จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 61 เกิดเหตุสันเขื่อนเซเปี่ยน เซน้ำน้อยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในเขตอัตตะปือ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลาวพังถล่ม เป็นเหตุให้มีมวลน้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน กระทบประชาชนมากกว่า 6,600 คน บ้านเรือนหลายร้อยหลังถูกน้ำท่วมสูงจนเกือบถึงหลังคา มีผู้เสียชีวิต 20 รายและสูญหายนับร้อยนั้น (อ่านเพิ่มเติม
เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยเขื่อนแตกในลาว ดับแล้ว 20 ราย สูญหายนับร้อย)
บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด และบริษัทอื่น ๆ ที่ร่วมถือหุ้นในโครงการก่อสร้าง
เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยได้รับทราบถึงสถานการณ์ โดยเปิดเผยว่าได้รับรายงานจากผู้ดูแลเขื่อนที่ลาวแล้ว พร้อมกับระบุว่าฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เป็นเหตุให้ระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มสูง จนทำให้เขื่อนพังถล่ม
ขณะที่โฆษกของ
บริษัทเอสเค เอ็นจีเนียร์ริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นของเกาหลีใต้ ซึ่งร่วมถือหุ้นในโครงการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าว ระบุว่าขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เขื่อนพังถล่ม แต่เชื่อว่าสันเขื่อนด้านบนพังเสียหาย และทำให้เกิดน้ำไหลทะลัก โดยในเวลานี้ทางบริษัทได้ส่งทีมฉุกเฉินลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว
ทั้งนี้
เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยจะมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2019 โดยคาดว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้ว เขื่อนแห่งนี้จะผลิตกระไฟฟ้าส่งมาให้ไทยถึง 90 % โดยในช่วงแรก ๆ ที่จะเริ่มโครงการก็ถูกคัดค้านจากประชาชน เพราะจะต้องไล่ที่เพื่อสร้างเขื่อน เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ทางการถูกจับตาอีกครั้งเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัย และการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน โดยทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าสันเขื่อนเริ่มมีรอยร้าวในช่วงคืนวันอาทิตย์ และพยายามเข้าไปซ่อมแซมแล้ว แต่ฝนที่ตกหนักทำให้สันเขื่อนพังลงมาในคืนวันจันทร์ มวลน้ำมหาศาลได้ไหลลงแม่น้ำเซเปี่ยน จนเอ่อท่วมพื้นที่ท้ายน้ำ ซึ่งมีระยะห่างจากเขื่อนประมาณ 5 กิโลเมตร
