แก๊งมังกรอุ้มสองหนุ่มลวงสังหารทิ้งศพที่เปลี่ยว เหยื่อแกล้งตายอ้างถูกรีด 3 ล้าน (คลิป)

13 เม.ย. 64

กรณีศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคน จ.สมุทรสาคร ได้รับแจ้งเหตุมีชาวจีนถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ 1 คนและเสียชีวิตอีก 1 คน บนถนนทางลูกรังเลียบชายฝั่งทะเล (มหาชัยฝั่งตะวันตก) หมู่ที่ 6 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

118755

ภายหลังทราบชื่อผู้บาดเจ็บ นายซาง ซือหยาง สัญชาติจีน อายุ 36 ปี มีบาดแผลถูกยิงที่น่องขาข้างซ้าย 3 นัด ถูกนำตัวส่ง รพ.สมุทรสาคร และผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายเจีย เจียนหยาง สัญชาติจีน ผิวขาวรูปร่างท้วม อายุประมาณ 40 ปี เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7-8 ชั่วโมง

เบื้องต้นทราบว่าทั้ง 2 คนเป็นญาติพี่น้องกัน โดยสภาพศพของผู้เสียชีวิตนอนอยู่ในพงหญ้าข้างทาง มีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง ทั้งถูกปืนยิงถูกมีดแทง และถูกตีด้วยของแข็ง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ส่งศพไปยังสถาบันนิติเวช เพื่อชันสูตรบาดแผลการเสียชีวิต

447208

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางตรวจสอบยังพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณถนนลูกรังเลียบชายฝั่งทะเล (มหาชัยฝั่งตะวันตก) หมู่ที่ 6 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยทั้ง 2 ข้างทางเต็มไปด้วยป่ากก สลับน้ำทะเล และเป็นพื้นที่ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีผู้คนพักอาศัย มุ่งหน้าไปยังเขตสถานที่ท่องเที่ยวจุดชมวิวป่าชายเลน

191591

ในจุดที่เกิดเหตุ พบรอยคราบเลือด 5 จุด เป็นระยะกว่า 5 เมตร จะเห็นได้ว่าพงหญ้าข้างทางเป็นจุดที่ผู้เสียชีวิตนอนเสียชีวิต และจุดที่คราบเลือดใหญ่คาดว่าเป็นจุดที่นายซือหยาง คลานมาอยู่บริเวณกลางถนน

603653

นายสัง อายุ 30 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เวลาประมาณ 06.20 น. ผู้ที่หาปลาอยู่บริเวณแถวนั้น พบเจอศพแล้วคาดว่าเป็นชาวเมียนมา จึงรีบเดินทางมาหาตนที่บ้าน และเรียกตนไปดูที่เกิดเหตุ จนพบเข้ากับนายซือหยาง ผู้บาดเจ็บ จึงเข้าไปพูดคุยปรากฏว่าเป็นชาวจีน และเมื่อนายซือหยาง พยายามจะพูดคุยกับตน ทำท่าทางปาดที่คอ และชี้ไปที่พงหญ้า ตนจึงเดินเข้าไปตรวจสอบพบชายนอนคว่ำเสียชีวิต จึงรีบโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ขณะนั้นตนตกใจมาก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชายเลนที่ตนเคยชอบไปหาปลา นั่งพักผ่อนชมวิว ในช่วงกลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว ไม่ค่อยมีผู้คน โดยขณะนี้ยังไม่กล้าไปยังสถานที่เกิดเหตุเพราะยังคงกลัวภาพติดตา อาจจะอีกสักระยะกว่าตนจะกลับไปจุดดังกล่าว เมื่อคืนที่ผ่านมาตนไม่ได้ยินเสียงปืนเลย ถึงแม้ตนอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 3.5 กิโลเมตร

cg2

จากการสอบถามนาย เอ (นามสมมติ) เล่าว่า วันที่ 13 เม.ย.64 เวลา 06.30 น. ตนกำลังเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวยังจุดชมวิวบริเวณสะพานที่ป่าชายเลน ใกล้จุดเกิดเหตุ ระหว่างนั้นตนเห็นคนนอนเจ็บอยู่บริเวณ เกือบกลางถนน จึงขับเลยและแวะจอดเข้าไปตรวจสอบคาดว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุรถชน

เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ เห็นชาวบ้านอีกหลายคนยืนมุงดู ตนจึงเข้าไปตรวจสอบพบว่าเป็นชาวจีน อาการบาดเจ็บมีรอยแผลที่ขาขวา สภาพเปื้อนโคลน สอบถามได้ความว่า นายซาง ซือหยาง ได้เดินทางมากับพี่ชาย นายเจีย หรือ เจียนหยาง ผู้เสียชีวิต และเพื่อนธุรกิจร่วมกัน ระหว่างทางผิดใจกันเรื่องธุรกิจ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย และยิงนายเจียนหยาง เสียชีวิต และนายซื้อหยาง ผู้บาดเจ็บ แอบหลบในพงหญ้า ทำให้ผู้ก่อเหตุคิดว่าเสียชีวิต

จากการสอบถาม พ.ต.ท.ณฐพงศ์ เกรียงวุฒิไกร หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรย่อยท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ระบุว่า ขณะนี้ผู้บาดเจ็บมีอาการค่อนข้างอ่อนแรง ยังไม่สามารถให้การกับเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้

897801

ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นนักธุรกิจจีน ที่ทำธุรกิจร่วมกันในกรุงเทพมหานคร และขับรถผ่านมาเส้นดังกล่าว เมื่อถึงจุดเกิดเหตุทะเลาะกันเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจจำนวน 3 ล้านบาท จึงทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธปืนยิง ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และกำลังดำเนินตรวจหารถต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิด อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องรอผลตรวจอาการของผู้บาดเจ็บ

646220

นายรุ่งสยาม มิตรทอง อายุ 41 ปี เจ้าของบ่อปลา เล่าว่า ตนทราบข่าวเมื่อเช้าที่ผ่านมาว่ามีเหตุยิงกัน แต่ตนไม่ได้พักอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังนี้ แต่จะแวะเวียนเข้ามาในช่วงเช้า 04.00 - 17.00 น. อีกทั้งบ้านของตนอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 2 กิโลเมตร ซึ่งช่วงดึกที่ผ่านมานั้นก็ไม่ได้ยินเสียงปืนดัง

โดยปกติแล้วชาวบ้านในพื้นที่ป่าชายเลน ใกล้ทะเล ต่างทราบกันดีว่า มักจะมีชาวประมงจุดประทัด ยิงปืนเพื่อไล่นก และชาวบ้านบางคนยิงปืนเพื่อทดลองปืน จึงไม่ค่อยมีใครตกใจเรื่องเสียงปืนหรือเสียงประทัด เนื่องจากพื้นที่ป่าชายเลนนั้นไม่มีผู้คนพักอาศัย

สำหรับทางเข้าออกในพื้นที่ดังกล่าว มีทางที่เป็นลูกรังสร้างใหม่ 1 เส้นทาง แต่ทางออกนั้นเมื่อเข้าไปข้างในมีอีก 2-3 ทาง อาจจะค่อนข้างลำบาก แต่สามารถเข้าออกได้ ตนก็ไม่มั่นใจว่ามีรถอะไรขับเข้ามาข้างในบ้าง เนื่องจากกลางวันมีนักท่องเที่ยวขับเข้าไปยังป่าชายเลนข้างในตลอดทั้งวัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส