัญต้องมีการแต่งกายชุดขาวห่มขาว จึงจะเข้าไปปฎิบัติธรรมหรือเข้าไปอยู่ด้านในได้ ถ้าหากเป็นคนปกติก็ได้แต่ยืนมองจากประตูรั้วข้างนอก

ตนเองก็เคยมีโอกาสเข้าไปเพียงแค่ 3 ครั้ง การมาตรวจค้นวันนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 แต่ก่อนหน้านี้เคยมาตอนที่พระรูปเดิมมรณภาพ ช่วงประมาณ 4-5 ปีก่อน ครั้งแรกที่เคยเข้าไป เป็นการตักเตือนเรื่องของการทิ้งขยะ เพื่อให้ถูกต้องตามระบบสาธารณสุขของหมู่บ้านเท่านั้น ทั้งนี้ แม้ว่าดูจากสภาพภายนอกจะเห็นพระพุทธรูปจำนวนมาก แต่ไม่มีป้ายบอกว่าเป็นสำนักปฎิบัติธรรม ตนเองก็ไม่รู้ว่าด้านในมีการประกอบกิจกรรมอะไรบ้าง พอรู้ว่ามีคนที่ใส่ชุดขาวเข้ามาปฎิบัติ และด้านนายมีพระสงฆ์ แม่ชี แต่ก็ไม่เคยเจอตัวหรือยุ่งสุงสิงอะไรกับคนพวกนั้น ไม่เคยรับรู้ว่ามีการถูกใช้เป็นสถานที่หลอกลวงประชาชนหรือไม่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจ้าสำนักจะถูกดำเนินการจับกุมตามกฏหมาย ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร ต้องรอคุยกับทางอำเภอและทางสำนักพุทธศาสนาจังหวัด ในการดูแลสถานที่แห่งนี้เพราะมีพระพุทธรูปจำนวนมาก แต่สถานที่แห่งนี้ก็เป็นที่ส่วนบุคคล มีเจ้าของ ไม่ใช่สถานที่สาธารณะ ดังนั้นจึงยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขปัญหา

790438

นางแดง ปัญญาดี อายุ 61ปี และนางสาวกานต์สุดา ปัญญาดี อายุ 35 ปี อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ ที่มีการขายให้นางสาวอิสรีย์ เมื่อปี 2557 นำโฉนดที่ดินและสัญญาซื้อขายมาโชว์ให้ทีมข่าวดู เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้จำได้ว่าช่วงปี 2557 ตนเองได้รับการติดต่อจากชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงมาขอซื้อที่จำนวน 7 ไร่ ในราคา 1,300,000 บาท โดยการขายก็มีเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเอกสารซื้อขาย และยังมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้กับเจ้าของที่ดิน ตอนนั้นคนที่มาซื้อไม่ใช่แม่ชี

899971

แต่หลังจากช่วงเวลาดังกล่าวผ่านไป ตนเองเพิ่งจะได้กลับเข้ามาในวันนี้ ยอมรับว่าตกใจเพราะจากเดิมเป็นที่นาและพื้นที่สำหรับการเกษตร แต่สุดท้ายกลายเป็นสำนักปฏิบัติธรรม มีพระพุทธรูปเยอะมาก และมีอาคารก่อสร้างสีทองจำนวนมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะตนเองเป็นเพียงแค่อดีตเจ้าของที่ดิน หลังจากนี้ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะแสดงความเห็นในมุมไหน ควรจะทุบทิ้ง หรือจะยกให้เป็นของใคร คงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าของคนใหม่

915688

ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของภิกษุณีอิสรีย์ ต.หนองญาติ จ.นครพนม มีแม่ที่แก่ชราอาศัยอยู่ร่วมกับพี่สาววัย 57 ปี นางสาวเดือน (นามสมมติ) พี่สาวของภิกษุณีอิสรีย์ เปิดเผยว่า ตนเองไม่เคยเจอน้องสาวมานานกว่า 5 ปี หลังจากที่เจ้าตัวตัดสินใจออกไปจากบ้าน ก็ไม่ได้ติดต่อกัน จนกระทั่งมารู้ข่าวในวันนี้ที่กลุ่มเพื่อนส่งข่าวมาบอกว่าน้องสาวถูกจับ ค่อนข้างตกใ จไม่คิดว่าจะมีการแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ จนกระทั่งมาทราบว่าเจ้าตัวไปบวชเป็นภิกษุณี ก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็มักจะเลื่อมใสและศึกษาในพระพุทธศาสนา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นภิกษุณี แต่ยืนยันว่าน้องสาวเป็นคนปกติ ไม่ได้ป่วยจิต

กรณีพฤติกรรมเรื่องของการหลอกลวง ตนเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องสาวมีพฤติกรรมดังกล่าว เมื่อมีการก่อเหตุแล้วมีผู้เสียหายเกิดขึ้น ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนเองต้องเลี้ยงดูแม่เพียงลำพัง น้องสาวไม่เคยนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัว ต่างคนต่างอยู่ ตนคงให้น้องสาวไปรับกรรมตามกฎหมาย ยืนยันว่าจะไม่มีการประกันตัว

ส่วนเรื่องของสำนักปฎิบัติธรรม ตนเองก็ไม่เคยรู้ว่าตั้งอยู่ในสถานที่ใด เพราะไม่เคยไปเยี่ยมเยียน ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว และจะไม่แสดงตัวว่าเป็นญาติหรือคนที่จะไปดูแลที่ดินแทน แม้ว่าคดีนี้จะมีผู้เสียหายมากกว่า 400 ราย ตนเองก็ไม่มีเงินที่จะไปชดใช้แทน เพราะน้องสาวเป็นคนก่อเหตุ ก็ต้องแก้ไขเอง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส