ต้น ตระการ แอบทำพินัยกรรมให้ลูก ไม่อยากให้ทะเลาะกันเพราะสมบัติพ่อ

20 เม.ย. 64

นับเป็นอีกหนึ่งนักแสดงคุณภาพมากฝีมือที่ยังคงมีผลงานดีๆ ให้แฟนละครได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ต้น ตระการ ที่เดินทางบนเส้นทางบันเทิงมายาวนานถึง 30 ปี ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ทั้งทีเจ้าตัวที่นอกจากจะเล่าย้อนอดีตการเริ่มต้นในวงการแล้ว ได้อัปเดตบทบาทคุณพ่อลูกสอง พร้อมแชร์เคล็ดลับมัดใจภรรยาเด็กให้อยู่หมัด 

s__71074587

ต้น ตระการ : เล่นละครครั้งแรกประมาณปี 2533 ตอนนั้นเป็นนักศึกษาปี 1 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 30 ปีครับ


ถาม แล้วมีความรู้สึกช่วงงานงด งายหาย ผู้จัดไม่เรียกมีบ้างไหม

ต้น ตระการ : ความรู้สึกนี้เป็นครั้งแรกตอนที่เล่นละครเรื่อง วนิดา พอถ่ายละครเรื่องแรกจำได้เลยว่านั่งรถเมล์จากธรรมศาสตร์ไป หนองแขม เพื่อไปถ่ายละคร ได้ค่าแสดงตอนนั้น ตอนละ 700 บาทในยุคนั้นนะ ซึ่งในตอนนั้นเราก็โอเคกับรายได้ตรงนั้น เพราะเราก็ไม่ได้อยากมีรายได้อะไรมาก แต่เรามีความภูมิใจ ซึ่งพอหลังจากเรื่องนี้ก็เงียบหายไปเลย เราก็รู้สึกว่าเราคงไปในเส้นทางนี้ไม่ได้แน่นอนแล้ว เราก็ทำใจแล้ว ก็ตั้งใจเรียนไปเรื่อยๆ จนได้โอกาสอีกครั้ง เพราะตอนนั้นก็จำไม่ได้ว่าเรื่อง วนิดา ออกอากาศไปหรือยัง แต่ตอนนั้นเราเป็นเหมือนนักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ ได้เล่นเป็นน้องชายพี่ตั้ว ศรัณยู ก็ถือว่าเป็นดาวรุ่งแล้วมันไปต่อไม่ได้มันก็สะท้อนใจตัวเอง งานละครห่างมาประมาณ 2-3 ปีเลย จำได้ว่าเรื่องที่สองเล่นเรื่อง หมอเมืองเถื่อน ของ พี่จิ๋ม มยุรฉัตร ก็คือตอนที่เราใกล้จะเรียนจบปี 4 และหลังจากนั้นก็ไม่เคยมีช่วงไหนเว้นว่างจากงานละครเลย เราก็ไม่ได้มีผู้จัดการด้วย เราก็ต้องวางตารางชีวิตในการรับงานของเราเอง ถามว่ารับละครซ้อนกันมากที่สุดกี่เรื่อง ต้องบอกว่าทุกวันนี้ก็รับซ้อนนะ แต่ไม่รักซ้อนนะครับ (หัวเราะ) คือ ต้องบอกแบบนี้ครับ ที่รับซ้อนเราไม่ได้รับงานวันเดียวสองสามกอง เพราะเราเป็นคนจัดตารางเวลาด้วยตัวเองเราก็สามารถบอกเขาได้เลยว่า วันนี้ได้ วันนี้ไม่ได้ เพราะว่าเราไม่อยากจะวิ่งสองกอง สามกอง


ถาม แต่ก็ยังมีเวลาไปเรียนจนจบด็อกเตอร์เลย

ต้น ตระการ : ต้องบอกว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่พอเราอยู่ในวงการมาสักพักหนึ่ งมันก็มีความสุขอีกแบบ ด้วยส่วนตัวเราก็เป็นคนที่ชอบเล่นฟุตบอลอยู่แล้ว ก็ได้ไปรู้จักกับ พี่เป็ด เชิญยิ้ม พอไปเล่นฟุตบอลด้วยกันจนไปทำทีมชาติ เราก็ได้มาเป็นผู้ช่วยพี่เป็ดในฐานะผู้ช่วยทีมชาติหญิงอายุ 19 ปี อันนั้นก็เป็นครั้งแรกในระดับประเทศ แล้วพี่เป็ดก็ชวนไปเรียน ไหนๆ เราก็สนใจในเรื่องฟุตบอลแล้ว เราก็ไปเรียนในเรื่องของวิทยาศาสตร์ของการกีฬา เรื่องของการจัดการก็ได้ไปเรียนกันที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จริงๆ เรียนแค่เสาร์ อาทิตย์ ช่วงเช้า แต่จะหนัก แล้วก็เป็นช่วงที่หายไปก็ในช่วงของดุษฎีนิพนธ์ เพราะว่าต้องทำวิจัยต่างๆ นานา เป็นช่วงที่ยุ่งมาก


ถาม ซึ่งเราเห็นบทบาทของ ต้น ตระการ ส่วนใหญ่จะชินกับลุคที่ใส่สูท

ต้น ตระการ : เพราะว่าเป็นการให้เกียรติประชาชนทั่วไป แต่ช่วงหลังๆ พอเรามีครอบครัวแล้ว มีลูก เราก็เริ่มปล่อยตัวสบายๆ และเราก็ได้พูดกับตัวเองเสมอว่าเราไม่ใช่ดารา แต่เราคือนักแสดง พอเราแสดงตามบทบาทนั้น เป็นพิธีกรเราก็ให้เกียรติกับงานนั้น แต่งตัวให้เรียบร้อยสุภาพ แต่พอเราใช้ชีวิตส่วนตัว อยากจะไปนั่งกินข้าวแกงริมถนน คุยกับแม่ค้าในตลาด เราก็แต่งตัวไปแบบสบายๆ อยู่บ้านเราใส่แค่กางเกงฟุตบอลตัวเดียวถอดเสื้อ

s__71074592

ถาม ตอนนี้เป็นคุณพ่อลูกสอง

ต้น ตระการ : ใช่ครับ ตอนนี้มีสองคนแล้ว เรามีลูก แต่สิ่งหนึ่งที่เราห้ามขาดเลยคือต้องไม่ละเลยภรรยา บางคนพอมีลูก ก็จะไปดูแลใส่ใจแต่ลูก ซึ่งในครอบครัวเรา ภรรยาของผมก็ไม่เคยละเลยหน้าที่ของการเป็นภรรยาด้วยเหมือนกันครับ เพราะว่าผมกับภรรยามีวัยที่แตกต่างกันประมาณ 15  ปี เขาจบจิตวิทยามา เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาจะหรือแสดงออกพฤติกรรมอะไรต่างๆ เขาก็จะมีการสะกดจิตเรา เหมือนมีมนต์


ถาม เคยเจอปัญหาช่องว่างของวัยที่ต่างกันไหม

ต้น ตระการ : เคยแอบคิดเล็กๆ แต่พอเจอกับชีวิตจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น เราเลยรู้สึกว่าวิกฤตเป็นโอกาสที่ดี เพราะว่าตัวเราเอง 50 ภรรยา 35 ลูกชาย 5 ขวบกับ 3 ขวบ เราก็ปรับตัว ทำอายุของตัวเองให้น้อยลงมาเท่ากับภรรยา แล้วก็ลงไปเท่ากับลูก พยายามทำไว้ให้มันใกล้ๆ กัน เพราะการที่เราอยู่ด้วยกัน อย่าให้ตัวเลขเป็นอุปสรรคของชีวิตคู่ จะปล่อยให้ภรรยาเลี้ยงลูกคนเดียวได้ยังไง เราเลี้ยงลูกเหมือนทดลอง เลี้ยงเขาด้วยการใส่ใจลงไป ใส่ความรู้ ใส่สิ่งที่ดีๆ ลงไป แล้วเราก็มาดูว่าพอเวลาที่เขาโตขึ้น เขาจะเป็นแบบที่เราคิดหรือเปล่า อย่างคนโต ตอนนี้เขาเป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย สุภาพ เรียบร้อย ส่วนคนเล็กจะมีเรื่องของพฤติกรรมที่เราสะท้อนกับเขา เช่น พูดจา ดุ ด่า ทำโทษเขาก็จะมีพฤติกรรมที่จะรุนแรงนิดนึง


ถาม ซึ่งตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกเองให้เต็มที่จนกว่าอายุจะถึง 7 ขวบ

ต้น ตระการ : โดยทฤษฎีโ ดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ถ้าตอนเล็กๆ เขาอยู่กับความอ่อนโยน เขาอยู่กับแม่ อยู่กับความสุขภาพต่างๆ จะทำให้เขาซึมซับสิ่งต่างๆ ได้ดี พอโตขึ้น เขาจะมีความก้าวร้าวของเด็กผู้ชายเข้ามาเอง เราเลยตั้งใจว่าถ้าเราและภรรยาช่วยกันเลี้ยงเขาก็จะได้รับส่วนผสมที่ลงตัวพอดี เพราะว่าตอนที่เขาอายุเริ่ม 10 ขวบ จะเริ่มไปติดเพื่อน 15 เริ่มติดหญิง


ถาม ที่ตั้งใจเลี้ยงลูกขนาดนี้เพราะว่าตอนเด็กๆ มีปมในใจอยู่

ต้น ตระการ : บังเอิญคุณแม่เพิ่งมาเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เล็กจนกระทั่งเข้าโรงเรียน ตั้งแต่เกิดคลอดออกมา พ่อไม่ค่อยได้อุ้ม เพราะว่าพ่อเขาต้องทำงานตลอดเวลา เขาไม่ค่อยจะอยู่กับเรา แล้วเวลาที่เขาหยุด เขาก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านไปสังสรรค์กับเพื่อน แล้วก็ปล่อยให้แม่เลี้ยงเรา เราสงสารแม่นะ เพราะแม่ต้องเลี้ยงลูกห้าคน แล้วเราก็เป็นพี่ชายที่ไม่ค่อยดี เพราะว่าเราไม่ช่วยเลี้ยงน้อง ก็เลยไม่อยากให้ลูกเจอเหตุการณ์แบบเรา


ถาม เห็นว่าทำพินัยกรรมไว้ล่วงหน้าให้ลูกๆ โดยที่ไม่ได้บอกภรรยาเพราะอะไร

ต้น ตระการ : ไม่รู้พินัยกรรมจะเป็นมรดก หรือหนี้สินนะครับ (หัวเราะ) ตอนปี 59 มีผ่าตัดเอาเนื้องอกที่ต่อมน้ำลายออกไป ซึ่งก่อนผ่าเราก็ต้องวางยาสลบก่อน เราก็กลัวว่าวางยาสลบแล้วเราจะไม่ฟื้น ซึ่งก่อนที่หมอจะเรียกเราเข้าห้องผ่าตัด เราก็นั่งเขียนเลยว่าเรามีหนี้สินอะไรบ้าง แล้วมีเงินอยู่ตรงนี้ ที่ดิน บ้าน แจงเอาไว้ เราไม่ได้มีสมบัติอะไรมากมาย แต่เกิดว่าถ้าเราไม่อยู่ จะได้ไม่ทะเลาะกัน ไม่อยากให้เกิด

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส