กลายเป็นเรื่องเรื่องราวที่สร้างความตกใจให้กับหลายคนไปตาม ๆ กันหลังจากที่ มีล่า จามิล่า เจ้าของบทเพลงฮิต “ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจ” ที่ได้ออกมาเล่าเรื่องราวที่เธอถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากน้องชายแท้ๆเมื่อ 2 ปีก่อน ทั้งเหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเธอมาจนถึงทุกวันนี้
เจนนี่ พี่สาวมีล่า ออกมาชี้แจงถึงประเด็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว พร้อมถามกลับเรื่องเกิดมา 2 ปี ทำไมเพิ่งมาออกมาพูด ต้องการอะไรกันแน่!!
มีล่า โต้กลับหลังพี่สาว ออกมาโพสต์ชี้แจง ถามกลับทำไมถึงไม่ให้มีล่าแจ้งความ!!
2 ปีที่ปิดไว้ มีล่า Kamikaze เผยความลับสุดสะเทือนใจ หวิดสิ้นชื่อเพราะน้องชาย
ล่าสุดวันนี้ทางทีมข่าวได้มีการต่อสายตรงพูดคุยทางโทรศัพท์กับทาง "มีล่า" เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางเจ้าตัวได้เล่าให้ฟังถึงสภาพจิตใจ ณ ตอนนี้ว่า หลังจากที่ตนเองได้โพสต์เล่าถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นตามข่าว ก็รู้สึกสภาพจิตใจดีขึ้นหลังหลายคนต่างส่งกำลังใจมาให้ จากเดิมส่วนตัวเล่าแค่คนสนิทพอได้มีโอกาสพูดออกไปในที่สาธารณะก็ได้รับกำลังใจทำให้คิดว่าเราเองไม่ต้องเผชิญความกลัวเเค่คนเดียว โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงตนอายุ 25 ปี ตอนนี้ผ่านมา 2 ปีแล้ว
ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจเล่าหลังเก็บเรื่องราวไว้นานกว่า 2 ปี ทางเจ้าตัวบอกว่า ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ต้องเก็บเรื่องราวดังกล่าวไว้ เพราะส่วนหนึ่งทางครอบครัวของตนได้แนะนำให้เก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้นเอาไว้ ยอมรับที่ออกมาพูดครั้งนี้เพราะส่วนตัวอึดอัดมาก เพราะตลอดระยะเวลา 2 ปี ตนพยายามขอความช่วยเหลือจากทางครอบครัว ว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างกับน้องชาย (คนก่อเหตุ) แต่ทางครอบครัวกลับปกปิดและคอยช่วยเหลือน้องชาย
"ล่าสุดตนเองได้โทรศัพท์ไปหาครอบครัวว่าตนเองรอมา 2 ปีแล้วนะ แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย หนำซ้ำยังทราบมาอีกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ทางน้องชายของตนเองยังคงอยู่กับที่บ้านโดยใช้ชีวิตตามปกติ ขณะที่ทางคุณแม่เองก็พยายามปกปิดและไม่ปกป้องตนเอง กลับไปปกป้องน้องชาย ตนเลยตัดสินใจบอกกับแม่ว่าจะนำเรื่องดังกล่าวไปโพสต์หรือบอกกับสื่อ เพราะตอนนี้ตนเองสู้มาโดยลำพัง ซึ่งทางคุณแม่เองก็เคยสัญญาว่าจะจัดการให้ พร้อมให้ตนออกมาอยู่ข้างนอกแทนตั้งแต่ตอนแรกที่เกิดเหตุการณ์ โดยที่เขาให้เหตุผลว่าเราอาจจะรู้สึกแย่หากกลับมาอยู่บ้าน ส่วนเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการแจ้งความทางคุณแม่เองก็บอกว่าไม่สามารถแจ้งความได้ โดยเขาเองก็บอกว่าแล้วเเต่เราหากจะแจ้งความแต่ให้คิดไว้ว่าผลเสียจะตกที่ใคร
ทั้งนี้เมื่อถามว่าตอนนี้รู้สึกโกรธครอบครัวไหม ทาง "มีล่า" ได้เล่าต่อด้วยน้ำเสียงสั่นคลอ ว่า ยอมรับว่าช่วงเกิดเหตุแรกๆ ส่วนตัวรู้สึกโกรธคุณแม่และครอบครัว แต่พอเหตุการณ์ผ่านไปแล้วตอนนี้เหลือแค่ความรู้สึกหมดหวัง และผิดหวังมากกว่า วอนแม้ว่าหลายคนจะเข้ามาให้กำลังใจ ตนเองก็ต้องขอบคุณ แต่ในส่วนคอมเมนต์ที่เข้ามาด่าทอหรือใช้คำหยาบกับคุณแม่ของตน ก็อยากให้ทุกคนคิดว่าเเม่เขาเองก็มีบุญคุณกับตน เพราะเขาเองเลี้ยงตนเรามาจนโต พร้อมอยู่กับตนเองทุกช่วงเวลา ยิ่งในช่วงที่ตนเป็นนักร้องแม่เขาก็อยู่กับตนในทุกงาน เลยไม่อยากให้ทุกคนมาด่าแม่ของตน"
"มีล่า" อยากจะบอกกับสังคมหรือคนที่เจอเหตุการณ์คล้ายกับตนว่า อยากให้สังเกตคนรอบตัวทั้งในบ้านหรือคนใกล้ชิดว่าหากเขามีปัญหาหรือพฤติกรรมดูไม่ปกติ ก็ให้สังเกตและใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะในเคสของน้องช่ยตนเองนั้น เขามีอาการไม่ปกติมานานแล้วตั้งแต่สมัยเรียนซึ่งมันไม่ใช่เรื่องธรรมดาหากพูดถึงเหตุการณ์ที่เขาทำ อยากให้ทุกคนต่างใส่ใจกับเรื่องของสุขภาพจิตคนในครอบครัว
เมื่อถามว่าส่วนตัวมีความสนิมกับพี่สาว "เจนนี่ เดอะสตาร์" หรือไม่ หลังมีหลายคนมองว่าทาง "มีล่า" เองไม่ได้ติดตามไอจีของพี่สาว ทางเจ้าตัวอธิบายว่า ส่วนตัวก็สนิทกับพี่สาว แต่ยอมรับว่าส่วนตัวได้ทำการบล็อกทุกช่องทางกับคนในครอบครัว หลังจากที่ทะเลาะกันเมื่อ 2 วันก่อนที่จะโพสต์ เผยเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตนมีแผลในใจถึงขั้นทำให้เกิดอาการระหวาดระแวง ต้องเข้าพบคุณหมอและทานยา อาการอาจจะดีขึ้นจากเดิมที่ร้องไห้ตลอดเวลา ตอนนี้ก็ดีขึ้น
เผยนอกเหนือจากตนแล้วที่เจอเหตุการณ์เลวร้ายจากน้องชายแท้ๆ คนอื่นๆในครอบครัวก็เจอเช่นกันแต่อาจจะไม่ร้ายแรงเหมือนตน แต่ด้วยที่ผ่านมาคุณแม่เองก็จะพยายามบอกว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ เผยสำหรับอาการที่น้องเป็นอยู่นั้น ส่วนหนึ่งตนเชื่อว่าน่าจะมายากพฤติกรรมที่น้องชายอาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด และมีการดื่มแอลกอฮอล์ นำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวและความรุนแรง รับตนเคยเตือนไปหลายรอบแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการว่ากล่าวตักเตือนจากคุณแม่และพี่สาว
ทิ้งท้ายด้วยชีวิต ณ ตอนนี้ ตนเองก็ทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งทำได้มาประมาณ 4 ปี ก่อนที่ช่วงปลายปีที่แล้ว ได้ตัดสินใจลาออกเพราะมีแพลนว่าจะเข้าวิวาห์กับคู่หมั้นหนุ่มนอกวงการ โดยจะย้ายไปอยู่ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ส่วนจะมีน้องเลยหรือไม่นั้น ก็ต้องว่ากันอีกที
