กรณีเหตุเพลิงไหม้รถทัวร์ปรับอากาศ 2 ชั้น บริเวณถนนมิตรภาพ ช่วงกม.ที่ 319 ใกล้บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กผู้หญิงวัย 6 ขวบ นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 12 ราย
ภายหลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าไปตรวจสอบภายในซากรถปรากฏว่า พบร่างผู้เสียชีวิตมากถึง 5 ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะโดยสารชั้นที่ 2 ของรถทัวร์ โดย 2 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก
จากการตรวจสอบพบว่า รถทัวร์คันดังกล่าวเป็นของบริษัท 407 พัฒนาทัวร์ หมายเลขทะเบียน 10-7387 อุดรธานี โดยได้เดินทางออกมาจากสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.อุดรธานี มุ่งหน้าปลายทางสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต กรุงเทพมหานคร มีผู้โดยสารรวมพรักงาน 34 คน
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ล้อรถทัวร์ด้านหลังแตกและเกิดประกายไฟขึ้น จากนั้นไฟได้ลุกไหม้ห้องเครื่องที่อยู่ด้านหลังก่อนที่จะลุกลามอย่างรวดเร็ว จนไฟไหมรถทั้งคันจนทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งตำรวจภูธรบ้านแฮดจะได้สอบปากคำคนขับรถทัวร์คันดังกล่าวที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟลวก เพื่อจะได้หาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ พร้อมดำเนินดดีตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดวันที่ 13 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบนถนนมิตรภาพ ซึ่งเป็นถนน 4 เลน พบบนถนนเป็นสีดำจากรอยไหม้ ข้างทางมีเสื้อผ้า และเศษกระจกของรถที่แตกเกลื่อน
โดยทีมข่าวเดินทางไปยัง รพ.สิรินธร จ.ขอนแก่น ได้พูดคุยกับนายผดุงโรจน์ ฮุงหวน 20 ปี ผู้บาดเจ็บถูกไฟลวกที่แขนขวา และใบหูทั้ง 2 ข้าง กล่าวว่า ตนขึ้นรถมาจาก จ.สกลนคร พร้อมแฟนสาว เพื่อจะเข้ากรุงเทพฯ เวลาประมาณ 20.30 น. มาเปลี่ยนรถเป็นรถคันเกิดเหตุที่บขส.อุดรธานี เนื่องจากรถที่ตนนั่งมามีผู้โดยสารแค่ 3 คน จากนั้นตนนั่งบนรถมาตามปกติ โดยตนนั่งที่เก้าอี้แถวที่ 8 ด้านซ้าย แฟนของตนนั่งชิดริมหน้าต่าง ส่วนตนนั่งริมทางเดิน
กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่แฟนตนกำลังหลับ จู่ ๆ มีเสียงดังคล้ายยางระเบิด 1 ครั้ง ไฟเริ่มลุกไหม้ข้างหลัง และเริ่มมีกลิ่นแก๊สลอยเข้ามา โดยคนขับได้จอดข้างทาง ตนจึงรีบอุ้มแฟนที่นอนไม่ได้สติเพื่อลงจากรถทางประตูหน้า ขณะนั้นค่อนข้างชุลมุนเพราะทุกคนต่างเอาตัวรอด และออกได้เฉพาะประตูด้านหน้า จึงผลักกันและถีบให้ออกไปโดยเร็ว จนล้มกลิ้งกันลงมาจากรถ
ทั้งนี้ตนยังมีสติและอาการไม่หนักมาก ส่วนแฟนไฟได้ลวกที่แขนขา และหมดสติไป คาดว่าเกิดจากการสูดดมแก๊สจำนวนมาก ตอนนี้แฟนสาวยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น โดยตนกลับบ้านไปเกณฑ์ทหารเมื่อวันที่ 6 เม.ย.64 และกำลังขึ้นรถกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้
ขณะที่นายปัญจพล ภาคสังข์ อายุ 19 ปี ผู้บาดเจ็บอีกราย เล่าว่า ตนขึ้นรถจาก บขส.อุดรธานี เพื่อจะเดินทางไปหาพ่อที่ จ.สระบุรี โดยนั่งแถวที่ 5 ฝั่งคนขับ ระหว่างเดินทางนอนหลับตลอดทาง แต่มารู้สึกตัวอีกครั้งช่วงที่เข้า จ.ขอนแก่น คนขับบอกว่าแวะเติมแก๊ส 20 นาที
หลังจากนั้นขับออกมาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ได้ยินเสียงระเบิด และมีไฟลุกมาจากที่นั่งด้านหลัง พร้อมกลิ่นแก๊สที่รุนแรงมาก ตนจึงรีบวิ่งหนีออกมาทางประตูด้านหน้า ขณะนั้นมีทางออกเพียงทางเดียว ทุกคนต่างผลักกันให้ลงเร็วที่สุด
เมื่อตนลงมาได้ ก็รีบวิ่งเข้าไปในป่า เพื่อให้ห่างจากตัวรถให้มากที่สุด เพราะขณะนั้นตนสูดแก๊สไปเป็นจำนวนมาก จนรู้สึกแน่นหน้าอก แสบคอ และหายใจไม่ออก กระทั่งเจ้าหน้าที่มารับตัวไปโรงพยาบาล อาการตอนนี้ มีแผลไฟลวกที่บริเวณหู 2 ข้าง และรู้สึกแน่นหน้าอก รวมถึงเสียงเปลี่ยนจากการสูดดมแก๊ส ทั้งนี้รู้สึกกลัวมาก ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ ต่อไปอาจจะไม่กล้านั่งรถทัวร์ เพราะกลัวเกิดเหตุซ้ำ
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายพงสกร คุ้มตะบุตร อายุ 32 ปี พี่ชาย น.ส.สุกัลยา เกษหอม อายุ 28 ปี ผู้ตาย กล่าวว่า น้องสาวเดินทางพร้อมสามีเพื่อจะเข้ากรุงเทพฯ ไปทำงานก่อสร้าง โดยขึ้นรถที่ บขส.อุดรธานี ก่อนมาเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งตนเพิ่งทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าก็รีบเดินทางมายังโรงพยาบาลทันที และได้เข้าไปดูศพ ซึ่งสภาพไหม้เกรียม มองแทบไม่ออก แต่มั่นใจว่าเป็นน้องสาว เพราะสร้อยเงินที่ห้อยคอเป็นประจำ และรูปร่างน้องที่ค่อนข้างสูงใหญ่
ขณะนี้ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาน้องสาวกับสามีทำงานรับจ้างอยู่ที่บ้าน แต่เงินไม่พอใช้ อยากได้เงินเพิ่ม จึงตั้งใจเข้ากรุงเทพฯ ไปทำงานก่อสร้าง แต่ยังไม่ทันได้เริ่มงานก็มาเกิดเหตุขึ้น ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับทางตัวแทนบริษัทรถ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ขอจัดการงานศพน้องให้เรียบร้อยก่อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่าสามารถรับศพได้ในวันที่ 16 เม.ย.64 เนื่องจากต้องรอชันสูตรศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
ที่รพ.สิรินธร อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะได้เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะมอบกระเช้าให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ได้ประสานให้ คปภ. เข้ามาเยียวยาค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เสียชีวิต โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 12 ราย จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนผู้เสียชีวิต คปภ. มีเกณฑ์ในการจ่ายเงินเยียวยาจากบริษัทประกันภัยที่เจ้าของบริษัทรถทัวร์ได้ทำไว้แล้ว