กรณี น.ส.ทองสร้อย แก้วจันทร์ ชื่อสร้อย ลูกพี่ลูกน้องของ น.ส.นันทิดา สุขจันทร์ หรือ จอย ผู้เสียชีวิต ได้ขอความช่วยเหลือกับนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา ให้มาช่วยดูอาการของน้องจอย หลังจากที่ศพของจอยนิ้วมืออุ่นนุ่ม ศพไม่เหม็น และยังมีชีพจรอยู่ ซึ่งครอบครัวเชื่อว่ายังไม่เสียชีวิตนั้น
วันที่ 9 เม.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่วัดบ้านกอเลา ตำบลปราสาท อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของน้องจอย
นางจงรัก แม่ของน้องจอย เดินเข้ามาจับมือลูกสาวพร้อมกับลูบศีรษะ บอกว่า "ลูก ๆ ขอให้วิญญาณลูกกลับมานะ แม่มาหานะลูก กลับมาหาแม่นะลูก"
นางจงรัก กล่าวว่า ลูกสาวตนรักษาตัวโรควัณโรคมา 3 เดือน ก่อนที่ลูกสาวจะตาย ลูกบอกว่าอยากกินเนื้อย่าง เวลา 22.00 น. ของวันที่ 4 เม.ย. ลูกก็เกิดอาการเจ็บหน้าอกและญาติ ๆ พาตัวขึ้นท้ายกระบะไปส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในวันที่ 5 เม.ย. 64 ซึ่งล่าสุดตนตกใจที่ศพลูกสาวไม่มีกลิ่น ตัวนิ่ม เหมือนคนยังไม่ตาย ตนมีความหวังว่าลูกจะยังไม่เสียชีวิตและฟื้นกลับขึ้นมาได้
น.ส.ทองสร้อย แก้วจันทร์ หรือ สร้อย ลูกพี่ลูกน้องผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อปลายปี 2563 น.ส.นันทิดา สุขจันทร์ หรือ จอย ป่วยวัณโรค ต่อมาวันที่ 2 เม.ย. 64 น้องจอยได้ไปหาหมอเพื่อตรวจดูอาการ แต่หมอไม่พบเชื้อวัณโรค ต่อมาวันที่ 4 เม.ย. น้องจอย ได้ใช้ชีวิตปกติทุกอย่าง
กระทั่งเที่ยงคืนวันที่ 4 เม.ย. เข้าวันที่ 5 เม.ย. น้องจอยบอกกับครอบครัวว่า หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก พร้อมกับมีอาการเดินวนไปวนมาอยู่ในบ้าน อีกทั้งยังมีอาการสะบัดมือ แลบลิ้นปลิ้นตา ทำตาโตใส่ญาติพี่น้อง
ญาติจึงเอาตัวจอยขึ้นท้ายรถกระบะส่งโรงพยาบาล ระหว่างนั้นจอยได้หมดสติ กลางดึกพาตัวจอยส่งถึงโรงพยาบาล หมอได้บอกกับครอบครัวว่าจอยเสียชีวิตแล้ว โดยไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต ญาติจึงได้ไปรับศพเพื่อนำมาประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีการตั้งศพจอยไว้ที่บ้าน
ต่อมา วันที่ 8 เม.ย. เป็นวันเผาศพจอย ญาติได้เคลื่อนศพจอยจากบ้านไปตั้งที่เมรุ เวลาประมาณ 15.00 น. มีการเปิดโลงศพ เพื่อทำการล้างหน้าศพ และวางดอกไม้จันทน์ แต่แม่ของผู้เสียชีวิตเห็นว่าหน้าตาลูกทำไมยังสวย อิ่มเอิบ ไม่มีกลิ่นเหม็น จับมือลูกสาว ซึ่งพบว่ามือของจอยนุ่มอุ่น ไม่แข็ง ไม่เหมือนศพทั่วไป
จากนั้นแม่ของจอย ได้เรียกพระสงฆ์และคนในงานให้มาดูอาการลูกสาว เพราะรู้สึกแปลกใจ อีกทั้งปลายนิ้วของจอยยังมีเลือด ญาติจึงจับศีรษะของจอยพลิกซ้ายพลิกขวาก็หันได้ปกติ ครอบครัวจึงโทรศัพท์ไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้มาตรวจดูอาการ ได้ใช้เครื่องวัดออกซิเจนวัดที่ปลายนิ้ว มีค่าระดับเดียวกับคนปกติที่ยังมีชีวิต ทำให้ทุกคนในงานศพวันนั้นตกใจกันทั้งหมด และญาติของจอยได้ยุติการเผาศพ พร้อมกับเอาร่างของจอยออกจากโลงศพ จากนั้นได้ส่งร่างของจอยไปตรวจร่างกายเพิ่มเติมที่รพ.ศรีสะเกษ อีกครั้ง ซึ่งหลังการตรวจทางแพทย์ก็แจ้งกับทางครอบครัวจอยเหมือนเดิมว่าน้องจอยเสียชีวิตแล้ว
จากนั้นทางญาติได้นำศพน้องจอยกลับจากโรงพยาบาล จะนำกลับเข้าไปไว้ที่บ้านคนตาย แต่ก็เกรงว่าชาวบ้านในหมู่บ้านจะไม่เห็นด้วย เพราะว่าศพของจอยก็ผ่านการสวดศพตามพิธีมาแล้ว ทางครอบครัวจึงนำศพของจอยมาไว้ที่วัดแทน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่ของน้องจอยเชื่อว่าลูกสาวของเขายังไม่ตาย เพราะร่างกายของจอยผิวนุ่มเหมือนผิวเด็ก ไม่มีกลิ่น และศพของจอยก็ไม่ได้ฉีดฟอมาลีนด้วย
โดยเมื่อวานนี้น้องจอยได้มาเข้าฝันเพื่อนสนิทของเขา บอกกับเพื่อนว่าเขายังไม่ตายและถูกขังอยู่ ตรงกับที่ลูกสาววัย 3 ขวบของจอยบอกแม่ของจอยตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. ว่าแม่ถูกขังไว้ในคุก แม่ติดคุก ที่ครอบครัวและญาติขอความช่วยเหลือไปถึงหมอปลา เพราะมีจุดประสงค์อยากให้หมอปลามาดูว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับศพของจอย ญาติอยากจะรู้ว่าจอยเสียชีวิตแล้วหรือยัง หรือเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร และถ้าหากจอยเสียชีวิตแล้ว ก็อยากให้หมอปลามาเชิญวิญญาณของจอยให้ไปสู่สุคติ โดยก่อนหน้านี้ ญาติได้ไปพึ่งหมอดูหลายราย ซึ่งทุกหมอดูพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องจอยยังไม่ตาย ยังไม่ถึงฆาต แต่ไปเที่ยวหมอลำ และการวางหม้อนึ่งข้าวเหนียวข้างร่าง เพื่อให้วิญญาณกลับเข้าร่างได้ตามความเชื่อ
ล่าสุด มีหมอดูรายหนึ่งเดินทางมาวัดเพื่อทำพิธีการทำนายว่าน้องจอยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ โดยการใช้ไข่ไก่สัมผัสที่ร่างกายและตอกไข่ ผลการทำนายคือน้องจอยเสียชีวิตจากการตายโหง เพราะไข่แดงมีรอยบุ๋มจึงทำนายดังกล่าว แม้ว่าร่างจะไม่เหมือนคนตายก็ตาม
ด้านนายสร สุขจันทร์ เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนมีกำหนดการวันที่ 8 เม.ย. จะเผาศพ แต่เมื่อเปิดโลงมาแล้วพบว่าจะศพไม่แข็ง ร่างกายยังนิ่ม ไม่เหม็น ตนปรึกษากับครอบครัวแล้วว่าจะยังไม่มีการเผาร่าง จะขอรอดูจนกระทั่งจนถึงพรุ่งนี้เช้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ จะห่มผ้า แล้วใช้มุ้งครอบไว้ ยังมีหวังว่าลูกจะตื่นขึ้นมาได้
ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช ให้ข้อมูลว่า ลักษณะการเสียชีวิตถือว่าแปลกมาก ตนเคยเจอผู้ที่ตายแล้วฟื้นมาก่อน ซึ่งเคสนี้ศพที่ไม่เน่า ไม่มีกลิ่นเหม็น จึงสงสัยว่าอาจจะยังไม่เสียชีวิตหรือไม่
อีกทั้งมีการใช้เครื่องมือตรวจที่ปลายนิ้วนั้น มีตัวเลข 2 ตัวเลข บอกถึงค่าออกซิเจนในร่างกาย และการเต้นของหัวใจหรือชีพจร ซึ่งพบว่าค่าออกซิเจนอยู่ในระดับต่ำ และการเต้นของชีพจรอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน และอาจจะเป็นความคาดเคลื่อนของเครื่องมือได้
สำหรับตนแนะนำว่าที่แน่นอน คือการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่จะใช้อุปกรณ์เครื่องมือการตรวจติดบริเวณทรวงอก ซึ่งจะยืนยันได้ชัดเจนมากกว่า โดยใช้ระยะเวลาต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง ก็จะยืนได้ชัดเจนว่าเสียชีวิตแล้วหรือไม่
น.ส.คุณมยุรี หอมหวน ร่างทรงน้องกุมารสังข์ทองสดใส กล่าวว่า วันนี้ตนมาทำพิธีสื่อสารกับ น้องจอย ซึ่งน้องจอยบอกกับตนว่า ตอนนี้วิญญาณน้องจอยไปดูหมอลำซิ่ง มีท่ามีที่สนุกสนาน ยังไม่อยากกลับเข้าร่าง และจะกลับเข้าร่างวันนี้
ถ้าน้องจอยไม่เข้าร่าง ตนจะมาทำพิธีสื่อวิญญาณกับน้องจอยอีก 2 ครั้ง แต่ถ้าน้องจอยไม่มาเข้าร่างเลยก็แสดงว่าน้องจอยต้องการไปสู่สุคติแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเขื่อว่าน้องจอยยังไม่ถึงฆาตเสียชีวิต ซึ่งน้องจอยยังวนเวียนกับการเที่ยวงานหมอลำอยู่ ทั้งนี้ ถ้าน้องจอยกลับเข้าร่างแล้ว ตนก็อยากให้ญาติมีการทำบุญให้น้องจอย ด้วยการจ้างหมอลำซิ่ง
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา เปิดเผยว่า กรณีที่เสียชีวิตแล้วศพไม่เน่า ทั้งที่ผ่านมาหลายวัน และไม่ได้ฉีดฟอร์มาลีน สาเหตุอาจจะเป็นเพราะกายธาตุของผู้ตาย หรืออาจจะเป็นสาเหตุอื่น ซึ่งตนยังสรุปไม่ได้ และตนจะขอลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบก่อน เช่นเดียวกับกรณีอาถรรพ์การตัดเชือกตราสังก่อนเผา ซึ่งตนต้องลงพื้นที่ตรวจสอบก่อนเช่นกัน
ส่วนเรื่องที่ตายแล้วห้ามเอาศพเข้าบ้าน เพราะเกรงจะเกิดอาถรรพ์ เรื่องนี้ห้ามความเชื่อของชาวบ้านไม่ได้ แต่ถ้าจะทำเพื่อความสบายใจ ก็ควรจะไปจัดที่วัดแทน สุดท้ายนี้ ตนอยากจะฝากบอกว่าเรื่องอาถรรพ์คงจะไม่มี แต่สิ่งที่ควรคำนึงคือการเห็นใจกันและกัน เพราะคงจะไม่มีใครอยากให้ลูกหลานตัวเองตาย
