วันที่ 17 เม.ย. 64 ความคืบหน้าจากกรณีที่มีเหตุการณ์เช้าตรู่วันที่ 13 เม.ย. 64 ขณะที่นางสาวศุภวรรณ ยืนสุข อายุ 31 ปี หญิงสาวหน้าตาดี ผู้เสียหาย ชาวบ้านใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ลงไปฝากเงิน 500 บาท ที่ตู้เอทีเอ็ม และกำลังออกมาขึ้นรถที่จอดไว้บริเวณด้านหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาวังน้ำเย็น ม.1 ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว
ปรากฏว่าได้มีคนร้ายเป็นชายไม่ทราบชื่อ มีตำหนิรูปพรรณรูปร่างผอม สูงประมาณ 160 ซม. ผิวสีเหลือ งสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงขาสามส่วนสีดำ ใส่หมวกแก๊ปสีดำ ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัยสีฟ้า ใช้มีดปลายแหลมจี้ที่บริเวณลำคอ และบังคับข่มขู่ให้ไปขึ้นรถเก๋งของผู้เสียหาย แล้วบังคับให้ขับรถเลี้ยวเข้าโรงแรม แต่ผู้เสียหายไม่ทำตาม ขับมุ่งหน้าไปพบเห็นรถเก็บขยะของเทศบาลฯ จึงตัดสินใจขับพุ่งชนให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมร้องขอความช่วยเหลือ และหนีเอาตัวออกมาได้นั้น
พนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเย็น ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อร้องขอต่อศาลจังหวัดสระแก้วออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้แล้ว โดยผู้ก่อเหตุคื อนายอลงกรณ์ รักษา หรือ ไผ่ อายุ 29 ปี ซึ่งเคยถูกจับกุมในคดีชิงทรัพย์ และยาเสพติดตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 2556 และเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีได้เพียง 3 วันก่อนมาก่อเหตุซ้ำอีก
หลังจากนั้นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี ชุดสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี กองกำลังสืบสวนจังหวัดสระบุรี และสืบสวน อ.วังน้ำเย็น จ.สระบุรี ได้ลงพื้นที่ค้นหาพบว่ามีกล้องวงจรปิดจับภาพผู้ต้องหากำลังเดินทางด้วยเท้า บริเวณถนนบายพาสเส้นตะกุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการแกะรอยตามภาพวงจรปิดไปจับกุมตัวได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการส่งตัวเข้ามาทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองสระบุรี นายไผ่ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองออกจากคุกมาได้ 2-3 วันในข้อหามีครอบครองยาบ้าที่ จ.จันทบุรี และค้าของหนีภาษี ติดคุกมาร่วม 4 ปี จากนั้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้ออกจากคุก
เมื่อช่วง 03.00 น. ตนได้ขับรถจักรยายนต์ไปพบผู้เสียหาย กำลังยืนอยู่หน้าตู้ ATM จึงได้ใช้อาวุธมีดเข้าไปเพื่อจะชิงทรัพย์ ขณะนั้นไม่สามารถกดเงินออกมาได้ จึงทำการใช้อาวุธมีดจี้บังคับผู้เสียหายให้ขับรถยนต์เก๋งไปข้างนอก โดยที่ตนเองนั่งหลัง แล้วใช้อาวุธมีดอยู่บังคับอยู่ในรถ เพื่อบังคับขู่ให้ไปโรงแรม และจะให้นั่งตักไปในรถ แต่ไม่ได้จะข่มขืน
จนมาถึงที่เกิดเหตุนางสาวศุภวรรณเห็นรถขยะ แล้วเข้าพุ่งชน จากนั้นตนเองก็ได้หลบหนีการจับกุม โดยมาที่จังหวัดสระบุรี มาหาลุงโดยที่ลุงไม่รู้
นายจรูญ พลศรี อายุ 69 ปี ลุงของนายอลงกรณ์ เปิดเผยว่า นายไผ่บอกว่ามาเที่ยวสงกรานต์ที่บ้านตน และมาเยี่ยมญาติพี่น้องด้วย จากนั้นก็นั่งดื่มฉลองสงกรานต์กันที่โต๊ะ โดยที่ตนเองและญาติไม่ได้เอะใจว่านายไผ่ได้ก่อเหตุมา
จนมาทราบข่าว ตนเองได้พูดกับนายไผ่ว่าให้ไปมอบตัว แต่นายไผ่ก็ไม่ยอมไปมอบตัว จากนั้นตนเองจึงได้ทำการแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้รับทราบ เพื่อจะให้เข้ามาจับกุมนายไผ่ไปรับโทษ หลังจากแจ้งกับทางผู้ใหญ่บ้านเรียบร้อยแล้ว เวลา 15.00 น. เห็นนายไผ่ได้ทำการเก็บเสื้อผ้าแล้วเดินหลบหนีออกจากบ้านไป ตนเองจึงได้ทำการแจ้งผู้ใหญ่บ้านอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่พบเห็นนายไผ่แล้ว แต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด
